BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

อยู่ไปวันๆ ไม่ดีตรงไหน ?


อยู่ไปวันๆ ไม่ดีตรงไหน ?

ในหนังจีนเรื่องหนึ่ง ตัวเอกเป็นยอดซามูไรเดินทางมาจากญี่ปุ่นเพื่อมาท้ารบจอมยุทธ์ในแผ่นดินใหญ่... ก่อนจะถึงวันประลองยุทธ์นั้น ภรรยาของยอดซามูไรก็มาตามกลับบ้านบอกกล่าวทำนองว่า...

  • กลับบ้านเถิดพี่ ! ลูกๆ ก็คิดถึงพ่อ นาไร่และโรงสีก็ขาดคนดูแล...

จากคำปรารภข้างต้น ทำให้เกิดวิวาทะขึ้น ระหว่างยอดซามูไรและภรรยาว่า..

  • ข้า ! ไม่อยากอยู่ไปวันๆ
  • แล้ว... อยู่ไปวันๆ ไม่ดีตรงไหน ?

นั่นคือ ความเห็นต่างที่หนังจีนสะท้อนออกมา ซึ่งเมื่อก่อนผู้เขียนก็คิดว่า ไม่อยากจะอยู่ไปวันๆ ... แต่หลายปีมานี้ คำถามว่า อยู่ไปวันๆ ไม่ดีตรงไหน ? ... กลับมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

............... 

เทอมนี้ ผู้เขียนไม่ได้สอนหนังสือ และหรือ อาจเลิกสอนตลอดไป... ผู้เขียนสอนหนังสือมานาน กล่าวได้ว่าเริ่มหัดสอนหนังสือโดยช่วยติวให้เพื่อนตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น ชีวิตของความเป็นครูนั้น เริ่มแรกมีความภูมิใจในตัวเองที่สามารถช่วยติวคณิตศาสตร์และกลศาสตร์ต่อเพื่อนๆ ได้... และเมื่อเข้ามาบวช ผ่านการเป็นครูมามานานปีและหลายรูปแบบ ความภูมิใจในความเป็นครูเลือนหายไป มองไปถึงสิ่งที่ควรจัดการสูงขึ้นไป....

คนๆ หนึ่งนั้น เป็นสมาชิกของเซ็ตหลากหลาย เช่น ในฐานะลูกของพ่อแม่ สมาชิกของตระกูลในฝ่ายต่างๆ ศิษย์เก่าของสถานศึกษาหรือสำนักนั้นๆ ภิกษุในบวรพุทธศาสนา หรือพลเมืองของรัฐ เป็นต้น... เมื่อคำนึงถึงความเป็นสมาชิกของเซ็ตนั้นๆ แล้ว ความเป็นตัวกูของกูก็ย่อมเกิดขึ้น นั่นคือ ต้องการที่จะจัดการแต่ละเซ็ตที่สังกัดอยู่ให้ดีขึ้นตามความเห็นส่วนตัว (ซึ่งก็ยืนยันไม่ได้ว่า ความเห็นส่วนตัวนั้นจะถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ?)... แต่โอกาสในการเข้าไปจัดการนั้นมีน้อยเหลือเกิน บางกรณีก็แทบจะไม่มีโอกาสเลย...

การอยู่ไปวันๆ ก็สุขสบายดี... เพียงแต่ว่าบางอย่างที่คุกรุ่นอยู่ภายใน แม้สามารถอาจทำให้สงบลงได้โดยใช้หลักธรรมที่เป็นฝ่ายตรงข้ามเข้าไปข่มไว้ หรือด้วยการหาสิ่งทดแทนเพื่อความเพลิดเพลินอื่นๆ... แต่ ความคุกรุ่นภายใน จะฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง (และอีกครั้งๆ ) เมื่อมีอารมณ์บางอย่างมากระทบ...

การอยู่ไปวันๆ ก็คือการทำให้สิ่งที่คุกรุ่นภายในสงบระงับไป หรือการหาสิ่งเพลิดเพลินอื่นๆ เข้ามาทดแทนเพื่อบดบังไว้... แค่นั้นหรือ ?

ถ้าตอบได้ว่า เพียงแค่นั้น ก็อาจสอดรับกับคำว่า อยู่ไปวันๆ ไม่ดีตรงไหน ?

...............

อันที่จริงจะเขียนต่อ แต่เขียนๆ ลบๆ หลายครั้ง นั่นคือ เริ่มจะ ฟุ้ง จึงขอจบห้วนๆ ... แต่ก่อนจบใคร่ถามความคิดเห็นเล่นๆ ว่า

  • อยู่ไปวันๆ ไม่ดีตรงไหน ?
คำสำคัญ (Tags): #อยู่ไปวันๆ
หมายเลขบันทึก: 164620เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2008 14:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 16:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)

ผมก็รักการอยู่ไปวัน ๆครับ  ผมไม่รู้ว่าคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้  คนเราทำไมจะต้องขนขวายอะไรไปให้มากมายนัก  แต่การอยู่ไปวัน ๆไม่ใช่การอยู่แบบเฉย ๆ   พูดไปพูดมาก็เข้าหลังที่ในหลวงทรงพระราชทานไว้  ทุกคนบอกว่าดีแค่น้อยคนนักที่จะทำตามได้

 

ผมรักการอยู่ไปวันๆครับมีความสุข  ไม่ทุกข์ร้อนไม่รีบเร่ง สบายตัว

ด้วยความเคารพอย่างสูง

โอม

P

วาทิน ศานติ์ สันติ

 

การอยู่ไปวันๆ ถ้ามองในแง่สันโดษ ก็น่าจะสอดคล้องกัน ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า

  • สนฺตุฎฺฐี ปรมํ ธนํ  ความสันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง

แต่ การสันโดษ คือ ความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่เป็นอยู่ ไม่อาจทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าได้...

ใน มหัตตสูตร กล่าวถึง การไม่สันโดษ ว่าเป็นคุณธรรมนำไปสู่ความเป็นใหญ่ คือ ความเจริญก้าวหน้า... ดู พระสูตรว่าด้วยความเป็นใหญ่ (พร้อม ลิงค์ อื่นๆ)

ธรรมะ มองผิวเผินคล้ายดังขัดแย้ง แต่มองให้ลึกก็จะลึกซึ้งยิ่งขึ้น...

เจริญพร

  • กราบนมัสการครับหลวงพ่อ
  • อ่านบันทึกของหลวงพ่อบ่อยครั้งแต่ไม่เคยทิ้งร่องรอยไว้
  • ครั้งนี้เลยถือโอกาส ไม่ได้อ่านไปวัน ๆ ครับ
  • ขอบพระคุณครับ

P

นายสายลม อักษรสุนทรีย์

 

รู้สึกเบื่อๆ เครียดๆ ทั้งวันแล้ววันนี้ แต่พอได้อ่านสำนวนว่า...

  • ...ไม่ได้อ่านไปวัน ๆ ครับ...

5 5 5 5  5 5 5 5 5...........

(หัวเราะอย่างอารมณ์ดีและสดชื่นเป็นครั้งแรกในวันนี้เลย)

เจริญพร 

กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ

สำหรับตัวเอง อยู่ไปวันๆ บางทีก็ดี บางทีก็ไม่ดีค่ะ แล้วแต่สถานการณ์ ตอนนี้ยังตัดภาระทางโลกไม่ได้ การอยู่ไปวันๆ แบบไม่ทำอะไรจึงไม่ค่อยดีในบางครั้ง เพราะภาระทางโลกมักมีกำหนดการที่ต้องทำให้ทันตลอด  แต่ก็คิดตลอดเหมือนกันว่า สิ่งที่ทำในแต่ละวันนั้น ถ้าไม่มีเราอยู่ทำ ก็คงมีคนอื่นทำแทนได้ คือเราไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ^ ^  แล้วก็เลยทำงานแต่ละวันอย่างไม่เครียด แต่บางทีก็จับได้เหมือนกันว่าตัวเองเครียดเนื่องจากร่างกายต้องทำงานนานๆ ต่อกัน 

ในทางกลับกัน เคยพักนานๆ แบบไม่ทำอะไรเลย ก็พบว่าร่างกายก็เครียดจนปวดหัวเหมือนกัน เพราะหลับนานเกิน ร่างกายนอนนานเกินก็ปวดเมื่อยเหมือนกัน ^ ^

สรุปจากประสบการณ์ส่วนตัวคือ ก็ทำไปพอดีๆ ในแต่ละวัน ทำบ้างพักบ้าง และไม่สำคัญตัวเองมากไปนักก็จะสบายใจดีค่ะ 

P

กมลวัลย์

 

ความเห็นของอาจารย์ก็ทำให้ยิ้มๆ ได้เหมือนกัน (.......)

เมื่อก่อนใช้สูตรว่า....

  • ชีวิตไม่ต้องกังวลอะไรมาก มันจะแสวงหาจุดลงตัวของมันเอง

แต่พอผ่านหลักสี่มานี้ รู้สึกว่า สูตรนี้ใช้ไม่ค่อยได้ผล คล้ายๆ มันจะดื้อยา (.... )

เจริญพร 

 

ถ้าการไม่ทำอะไรเป็นความสูญเปล่าทางกายแล้ว การไม่มีเป้าหมายก็เป็นการสูญเปล่าทางใจครับ ส่วนจะดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นกับมุมมอง เพราะคำว่าดีนั้น มีลักษณะสัมพัทธ์

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฎฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุฎฺฌฐน
ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ
จกฺกํว วหโต ปทํ ฯ2ฯ

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฎฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปสนฺเนน
ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ สุขมเนฺวติ
ฉายาว อนปายินี ฯ2ฯ

อสาเร สารมติโน
สาเร จ อสารททสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจํฉนฺติ
มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา ฯ11น

สารญฺจ สารโต ญตฺวา
อาสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ
สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา ฯ12ฯ

P

Conductor

 

คุณโยมเมตตา เอางานมาให้ทำแล้ว ก็จะฉลองศรัทธา แปลเล่นๆ...

คาถาแรก....

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฎฺููฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุฎฺเฐน
ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ
จกฺกํว วหโต ปทํ ฯ

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จได้ด้วยใจ หากว่าบุคลมีใจถูกกิเลสประทุษร้ายแล้ว กล่าวอยู่หรือกระทำอยู่ก็ตาม... เพราะใจถูกกิเลสประทุษร้ายแล้วนั้น ความทุกข์ย่อมติดตามเขาไป ประดุจล้อติดตามรอยเท้าโคตัวที่กำลังลากเกวียนไปอยู่ฉะนั้น ฯ

หมายเหตุ คาถานี้ แก้  ปทุฎฺฌฐน เป็น ปทุฎฺเฐน

..............

คาถาที่สอง.... 

 มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฎฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปสนฺเนน
ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ สุขมเนฺวติ
ฉายาว อนุปายินี ฯ

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จได้ด้วยใจ หากว่าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว กล่าวอยู่หรือกระทำอยู่ก็ตาม... เพระใจผ่องใสนั้น ความสุขย่อมติดตามเขาไป ประดุจเงาติดตามร่างกายคนเราไปอยู่ฉะนั้น ฯ

หมายเหตุ คาถานี้ แก้ อนปายินี เป็น อนุปายินี 

............. 

คาถาที่สาม....

อสาเร สารมติโน
สาเร จ อสารทสฺสิโน
เต สารํ นาธิคจํฉนฺติ
มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจรา ฯ

บุคคลสำคัญในสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารว่าเป็นแก่นสาร เห็นในสิ่งที่เป็นแก่นสารว่าไม่เป็นแก่นสาร... เขามีความดำริผิดเป็นอารมณ์เที่ยวไปประดุจโค ย่อมไม่บรรลุสิ่งที่เป็นแก่นสาร

หมายเหตุ คาถานี้ แก้ อสารททสฺสิโน เป็น อสารทสฺสิโน 

..........

สารญฺจ สารโต ญตฺวา
อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ
สมฺมาสงฺกปฺปโคจราฯ

บุคคลรู้สิ่งที่เป็นแก่นสารโดยความเป็นแก่นสาร และรู้สิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารโดยความไม่เป็นแก่นสาร... เขามีความดำริชอบเป็นอารมณ์เที่ยวไปประดุจโค ย่อมบรรลุสิ่งที่เป็นแก่นสาร ฯ

หมายเหตุ คาถานี้ แก้ อาสารญฺจ เป็น อสารญฺจ

.....

เจริญพร  

P

Conductor

  

ยังผิดอยู่อีกคำ (เพิ่งเห็น) ในคาถาที่สาม นาธิคจํฉนฺติ แก้เป็น นาธิคจฺฉนฺติ

....... 

อนึ่ง คำว่า โคจร ตามศัพท์แปลว่า การเที่ยวไปของวัว (ค + จร = โคจร, โค = วัว , จร = เที่ยวไป)

แต่แปลว่า อารมณ์ ได้  แต่อาตมาแปลโลดโผนนิดหน่วยว่า อารมณ์เที่ยวไปประดุจโค นั่นคือ คนเราจะคิดไปเรื่อย โดยคิดถึงสิ่งโน้นบ้างสิ่งนี้บ้าง ซึ่งสิ่งที่เราคิดถึงนี้ เรียกว่า อารมณ์

และการที่เราคิดไปเรื่อยๆ นี้เอง... ท่านเปรียบเหมือนวัว (โค) ซึ่งเที่ยวเลาะเล็มหญ้าหาอาหารไปเรื่อย ดังนั้น คำว่า โคจร จึงแปลว่า อารมณ์์ ได้ หรือจะแปลให้เต็มๆ ว่า อารมณ์เป็นที่เที่ยวไปประดุจโค ... ทำนองนี้

เจริญพร

หากกิจมิเร่งเร้า

โดยพลัน

เราอยู่ไปวันวัน

ย่อมได้

หากกิจนั่นสำคัญ

และเร่ง กิจนา

จักอยู่วันวันไซร้

ไป่ได้ ดังหวัง

.

.

ยังคิดกิจว่านั้น

อะไรหรือ

หาใส่ตัวเองฤๅ

สั่งใช้

พินิจที่กิจคือ

แยกแบ่ง ออกนา

กิจที่สำคัญไซร้

อย่าให้ ทับถม

.

.

ผมเองในบัดนี้

ครือกัน

มันยุ่งแทบทุกวัน

เร่งเร้า

กิจใดเร่งทุกอัน

มันทื่อ หมดนา

แบบว่าจนด้วยเกล้า

ค่ำเช้า มึนเศียร

นมัสการ หลวงพี่

ขอแนะนำตัวครับ ผมศิษย์ มจร. รุน 49 ครับ  (เส้าหลิน2001)

ขอตอบหวงพี่ว่า.... ดีมั่กมาก  ผมอยู่ไป วันๆ  แตผมอยู่ไปวันๆ โดย ท่อง 

คาถาไปด้วย ว่า ยุบหนอ  พองหนอๆ    ขวาย่างหนอ  ซ้ายย่างหนอ ๆ

ขอแก้คำผิดหน่อยครับ... ขอตอบหวงพี่   แก้เป็น  ขอตอบหลวงพี่...  ครับ

แต ผมอยู่ไปวันๆโดยท่อง    แก้เป็น   แต่ผมอยู่ไปวันๆ โดยท่อง.. ครับ

คงไม่ว่ากันนะครับ  บราณ เขาว่า  "ผิดเป็นครู"

มนัสการ

P

ทนัน ภิวงศ์งาม

 

  • บางอย่างอาจทำได้        คนเดียว
  • บางอย่างนั้นคนเดียว      ไม่ได้
  • การรอใช่ใจเปลี่ยว          จริงไม่ อาจารย์
  • จึงไม่ดีตรงหน้าย           อยู่ป้าย วันวัน

  • ผ่านโลกชีวิตนี้               ตามวัย
  • คงผ่านมาผ่านไป           วันหวั้น
  •  งานการผ่านทำใจ         ทำใช่ ง่ายนา
  • เมื่อว่าง่ายง่ายนั้น           อยู่ได้   วันวัน

เจริญพร 

 

 

P

ครูข้างถนน

 

ยินดีด้วย....

เล่าลือกันว่า นโยบายโบราณของ มจร. ก็คือ

  • ผลิตลูกเขยชั้นดีให้ชาวบ้าน

ครูข้างถนน คงจะเป็นไปตามนโยบายนี้ ส่วนหลวงพี่ กลับเป็นขบถต่อนโยบาย (.....)

เจริญพร 

เล่าลือกันว่า นโยบายโบราณของ มจร. ก็คือ

  • ผลิตลูกเขยชั้นดีให้ชาวบ้าน

ครูข้างถนน คงจะเป็นไปตามนโยบายนี้ ส่วนหลวงพี่ กลับเป็นขบถต่อนโยบาย (.....)

เจริญพร 

นมัสการ ครับหลวงพี่

เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับไหล ลืมตื่น ฤาพี่
          สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
อ้างถูกหรือเปล่าไม่รู้ครับหลวงพี่  แต่........
ที่แน่ๆ ผมก็เจริญรอยตามนโยบาย(Policy)หลวงพี่เหมือน 
เช่นกัน......ครับ (เพราะตอนนี้ผมแต่งกับงาน และ มีลูกเป็นเด็กๆยากจนเด็กน้อยด้อยโอกาศปะเล๊อะปะเต๋อ....)  555 ขำนิดหน่อย

สาธุ...................

คารวะท่านอาจารย์หนึ่งจอกขอรับ..การอยู่ไปวันๆจะดีก็ว่าได้  ..จะไม่ดีก็ได้...  แต่อยู่ที่ว่าแต่ละวันเราทำอะไรให้ดีบ้างเท่านั้นก็พอว่าใหม..สำหรับข้าน้อยคิดว่าแต่ละวันต้องทำสิ่งที่ดีๆให้จงได้แม้น้อยนิดก็ตาม..

ท่านอาจารย์ก็คงจะคิด่วา ชินสาสเน  อุรํ  ทตฺวา  ปพฺพชิตฺวา.........ฯเปฯ...

เอวํ  โหตุ  ฯ  สาธุ  สาธุ  สาธุ

นมัสการพระอาจารย์ค่ะ

อ่านบันทึกนี้สองสามรอบ...ไม่ได้ลงชื่อให้ความเห็นเพราะนำไปคิดทบทวน การอยู่ไปวันๆว่าจะเป็นอย่างไรค่ะ....บังเอิญเหลือเกินค่ำนี้ได้รับโทรศัพท์ระบายความอัดอั้นจากคนที่ รู้สึกว่า ตัวเองอยู่ไปวันๆ คือท่านอาจารย์ที่ early retired ท่านหนึ่งเลยนึกได้คำตอบว่า

  •      อยู่ที่ไหนแม้ใจไม่สุข ชีวิตก็เหมือนอยู่ไปวันๆ สายตาก็คอยจ้องมองคนอื่นแล้วเปรียบเทียบกับตัวเองก็จะมองเห็นแต่ความไม่มีคุณค่าของตัวเองว่าไม่ได้สร้างคุณประโยชน์(อาจจะเป็นเม็ดเงินหรือเป็นการให้กับผู้อื่น) แล้วก็อดไม่ได้ที่จะโทษว่าเพราะเหตุจากคนนั้นคนนี้ กลายเป็นการพึ่งพิงเหตุไว้ที่คนอื่น
  • แต่ถ้าเข้าใจให้ได้ว่าทุกอย่างที่ได้ทำนั้นเกิดจากการเลือกแล้วของตัวเอง คือเลือกที่จะ early retired เข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่าเป็นผลจากการเลือกของตัวเอง ก็จะมองเห็นว่าชีวิตที่อยู่ไปวันๆนั้นคือชีวิตที่ได้เลือก(และคนอื่นอาจจะไม่มีโอกาสเลือก) ก็ทำชีวิตในแต่ละวันให้ใจสงบ ถึงจะอยู่อย่างทำแต่งานบ้านก็จะเห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นว่าตัวเองคือคนกำหนดชะตาชีวิตว่าจะอยู่เช่นนี้

เรื่องอยู่ไปวันๆ แล้วทำให้เกิดความรู้สึกสูญเสียคุณค่าของตัวเอง...ทำให้มาระลึกว่าเพราะสังคมทุกวันนี้เป็นสังคมของ productivity คือคนจะมีคุณค่าต่อเมื่อ "สร้างผลงาน สร้างรายได้" คนที่ไม่มีผลงานและไม่มีรายได้กลายเป็นไม่มีคุณค่า...สังคมแบบนี้ในเมืองไทยเริ่มเมื่อไหร่ไม่ทราบค่ะ...แต่ตัวอย่างชัดเจนก็เช่นโครงการ "น้ำดีไล่น้ำเสียในวงราชการ" ไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่ะ

กราบสามครั้งค่ะ

 

 

P

จันทรรัตน์

 

ความเห็นของอาจารย์มีคุณค่าสูงยิ่ง และรู้สึกว่าตรงประเด็นที่สุด ตามชื่อบันทึกนี้....

อันที่จริงปัญหาของคน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมบวกกับการมองโลกของแต่ละคน...

สำหรับอาตมาเอง ปัญหาอยู่ที่นี้....

คล้ายๆ กับถูกสาปมาให้เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิด  (.....)

เจริญพร 

อนวหยบุรุษ  แปลว่าไงครับแปลกดี   เห็นมีอยู่หลายหน้า  ความคิดเห็นก็เข้าท่านะ  หลวงพี่รู้จักไหมครับผมว่าคงเข้าใจพระพุทธศาสนาพอใช้ได้นะครับ

ไม่มีรูป

ผู้เฒ่า

 

อวหยะ คำนี้ แปลว่า ชื่อ

เมื่อมี ะ (แปลว่าไม่ ) มาปฏิเสธข้างหน้าก็กลายเป็น อนวหยะ แปลว่า ไม่มีชื่อ (น + อวหยะ = อนวหยะ )

ดังนั้น อนวหยบุรุษ ก็อาจแปลง่ายๆ ว่า ชายไม่มีชื่อ

...........

เค้าอ้างว่า รู้จักอาตมา ติดต่อมาทางอีเมล์ด้วย แต่ขี้เกียจตอบ

ถ้าว่ารู้จัก ก็คงจะเป็นรุ่นน้อง และรู้จักอาตมาเพียงผิวเผิน เพราะถ้าเป็นเพื่อนสนิทสนมคุ้นเคยจริงๆ น่าจะไม่แสดงความคิดเห็นที่บ่งบอกสันดานทำนองนี้

เจริญพร

 

เอ้าท่านอาจารย์ไหงพูดอย่างงั้ละครับ.....ผมก็มีความคิดอย่างนั้นจริงก็พูดตามที่คิสิครับไม่ชอบเสแสร้งครับ...อาจารย์คงเจอแต่เพื่อนไม่จริงใจแน่เพราะอาจารย์ว่า...ถ้าเป็นเพื่อนสนิทสนมคุ้นเคยจริงๆ น่าจะไม่แสดงความคิดเห็นที่บ่งบอกสันดาน....เพื่อนจริงต้องรูแสดงสันดานเดิม...สันดานเดิมนะดีกว่าสันดานลวงนะครับอาจารย์ผมว่า...แต่คำว่าสันดานภาษาไทยใช้ไปในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไร..ถ้าบาฬีก็  ok.ครับ....ขอความคิดเห็นแล้วต้องมี..วจนกฺขโม...หน่อยสิท่านอาจารย์....แต่ถ้าความคิดเห็นผมแย้งกับท่านอาจารย์ก็ขอ..กราบประทานอภัยนะขอรับ...

ผมนะรู้จักท่านดีท่านนะชอบดูดท้ายบิดฉันกาแฟดำ..

ไม่มีรูป

อนวหยบุรุษ

 

  • ปญฺจ ปญฺจ ปญฺจ ปญฺจ ปญฺจ
  • เป................ 
  • ปญฺจ
เจริญพร

ไปยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  แต่เอาเรื่องอยู่ทั้งสัปดาห์...

ระหว่างทางเดินกลับมา...ครุ่นคิด

จะชักชวนพระอาจารย์แต่งนิยายกันซักเรื่อง...จรรโลงจริต

หากเห็นควรเร่งพินิจ...ร่วมร่างโครงเรื่อง...ไปวันๆ....55555

 

ผมคิดโครงเรื่องไว้พอควรแล้วครับ...พระอาจารย์

หลักการก็คือ.....แฝงทั้งคติธรรม(ในความมหัศจรรย์ของเรื่อง) โดยอ้างอิงภาษาบาลีของพระอาจารย์(ที่ชาวบ้านเข้าใจง่าย)...และแทรกด้วยโคลงกลอนของอาจารย์ทนัน....เป็นระยะ...

 

แต่งกันซัก 3 ปี...ค่อยตีพิมพ์...จะได้แต่งไปวันๆ ไงครับ....55555 

P

นายขำ

 

อนุโมทนา (ตามใจท่านเลขาฯ เลย...) 

อาตมา... ยินดีจะรับหน้าที่ตรวจสอบอักษรก็แล้วกัน (...............)

เจริญพร 

ยินดีเป็นยิ่งแล้ว.......นายขำ
กลัวแต่ผมจักทำ......ไม่ได้
เหมือนเป็ดใช่จักชำ...นาญเยี่ยง ครูนา
หากว่าสามปีไซร้..... แต่งได้ วันวัน (555)

P

ทนัน ภิวงศ์งาม

 

  • วันวันพอแต่งได้          วันวัน
  • เพียงอยู่ไปวันวัน         แต่งได้
  • ลึกซึ้งแต่งวันวัน          ใช่แต่ง ง่ายนา
  • ไม่ใช่เพียงแต่งได้       อยู่่ได้   วันวัน

5 5 5 5 5 5............

เจริญพร

  • นมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ
  • วันวันพออยู่ได้   วันวัน
    แลแต่งไปวันวัน   แต่งได้
    หากเราอยู่วันวัน   แลแต่ง วันวัน
    วันผ่านวันวันไซร้   ย่อมได้ วันวัน
  • สาธุครับ

P

ทนัน ภิวงศ์งาม

 

  • 5 5  5   5    5     5      5       5        5         5          5 ....

เจริญพร

เค้าโครงเรื่อง...อ้างอิงอภินิหารจากโลกที่มองไม่เห็น...เป็นโลกของเทพแต่มีโรงเรียนหรือสถาบันฝึกฝนการยกระดับความเป็นเทพที่ไม่มีใครสามารถไปถึง โดยมีเงื่อนไขการเข้าโรงเรียนเทพ(คล้ายกับโรงเรียนพ่อมด..แต่ผมอยากให้เป็นแบบวิถีตะวันออก) โรงเรียนเทพขั้นสูง อยู่เหนือยอดหิมพานต์(ภูเขาหิมาลัย) 1 แห่ง...อยู่ที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า 1 แห่ง (มีแต่สุดยอดเทพเท่านั้นที่ได้ไป...อิอิ)

ส่วนโรงเรียนเทพขั้นต้น อยู่ที่เหนือยอดเขาอินทนน 1 แห่ง...ที่วังคำชะโนด 1 แห่ง... อยู่ที่แถบถ้ำลิเจีย 1 แห่ง...และที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้(ต้องให้พระอาจารย์เลือกดูที่ตั้งอันมหัศจรรย์...เพราะผมไม่คุ้นชินกับพื้นที่เลยครับ) 

สัตว์ในเทพนิยายผมเก็บข้อมูลมาจากอาจารย์ณัฐภัทร  จันทวิช ดังนี้

กิเลน(ไทย)

กิเลนจีน

กิเลนปีก

กิหมี

กบิลปักษา

กรินทรปักษา

กาฬสีหะ

การวิก

กุมภีนิมิต

เกสรสิงหะ

ไกรสรนาคา

ไกรสรปักษา

ไกรสรจำแลง

ไกรสรคาวี

ไกรสรราชสีห์

วิทยาธร

ครุฑ

กินนร

คชสีห์

หงส์

นาคา

ทักกะทอ

นรสิงห์

เหม

แค่จินตนาการรูปร่างและคุณสมบัติ

สัตว์ในเทพนิยายของอาจารย์ณัฐภัทร  จันทวิช ก็คงชวนให้พระอาจารย์กับจารย์ทนันปวดหัวแล้วมังครับ...อิอิ

 

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของเหล่าเทพ(หรือมารกันแน่) ก็มีปรากฏให้เห็นอยู่เนือง ๆ ...

เช่น การทรงเจ้าเข้าผีต่าง ๆ

      ซือนามิก็เกิดจากปะทะสงครามเทพครั้งใหญ่

       รถแก๊สระเบิดกลางถนนที่สยองขวัญผู้คนไม่มีวันลืม

       เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่รอให้เราเก็บบันทึก วัน เวลา สถานที่ เชื่อมโยงกับนิยาย(โดยแฝงคติธรรมด้วย...)

ผมกะว่าจะเริ่มเรื่องด้วยเหตุการณ์ปัจจุบัน เด็กแว้นกับเด็กสก๊อย...

ที่จริงเป็นการปะทะกันของตัวละครที่ชื่อ แหวน กับ ก้อย ที่มาประลองวิชากันโดยผิดกฏของเทพ(ก็เล่นมาประลองที่ถนนในกรุงนี่นา)  การเรียกชื่อด้วยภาษาเทพทให้เด็กวัยรุ่นที่แข่งรถกันได้ยินซะนี่...เลยเพี้ยนจาก แหวนเป็นแว้น...ก้อยเป็นสก๊อย...55555

 

ผมว่าเราไปเปิดบล็อกแต่งนิยายกันเลยดีกว่าครับ...อิอิ

 

กราบ 3 หน

      

 

P

นายขำ

 

  • เห็นด้วยเลย....

แต่อาตมาก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องหลายๆ อย่าง ตามโครงเรื่องที่เล่าไว้ เช่น เด็กแว้น น่าจะหมายถึงพวกขับรถเล่น.. ส่วน พวกสก๊อย นี้ ไม่รู้จริงๆ

ดังนั้น สนับสนุนให้ท่านเลขาฯ เิปิดบล็อกใหม่เขียนเลย...

ต่อจากนั้น อาตมา อาจารย์ทนัน และกัลยาณมิตรอื่นๆ จะช่วยกัน ตัด ต่อ แต่ง เติม เพื่อเป็นการเจียรนัยให้สวยงามยิ่งๆ ขึ้น....

เจริญพร

โยมขำวางร่างเค้า๐๐๐๐คราใด พ่อเฮย
พระต่อเติมลงไป๐๐๐๐๐เรื่องนั้น
โยมนันท์นี่ยังไง๐๐๐๐๐ใจฝ่อ รอดู
เชิญหมู่ชาวบล็อกปั้น๐๐ช่วยแต้ม เติมหมาย

P.....

 

เต็ม  ร้อยหมายช่วยแต้ม        นิยาย

ใจ    มุ่งหมายช่วยได้            เรื่องนี้  

ช่วย  แลช่วยเพ่งหมาย          เพียงเพื่อ พอสม

เหลือ  มั่งขาดมั่งนั้น             ปรับแก้ กันไป

 

เจริญพร

พระอาจารย์ครับ...

 

กระผมขอให้ท่านหาชื่อ...มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่อันดับ 1 แห่งสรวงสวรรค์...ซึ่งไม่มีใครคุ้นชื่อนัก(เช่นอิศวร ราม กฤษณะ ฯลฯ)จะใช้เป็นชื่อตัวเอกของเรื่อง(และอาจเป็นชื่อเรื่องด้วย)

พร้อมทั้งตั้งชื่อ มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ 4 ท่าน(4 ทิศ)

 

ทางภาคใต้ของให้ตั้งชื่อที่มิใช่ จตุคามรามเทพ...แต่ก็ให้คนอ่านเทียบเคียงได้...เนื่องจากสงครามมหาเทพครั้งล่าสุด(ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบเป็นซือนามิ)...มหาเทพทางภาคใต้เป็นผู้กำชัย จนกระทั่งมีชื่อเสียงสะท้านไปทั้งแผ่นดิน...55555

 

ได้ชื่อแล้วผมจะรีบไปเปิดบล้อกเลยครับ...อิอิ

 

เทพเทวา ทั่วไท้             เทียมทาน

อาสน์สั่นสะเทือนขวัญ    แน่แท้

เมื่อเราร่วมผ่าสวรรค์      ตีแผ่ เพียงพอ

เราสามเพื่อน ผนึก        พี่น้อง ลองแล      

 

P

นายขำ

 

เทพสูงสุด น่าจะชื่อ อกนิฎฐเทพ (อะกะนิดถะเทพ)...

  • นะ + กนะ + อิฎฐะ = อกนิฎฐ์

นะ (แปลงเป็น อะ)  = ไม่, หามิได้

นะ                    = น้อยหนึ่ง, นิดหน่อย

อิฎฐะ                  = ต้องการ, ปรารถนา

  • อกนิฎฐ์ = ผู้มีความต้องการนิดหน่อยก็หามิได้, ผู้ไม่มีความต้องการแม้น้อยหนึ่ง

อกนิฎฐ์ เป็นสวรรค์ชั้นพรหมสุทธาวาสระดับสุงสุด (มี ๕ ชั้นคือ อวิหา, อตัปปา, สุทัสสา, สุทัสสี, อกนิฎฐ์)... ซึ่งตามนัยพระพุทธศาสนา ผู้จะเข้าถึงชั้นสุทธาวาสเหล่านี้ได้ จะมีแต่พระอริยเจ้าระดับพระอนาคามีเท่านั้น ท่านเหล่านี้จะพัฒนาตนเองไปจนถึงบรรลุพระอรหันต์แล้วก็นิพพานในที่นี้ชั้นใดชั้นหนึ่ง โดยจะไม่กลับมาอีกแล้ว...

เคยอ่านบทกวีของใครก็จำไม่ได้ทำนองว่า มีความเศร้าโศกอย่างหาที่สุดมิได้ น้ำตาไหลนองจนกลายเป็นทะเล แล้วตนเองก็ลอยอยู่ในทะเลน้ำตา เกือบจะจมทะเลน้ำตาตายแล้ว แต่บังเอิญเทพชั้นอนิฎฐพรหมได้ยื่นมือมาฉุดดึงไว้ ทำให้รอดพ้นมาได้... (สุดยอดการจินตนาการเลย 5 5 5)

............

ส่วนเทพทั้ง ๔ ทิศนั้น น่าจะใช้เทพประจำทิศทั้ง ๔..  ท่านเลขาฯ อ่านเอาเองก็แล้วกัน... ส่วนสัตว์ประจำเทพเหล่านี้ เช่น ู ก็อาจประยุกต์มาใช้ในท้องเรื่องได้ตามความเหมาะสม...

เจริญพร

 

  • นมัสการครับ
  • ธะตะรัฏฐะท่านเฝ้า๐.๐บูรพา
    วิรุฬหะกา๐๐""""๐๐๐๐อยู่ใต้
    วิรูปักษ์รักษา๐๐๐๐๐๐ตกซื่อ ก้ำแล
    เวสสุวัณองค์ไท้๐๐๐๐ใฝ่เฝ้า ทิศเหนือ
    .
    เขือเราวานท่านท้าว๐๐จตุรา
    รักษ์อยู่ยังทิศา๐๐๐๐.๐สี่ก้ำ
    บังปัดซึ่งภัยยา๐๐๐๐.๐ผีป่า สางภู
    โลกอยู่เป็นสุขล้ำ๐๐๐๐แต่นี้ ชั่วกัลป์
  • กราบ 3 หนครับ

ตอนนี้ผมเปิดคลังข้อมูลเทพนิยายไว้เก็บข้อมูลเบื้องต้น...

รวมทั้งข้อมูลที่จะเพิ่มเติมนิมนต์พระอาจารย์และอาจารย์ทนันครับ...

นึกอะไรได้เอามาเก็บไว้ก่อน...

 

แล้วค่อยไปเรียบเรียงในบันทึกเทพนิยายอีกครั้ง...

 

กราบ 3 ครั้ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท