ความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากการอ่านบันทึกการเดินทางของ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์


.... ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากจะเชื้อเชิญให้ท่านได้อ่านบันทึกการเดินทางฉบับนี้ ฉบับที่ผมถือว่าเป็นบันทึกชีวิตที่ผ่านมาของท่านอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ทั้งชีวิตก็ว่าได้...

        ผมอ่านหนังสือที่ชื่อว่า  เดินสู่อิสรภาพ  จบภายในเวลาไม่นาน  ทั้งๆ ที่หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะหนา คือมีจำนวนหน้าถึง 504 หน้า    โดยปรกติผมเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือหนาๆ หรือที่มีเนื้อหาที่ยาวๆ (ยกเว้นหนังสือกำลังภายใน) 

           

<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">        แต่หนังสือ เดินสู่อิสรภาพ เล่มนี้เป็นหนังสือที่ไม่ธรรมดาครับ ผมรู้สึกประทับใจตั้งแต่ได้เห็นครั้งแรก และยิ่งได้ทราบว่าเป็นของสำนักพิมพ์สุขภาพใจ ก็ทำให้ตัดสินใจซื้อทันที และก็ไม่ผิดหวังครับ อ่านไปๆ แล้วรู้สึกเหมือนกับได้ก้าวเดินไปกับท่านอาจารย์ ประมวล ถึงแม้จะเป็นการเดินทางด้วยเท้ายาวนานถึง 66 วัน บนระยะทางกว่า 1000 กิโลเมตร จากเชียงใหม่ไปถึงสุราษฏร์…. แต่ก็เป็นการปฏิบัติบูชาที่น่าสนใจยิ่ง เป็นการเรียนธรรมะจากชีวิตจริง ทำให้ได้เห็นว่า ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง ไหลเลื่อนเรื่อยไปผ่านกาลเวลา และสถานที่</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">        ในหน้า 372 มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง ปริศนาธรรมของชาวธิเบต ที่ถามว่า จะทำน้ำหยดหนึ่งมิให้เหือดแห้งได้อย่างไร และก็มีคำเฉลยว่า จงทำน้ำหยดหนึ่งนั้นให้เป็นทะเล เพราะน้ำหนึ่งหยดที่แยกอยู่นั้น จะเหือดแห้งไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากน้ำหยดนี้ผสมรวมกับน้ำหยดอื่นๆ แล้วผสานรวมกันเป็นธารน้ำ เป็นสายน้ำ เป็นแม่น้ำ ไหลไปรวมกันเป็นทะเล ความร้อนแรงแห่งแสงตะวันก็มิอาจทำให้มันเหือดแห้งไปได้ ท่านอาจารย์ประมวลกล่าวต่อไปว่า   ความรู้สึกยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกูของกู เปรียบเหมือนการดำรงอยู่ของหยดน้ำ เป็นการดำรงอยู่ที่แยกตัวออกมาปรากฏเป็นหยดๆ การรวมตัวของหยดน้ำที่ผสานเป็นสายน้ำ เป็นลำธาร เป็นแม่น้ำ และเป็นทะเล คือการละทิ้งการยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">        นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมประทับใจ ผมสามารถอ่านไปได้เรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ อยากจะรู้ต่อไปว่าวันนี้อาจารย์ประมวลจะเดินไปถึงไหน จะเจอกับใคร จะพบกับอะไร และผมเองก็จะได้เรียนรู้ไปกับท่านอาจารย์ด้วย มันช่างเป็นการเดินทางที่สวยงามและเบิกบานยิ่ง ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะครับว่าที่ osho พูดว่า แท้จริงแล้วมีเป้าหมายอยู่ในทุกๆ ย่างก้าว นั้นเป็นเช่นใด ยิ่งอ่านไปๆ ก็ยิ่งได้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิต เกิดความรู้สึกที่ดี ได้เห็นแง่มุมความงามของชีวิต  เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียกว่า ไมตรีจิต เห็นพลังความเมตตาที่ท่านอาจารย์ประมวลสัมผัสมาตลอดการเดินทาง เกิดความหวัง และยังทำให้ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วในสังคมไทยยังมีสิ่งดีๆ อีกมากให้เราได้สัมผัส และได้เรียนรู้ เพียงแต่เราต้องก้าวออกจากประตู สู่โลกกว้าง ที่รอต้อนรับเราอยู่เท่านั้นเอง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>         ทั้งหมดนี้คงเป็นเพียงความรู้สึกอันน้อยนิดที่ผมพอจะแบ่งปันและสื่อสารกับท่านได้ แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากจะเชื้อเชิญให้ท่านได้อ่านบันทึกการเดินทางฉบับนี้ ฉบับที่ผมถือว่าเป็นบันทึกชีวิตที่ผ่านมาของท่านอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ทั้งชีวิตก็ว่าได้

หมายเลขบันทึก: 89972เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2007 14:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

อาจารย์คะ

ได้อ่านครั้งแรกในรูปแบบของรายงานการประชุมจิตวิวัฒน์ ของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และได้บันทึกความรู้สึกไว้ใน การเดินทางสู่ความเป็นมนุษย์ที่แท้

ว่า "อ่านช้าๆ ทบทวนด้วยใจ แล้วจะพบบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในใจของเราเอง"

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับอาจารย์ jc ผมเข้าไป download เก็บเอาไว้แล้วครับ
  • ผมเพิ่งอ่านจบเมื่อวานครับ
  • อยากแนะนำให้อ่านครับ ผมอยากจะเล่าให้หลายๆ คนฟังว่าเนื้อหาเป็นเช่นไร
  • แต่คิดว่าเล่าอย่างไรก็ไม่ได้อรรถรสไปกว่าอ่านจากหนังสือเอง
  • ยอมสละเงินสักสามร้อยบาท  เพื่อสิ่งที่ท่านไม่อาจได้พบและสัมผัสสิ่งดีๆ ด้วยตัวท่านเองเถอะครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

 

ขอบคุณมากครับสำหรับสิ่งดีๆที่ให้มา

ผมรับชมวันที่ท่าน อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ออกรายการ TV ช่อง 7 รายการจมูกมด เมื่อ 2 วันที่แล้ว รู้สึกประทับใจ และทึ่ง ยอมรับในความเข้มแข็งของจิตใจและร่างกาย ที่พยายามจะปลดปล่อยอิสรภาพออกมาจริงๆครับ ..คงหาโอกาสซื้อมาอ่านครับ

ขอบคุณท่าน ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด ที่กรุณานำเรื่องราวดีๆ อย่างมามาเล่าให้ฟังครับ

 

มาอ่านเรื่องเล่าดีๆจากอาจารย์ค่ะ   ขอบคุณสำหรับการถ่ายทอดที่ประทับใจค่ะ
อาจารย์หมออัจฉราครับ ผมไปเยี่ยมพระป๋องมาแล้วครับ ท่านดูมีความสุขมากนะครับ ผมพบท่านแล้วก็มีความสุขมากครับ

ชอบมาก เช่นเดียวกับอาจารย์ค่ะ

ขอบคุณ อาจารย์ประพนธ์ ที่เขียนถึง

ยิ่งอ่านยิ่งชอบ มีความรู้สึกนับถือและขอบคุณ  อ ประมวล เพ็งจันทร์

ได้หนังสือนี้ จากคุณ นภาพร เพื่อนรัก ซึ่งเป็นญาติสนิทด้วย  เธอเป็นภรรยา อาจารย์ ชัชวาล ปุนปัน ในเรื่อง

อ่านแล้วเกิดความรู้สึก ชะงักนิ่ง ปิติ และสงบ ย้อนคิดถึงชีวิตตัวเอง และรู้สึก เป็นโชคดีมากที่ได้อ่าน

ลดอัตตา ตัวเองไปได้เยอะ มีความสุขมากขึ้น กับอะไรที่ทำได้ด้วยตนเอง  รู้สึกดีและวางใจกับคนแปลกหน้ามากขึ้น  กลัว โดยไม่มีเหตุผลน้อยลง

 เสียสละ และตั้งใจทำดี ทำงานยากๆอย่างเต็มอกเต็มใจมากขึ้น ทำอะไรก็คิดย้อนไปถึงอ ประมวล  ทุกย่างก้าวคือการเรียนรู้

ตอนได้ มา อ่านจบรวดเดียวในคืนแรก ตอนนี้เป็นหนังสือที่ประจำอยู่หัวนอน อ่านก่อนนอนทุกคืน น่าจะเป็นรอบที่สาม

ที่ตั้งใจคือ จะซื้อหนังสือเล่มนี้ให้คนที่เรารัก และหวังดี อีกหลายๆคน

 

กำลังอ่านอยู่เลยครับ...

มีอะไรดี ๆ ในทุก ๆ บรรทัดที่อ่านจริง ๆ ครับ...

ขอบคุณครับ...

 

แสดงว่าเรา (ผม, Mr.Direct, อาจารย์ Handy, คุณสายน้ำแห่งความคิด และ อาจารย์หมอรวิวรรณ "คอเดียวกัน" ครับ

เป็นความกล้าหาญครับสำหรับการกระทำของอาจารย์ ดร.ประมวล ท่านแสดงถึงความเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่  เป็นดุจประทีปส่องสว่างแทนการตัดสินผู้คน  แสดงตัวเป็นแบบอย่างแทนการวิพากษ์วิจารณ์ผู้ใด 

"แม้เป็นเพียงหินก้อนเล็กที่ตกลงสู่ทะเลสาป  แต่ด้วยพลังสายลมแห่งเสียงของประชาชนที่ร่วมอนุโมทนา  ระลอกคลื่นน้อย  จักเพิ่มพลังทวีคูณ  จนสามารถชะล้างฝุ่นผงแห่งความกลัว  ที่เกาะจิตของมนุษย์ทุกนามที่อยุ่ริมทะเลสาป  ทำให้มีความกล้าหาญที่จะละกิเลสอันเกาะเกี่ยวจิตใจให้เบาบาง  หรือแม้กระทั่งหมดสิ้นไปได้"

ขอพลังแห่งความรักจงอยู่กับทุกท่านครับ

เดินตามหาหนังสือเล่มนี้นาน 2 อาทิตย์แล้ว หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวของท่าน ดร.ประมวลผ่านหน้าจอทีวีของรายการหนึ่ง ปกติตัวเองเป็นคนชอบเขียนบันทึกประจำวันแต่ชีวิตไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยจนต้องหยุดการเขียนบันทึกเรื่องราวของตัวเองซ้ำๆเหมือนเดิมทุกวันลง แต่แล้วเช้าวันหนึ่งดิฉันก็ได้มีโอกาสได้กลับไปค้นเอาบันทึกที่ปล่อยให้หน้ากระดาษมันว่างเปล่าไร้รอยปากกา กลับมามีตัวอักษรจนเต็มหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า เพราะบังเอิญได้ไปฟังเรื่องราวของดร.ประมวล เลยทำให้ต้องเดินออกตามหาหนังสือเล่มนั้นจนเหนื่อยแต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้อ่าน เพราะร้านเขาบอกว่ามันหมด กำลังสั่ง แต่ดิฉันก็จะรอจนกว่าจะได้อ่าน ตอนนี้เลยได้แต่นั่งอิจฉาพวกท่านที่ได้อ่านสิ่งดีๆก่อนดิฉัน หวังไว้ว่าคงจะได้อ่านสักวัน

คงไม่นานเกินรอครับ

ดูอาจารย์ประมวลให้สัมภาษณ์รายการจมูกมดแล้วรู้สึกว่า มีอะไรลึกซึ้ง รีบไปหาหนังสือมาอ่าน หลายช่วงที่อ่านแล้วก็น้ำตาซึม  ประทับใจมาก

ผมเคยฟังรายการทางวิทยุที่อาจารย์ประมวลให้สัมภาษณ์ ฟังจนจบได้ความคิืดหลายมิติ ได้มุมมองที่เสมือนม่านหมอกที่เคยปิดกั้นทัศนียภาพบนฟากฟ้า ให้สว่างจ้าเห็นดวงจันทร์และดวงดาวในจักรวาล ยิ่งเมื่อได้อ่านหนังสือ "เดินสู่อิสรภาพ" ของอาจารย์ ก็ยิ่งทำให้สว่างกว่ามองไปยังสุริยันจันทราและหมู่ดาราที่ส่องประกายวับวาว  ทำให้นึกถึงวรรณกรรมหลายเรื่องที่เคยอ่านแล้ววางไม่ลง ประทับใจ เช่นบ้างเ้ล่ม "ข้าพเจ้าทดลองความ" ของมหาคานธี/ "โฉมหน้าประวัติศาสตร์สากล" ของ ยวาหรลาล เนห์รู อดีตนายกคนแรกของอินเดีย/ "คำพิพากษา"ของ ชาติ กอบจิตติ/"ลีลาวดี"ของศ.แสง จันทร์งาม/และวรรณกรรมที่ดูเสมือนยาวที่สุดของไทย คือ "เพชรพระอุมา" ของพนมเทีัยน (ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ) ฯลฯ ยังมีหนังสือดีัๆอีกเยอะอยากจะแนะนำให้อ่าน แต่เกรงจะรบกวนสายตาทุกท่าน จึงบอกกล่าวและขอมีส่วนหนึ่งของความคิดที่จุดประกายเล็กๆน้อย เผื่ออาจมีใครผ่านสายตา ณ ตรงจุดที่ผมเขีัยนบ้าง

ขอจบด้วยข้อความบางตอนจากหนังสือ "เดินสู่อิสรภาพ" ของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์

".. เงินตรา เป็นพลังอำนาจทางสังคมที่มีอิทธิพลเหนือความสำนึกรู้ ทั้งนี้เป็นเพราะความเคยชินที่ได้ดำเนินชีัวิตอยู่ในสังคมซื้อ-ขายมาเป็นเวลายาวนาน

ในสังคมซื้อ-ขาย ทุกสิ่งไหลมาสู่วิถีชีิวิตด้วยอำนาจแห่งเงินตรา และก็ไหลจากไปด้วยพลังอำนาจแห่งเงินเช่นเดียวกัน" หน้า ๓๕๘

------------

อ่านข้อความหน้า(๓๕๘)นี่แล้วอยากให้ย้อนกลับไปอ่านหน้า  ๓๐๐  ซึ่งมีประโยคที่ประทับใจมาก

"มนุษย์อาจเบียดเบียนทำลายกันเมื่อมีการต่อสู้แข่งขัน
มนุษย์อาจเมินเฉยไม่ใส่ใจในชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ เมื่อเขารู้สึกว่ามนุษย์ผู้อื่นไม่เหมือนเขา มีอะไรแตกต่างเขา
แต่มนุษย์จะไม่ยอมให้เพื่อนมนุษย์อดตายต่อหน้าเขา" เรื่องเดียวกัน หน้า ๓๐๐

ยังมีสิ่งดีๆรอให้ทุกคนได้อ่านในหนังสือเล่มนี้ โชคดีทุกคนครับ 

เพิ่มเติมอีกนิด ผมรีบไปหน่อยเลยพิมพ์ผิด หนังสือของมหาตมะคานธี ชื่อเ็ต็มคือ "ข้าพเจ้า่ทดลองความจริง" ขออภัยที่สะเพร่าไปหน่อยครับ

เพิ่งอ่านจบและนิ่งลอยไปกับความรู้สึกทั้งมวลสักครู่

ถ้าชอบความรู้สึกเช่นนี้ ลองหา "แผ่นดินของเรา" ( Terre des Hommes) ของ Antoine de Saint -Exupery แปลเป็นไทยโดย อาจารย์ โคทม-พรทิพย์ อารียา ก็จะได้ความอิ่มเอิบแบบเดียวกัน ลองดูสักตอนนะครับ

" เราจะมีความสุขก็เมื่อเรารู้สึกถึงบทบาทแม้เพียงเล็กน้อยที่สุดของเรา เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงจะมีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข จะตายไปอย่างสันติสุขเพราะว่าสิ่งที่ให้ต่อชีวิตก็ให้ความหมายต่อความตาย

 ความตายจะดูอ่อนโยนนัก เมื่อเป็นไปตามกฏเกณฑ์ธรรมดา ชาวนาแก่ๆของโปรวังซ์ เมื่อถึงวาระสุดท้ายแห่งการครองสมบัติก็จะมอบส่วนแบ่งของแพะและต้นมะกอกให้แก่ลูกๆเพื่อให้พวกเขาส่งต่อไปยังลูกยังหลานต่อๆกันไปอีก  ในตระกูลชาวนาไม่เชิงมีการตายดับไปหรอก  ชีวิตเมื่อถึงเวลา ก็จะกระเทาะออกเหมือนฝักถั่วให้เป็นเมล็ดพันธุ์ออกมา

ขอบคุณทุกๆ ท่านสำหรับคำแนะนำ และการแบ่งปันประสบการณ์

ผมกำลังจะหาหนังสือที่ คุณกูรูขอบสนาม และคุณภัทร แนะนำมา ....จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องลีลาวดี เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว ยังประทับใจไม่ลืมเลือน!

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท