ความเงียบสงบของยามค่ำคืน..ท่ามกลางความชุ่มเย็นของสายฝนที่ปรอยลงมา อยู่ ๆ ความคิดก็ผุดขึ้นมา.....
มีอยู่สองอย่างที่ใจของตนเองคิดไปคิดมาว่าภาษาไม่สามารถอธิบาย บรรยาย ได้ถึงความรู้สึกของ ๒ อย่างนี้ได้อย่างละเอียดและประณีต นอกเสียจากตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้สึกดื่มด่ำกับความรู้สึกเหล่านั้นด้วยตัวของเราเอง พลังของภาษามีอานุภาพที่ไปไม่ถึงที่ว่านี้ก็คือ "ความรัก" และ "สมาธิ"
แล้วตัวเองก็กลับมาสงสัยต่อว่าในภาษาอื่น ๆ เขาจะมีอธิบาย บรรยาย ถึงความรู้สึกละเอียดประณีตของ ๒ อย่างนี้ไหม ???
............................
ทำไมวนิดาเป็นคนแบบนี้....ว๊าเนี่ย ?????
ไม่มีความเห็น
ฉันชอบ....ฤดูฝน
ฝนพรูซุ่ซู่ซ่าพาชื่นฉ่ำ
เย็นแลค่ำค่ำแลเช้าโปรยเป็นสาย
ร้อยพันหมื่นหมื่นแสนล้านร่วงหล่นปราย
เย็นเย็นกายรื่นรื่นจิตสงบเย็น
.....................
แมว แมว . . . . . . โรแมนติก
ชอบ ๆ ๆ ๆ ๆ
ขอบคุณค่ะคุณหมอ
(@^_________^@)
(@^_____________^@)
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มาส่งกำลังใจให้นะคะ
ไพเราะ เสนาะใจ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับท่วงทำนองของบทเพลงนี้กันค่ะ
(@^________________^@)
ไม่มีความเห็น
เกิดอาการเบื๊อก ๆ กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว...วนิดา
ระหว่างฟังการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการไปปฏิบัติธรรม ณ วัดเขาแก้วเสด็จ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ตามโครงการของ สพฐ.จัดอบรมธรรมะให้กับคุณครู โรงเรียนในฝันทุกโรงเรียนทั่วประเทศเข้ารับการอบรมเป็นรุ่น ๆ ซึ่งอบรมวันพุธที่ ๒๑ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖
จึงได้ระลึกถึงเหตุหนหลัง ที่ทั้งไม่อยากทำและอยากทำ ท่ามกลางกระแสความเห็นต่าง ๆ หลาย ๆ มุม
วนิดาปฏิบัติราชการอยู่ในโรงเรียนในฝันกะเขาด้วย ไม่เคยภูมิใจเท่ากับการเป็นโรงเรียนวัด ๆ เดินไปลูบหัวน้องหมา น้องแมว ไปคุยกับหลวงลุง หลวงตา นั่งกินขนม น้ำ กินข้าว สารพัดอย่างที่หลวงลุง หลวงตา คุณแม่ชี อนุญาตให้กินได้ แล้วยังนำมาโปรยไก่ทำทานลูกศิษย์ได้อีกด้วย บรรยากาศแบบนี้มีที่ไหนอีก (ใจและความคิดแบบเบื๊อก ๆ ของวนิดา..เกิดขบถไปแล้วตั้งแต่ นโยบายส่วนกลางกำหนดให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนในฝัน...ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากเป็นนนนนนนนน...น) แต่ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ไม่อยากทำ เพราะเล็งเห็นแล้วว่าผลได้ ผลเสียเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและให้ความร่วมมือกับผู้ร่วมงาน เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว แต่ใจและความคิด รวมไปถึงเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบ ๆ ทั้งหลาย เกิดขบถทางความคิดเช่นเดียวกันกับครู จึงทำให้รู้สึกว่า....ประเทศยังฝากความหวังไว้กับไอ้แสบทั้งหลายได้ ด้วยคำถามแบบเบื๊อก ๆ เหมือนกัน....ละเราเป็นโรงเรียนในฝันแล้วมันต่างกันตรงไหนกันครับครู ? เออ ! จริง บางวันไม่อยากมาโรงเรียน เพราะมีกิจกรรมซ้อมทั้งวี่ทั้งวัน อยากเรียนก็ต้องได้เรียนดิครู ? เออ ! ใช่ ละงี้พวกเราก็ต้องมาลุยเรียนกันเพลินเลยดิครู ? คงง้านนนนนน ละตอนสอบโอเน็ตก็ต้องมานั่งเรียนตั้งแต่เช้ายันห้าโมงเนี่ย...นะครู....ไม่ยุติธรรมสำหรับชีวิตวัยรุ่นอย่างพวกผมเลย...."จารย์ ? ยังไงไม่ยุติธรรมยังไง... ก็ถึงเวลาเรียนพวกผมก็เรียนเต็มที่ เวลาเล่นก็ต้องมีบ้างไรบ้าง ชีวิตเราไม่ใช่...โอเน็ต ทั้งหมดนะ.... "จารย์ เออ ! เข้าท่าว่ะ...
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันใจหนึ่งไม่อยากไป เพราะว่าโรงเรียนต้องปิดเรียนไปถึง ๓ วัน ลูกศิษย์คงสุขใจที่ได้พักยาว หากเราเป็นเด็ก ๆ เราก็คงดีใจเช่นนี้ แต่นึกถึงกิจกรรมอะไรต่ออะไรที่เป็นปฏิทินกิจกรรมเดือนสิงหาคมนี้ของโรงเรียน ก็ปาเข้าไปแล้วถึง ๓ กิจกรรม คือ วันแม่ วันอาเซียนแค่วันอาเซียนก็กลายเป็นสัปดาห์นรกทั้งครูและลูกศิษย์ได้แล้ว ใช้เวลากว่าสองอาทิตย์จะเสร็จ ละให้โรงเรียนเป็นศูนย์อาเซียนเข้าไปอี๊ก อลังการ....งานเยอะจุงเบย.... ครูก็ได้สอนตามอัตภาพ ลูกศิษย์ก็กิจกรรมเพิ่มตามอัตภาพ (อยากรู้ว่าในชาติอาเซียนด้วยกัน...เขาเป็นอย่างเรามะ ?) แต่โดยภาพรวมยังปลื้มใจได้บ้างว่า...ลูกศิษย์ได้คิด ลงมือทำและแสดงฝีมือด้วยตนเอง พอให้ยิ้มและหัวเราะกันได้บ้าง ดีที่ไม่จัดวันวิทยาศาสตร์ สิ้นเดือนสิงหาคมก็มีกิจกรรมเข้าค่ายสิ่งแวดล้อมของพี่ ป.๕ เข้าค่ายลูกเสือของพี่ ป.๖ และ พี่ ม.๓ เหลือเดือนกันยายนที่ดูจะเต็มเดือน แต่ก็คงเข้าบรรยากาศเดิมคือ ...มาเร่งสอน ตะลุย และตะลุย สอบปลายภาค ชีวิต....นรกทั้งครูและลูกศิษย์ นี่ยังไม่รวมกิจกรรมติวโอเน็ตในภาคเรียนที่ ๒ โดยเริ่มคาบเช้า เวลา ๐๗.๓๐ - ๐๘.๓๐ น. เรียนตามปกติไปจนถึง ๑๕.๓๐ และเพิ่มคาบตอนเย็นตั้งแต่ ๑๕.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. เฮ้อ ! ลูกศิษย์บ่นกันทุกรุ่น ขอแค่คาบเช้าพอค่ะอาจารย์ ตอนเย็นไม่ไหว มันล้า ครูวนิดาสบตาลูกศิษย์ ครูก็เช่นเดียวกันกับเธอน่ะแหละ อย่าไปนับงานพัสดุที่รับผิดชอบ อย่าไปรวมงานอื่น ๆ ที่ทยอยตามมานอกเหนือจากงานสอน อย่าไปนับว่ามีคาบพักไหม เพราะบางวันสอนเต็มหกคาบ ได้พักรับประทานอาหารกลางวัน ๑ ชั่วโมง ถือว่าโชคดีมากแล้ว และก็อย่าไปนับ...ครูลา ครูไปราชการ สอนแทนกัน...หนุกหนาน อย่าไปนับ.....
จะดีกว่าไหม.....หากเราไปจัดอบรมตอนที่ครูปิดเทอม ก็อบรมได้เหมือนกันนี่นา..... ในคาบปกติพอเจอกิจกรรมแต่ละกิจกรรมเข้าไป อย่าว่าแต่ตะลุยสอนเลย สอน ๆ ไป ต้องตะลุยกะอิลูกศิษย์ที่เรื่อยเปื่อย เฉื่อยแฉะด้วย จะให้ทิ้งไปได้ยังไง มองสบตาไปก็ตาดำ ๆ ทั้งนั้น เห็นแก่ประเทศชาติและเยาวชนของชาติจะดีกว่ามะ ?
หากในคาบที่สอน....ได้สอนเต็มที่ ได้มีเวลาเตรียมสอน ถึงสอนแทนก็ไม่กลัว รวมไปถึงเก็บก๊วนเฉื่อยและไม่เฉื่อยได้หมด ไม่ตกหล่นสักคน ถามว่าจะต้องไปเปิดคาบนรก ๆ สอนกันแต่เช้ามะ บางคนสภาพน่าสงสารมาก ยิ่งกว่าวัลลีอี๊ก...ลูกศิษย์บางคนอยากมาเรียนคาบเช้า แต่ต้องช่วยแม่ขายของตอนเช้าก่อนมาโรงเรียน ตอนเย็นก็ต้องรีบกลับไปเก็บล้างช่วยแม่ ความแตกต่างรายบุคคลมีอีกมากมาย แม่ทำงานคนเดียว ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ยังมีลูกศิษย์อีกประมาณ ๑๐ กว่าคน ที่เป็นแบบนี้ แล้วทำยังไง ครูอย่างฉันเองได้แต่เพิ่มเติมในคาบปกติสุดกำลังเท่าที่ทำได้ (หากลำไส้อักเสบไม่กำเริบซะก่อน) ฉันเองคงมองสบตาลูกศิษย์ได้ไม่เต็มตานัก เพราะสิ่งที่ลูกศิษย์ทำ...เป็นสิ่งที่ฉันภูมิใจมากกว่า สพฐ.พอจะเข้าใจ...อะไรบ้างไหม..วะเนี่ย
เรื่องต่อไปก็คือความขัดแย้งทางความคิดของตัวเอง......ที่ต้องไปปฏิบัติธรรม ทำให้เกิดคำถามคิดถามตัวเองต่าง ๆ มากมาย ว่าเราไป..ปฏิบัติธรรมที่นี่ จะทำให้เราเกิดความสงบจริง ๆ ไหม ?
คำตอบที่ได้ที่คิดไปทวนมา เราต้องวางใจ เราไปปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะที่ใด ๆ บุญเกิดจากการกระทำของเรา เรามีความคิด ความคิดที่พระพุทธเจ้าสอนตามหลักกาลามสูตรนี่หว่า....
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2471d57b9fc11e3a
เพราะง้านนนนน.......เราจะไปปฏิบัติธรรมด้วยจิตที่ผ่องแผ้ว เมื่อคิดทบแล้ว....ทวนอีก...ทำให้การไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้มีข้อไม่ชอบใจอยู่บ้าง แต่มีใจแน่วแน่ซะอย่างว่าเรา....จะต้องระงับเหตุทั้งหลายด้วย ศีล สมาธิ และปัญญา และพิจารณาไตรลักษณ์
สรรพสิ่งที่ สพฐ.กำหนดอาจมีสิ่งที่ท้าทายใจเรา...รออยู่ข้างหน้าอีกไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้
เอาวะ....วนิดา ถือข้อดีอีกอย่าง...ได้ลดน้ำหนักไปด้วยนะวุ๊ย ๕ วัน ก็คงจะได้สักวันละขีด..สองขีด นี่ถือเป็นข้อดีอีกข้อ....นา
(@^_____________^@)
คุณครูเขียนเป็นบันทึกได้เลยนะครับ ;)…
แฮ่ะ ๆ ตั้งใจว่าจะเขียนในบันทึกค่ะ แต่ด้วยที่ไม่ทันดูตาม้าตาเรือ ไปกดเอาอนุทินเข้า ก็เลย...ต้องเลย...ตาม...เลย เพราะปาไปจนใกล้จบแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเป็นอย่างที่อาจารย์เห็นนี่ล่ะค่ะ
แสดงว่าใจไว...กว่ามือ เขียนไม่ทันความคิด...ตัวเอง อาจารย์...เคยเป็นไหมคะ ? อิ อิ
(n___n) !
ไปเจอสมบัติเข้าอีกกรุ...ของยายเชื้อ
นั่งอ่านไปอ่านไป...และนึกตาม คนสมัยก่อนโน้นนนนนนนนนน...ทำได้ยังไง ?
เด็ก ๆ ได้แต่อ่านเป็นเสียงนกเสียงกาจริง ๆ
ขอยกสักตัวอย่าง จากกาพย์เห่ชมผลไม้ ของ ร.๒
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
....................
ปกติแค่เปลือกน้อยหน่ากว่าจะได้กินก็เละแล้ว นี่นำเมล็ดออกยังไง สงสัย ๆ จะเหมือนเงาะ มะปราง ลิ้นจี่ไหม ที่ใช้มีดแหลม ๆ คว้านเมล็ดออก
เคยอ่านหนังสือของ มล.เนื่อง ที่เล่าถึงเรื่องชีวิตในวัง คงต้องไปรื้อมาหาอ่านกันอีกครั้ง เผื่อจะมีเรื่องเล่าน้อยหน่านี้ด้วย
รู้สึกถึงตอนยายเรียกมาอ่านหนังสือให้ฟังอีกครั้ง เฮ้อ !!! ...วนิดา ได้คันตากะน้ำมูกย้อยอีกหน
ลังหนังสือโดเรมอนที่วนิดาสะสมมาทีละเล่มตั้งแต่ ม.ต้น ตอนนี้แม่จำเริญไปหมดเรียบร้อย รู้สึกเสียดาย คอห้อยไปหลายเพลา แต่กรุนี้เหลือรอดตาป้าเรียมไปได้..... กลับมาดีใจระดับ ๑๐
วันขี้เกียจมาถึงเมื่อไร จะรีบซ่อมสมบัติยายทันที เตรียมตัวนอนไขว้ห้างอ่านหนังสือ...
(@^__________^@)
โห…..ซะเห็นภาพ นอนไขว่ห้าง อิ อิ
ค่ะ ทพญ.ธิรัมภา .... ชีวิตจะดูรื่นรมย์มากหากมีพี่...หะเมียว ขนปุย ๆ มานอนข้าง ๆ ด้วย
(@^____________^@)
เมื่อเปลวไฟแห่งความเกรี้ยวกราด............ของบางใคร ลามเลียใครต่อใครเข้า สิ่งที่ทำได้คือการเขยิบออกไปคนละก้าว สองก้าว หรือ....ออกไปท่องจักรวาลอันกว้างใหญ่ของเรา ดูท่าจะดีกว่า
....อย่าให้อะดรีนาลีนของเราหลั่งโดยเปล่าประโยชน์กับบางใครที่กำลังทำไฟไหม้ใจตน...เข้าใจว่า....แค่นี้บางใครก็เกิดความทุกข์มากพอแล้ว หากบางใครเรียกสติกลับมาดับไฟแห่งความเกรี้ยวกราดนี้ได้ บางใครคงระลึกถึงอดีตที่ก่อเหตุไว้กับตัวเองและผู้อื่น ถึงตอนนั้นเมื่อไร....เชื่อว่าบางใครคงอยู่กับความทุกข์และทิฐิด้วยเช่นกัน
เปลวไฟแห่งความเกรี้ยวกราดนี้....น่ากลัว ขาดสติเมื่อใด มักทำร้ายความรู้สึกดี ๆ ความเคารพนับถือ และมิตรภาพดี ๆ รวมทั้งบรรยากาศดี ๆ ไปด้วยเช่นกัน
ได้ออกไปท่องจักรวาลอันกว้างใหญ่....ได้สักพัก นั่งมองดูสายฝนสักเดี๋ยว แล้วเดินย้อนกลับไปดูบางใคร...ที่ดับไฟแห่งความเกรี้ยวกราดได้แล้ว เห็นใบหน้าแดง ๆ และความขุ่นมัว....ที่ยังปรากฏอยู่ จึงเดินออกมาท่องจักรวาลต่อ.....ตั้งใจว่าจะนั่งมองดูสายฝนอีกสักหน่อย แล้วค่อยกลับเข้าไป แต่ยังไม่ถึงอึดใจ....ได้ยินเสียงเรียกจากบางใคร............ คำที่ได้ยินชัดเจนคือ "ขอโทษ" แต่ฝากไปบอกบางใครอีกคนให้ด้วย เท่านี้ก็พอทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปได้บ้าง
...........................................
หากเราระลึกรู้ทุกลมหายใจของการมีชีวิตอยู่ คุณค่าของสรรพสิ่งรอบ ๆ กาย รวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่มีชีวิตเหมือนเรา เราจะเข้าใจ "สิ่งสำคัญ" ของเวลาที่เรามีลมหายใจและชีวิต เราจะไม่สร้างความทุกข์ใจให้กับคนอื่น เราจะใช้เวลาให้คุ้มค่าต่อลมหายใจในแต่ละวัน เพราะระหว่างทางของชีวิต มีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่สำคัญรอเราอยู่
เมื่อเห็นความน่ากลัวนี้ของบางใคร....เราเองก็ต้องเตือนตน...ว่า อย่า...เผลอ อย่า....ทำ อย่า....ร่วมส่งเสริมเปลวไฟแห่งความเกรี้ยวกราดนี้ด้วย
ต้อง "หยุด" โดยเริ่มจากที่เราก่อน (แม้มันจะยาก..หากใจนึกอยากเอากระดาษกาวมาพันปากและจับมือบางใครมัดไว้กับโต๊ะก็ตาม)
"หยุด" เพลงนี้แม้จะคนละความหมายแต่ก็ทำให้....ขวัญกลับมาอยู่กับตัว
....ขวัญเอ๊ย...ขวัญมา......นะวนิดา ชีวิตนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันแล้ว
สงสัยต้องย้ายไปอยู่กาแลคซี่อื่น.... ไม่ไหว ๆ นอนดีกว่า
ไม่มีความเห็น
เหตุเพราะเจอสมบัติของยายเชื้อ...โดยบังเอิญ
(สามก๊ก....ฉบับเจ้าพระยาพระคลังหน เล่มหนา นอนหนุนต่างหมอนมาแล้วเมื่อตอนเป็นเด็ก)
. อ่านเมื่อตอนเป็นเด็กให้ยายเชื้อฟังเป็นเสียงนกเสียงกาและ....อ่านอย่างตะกุกตะกัก
. อ่านเมื่อตอนวัยรุ่นรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง
. อ่านเมื่อตอน ม.ปลาย ค่อยรู้สึกสนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง
. อ่านเมื่อตอนเรียน ปี ๑ ชักยังไง ๆ ไปอ่านงานของน้าชาติ กอบจิตติก่อนดีกว่า
. อ่านตอนสิริอายุปูนนี้ อ่านไป ๆ มีอะไรต่อมิอะไรให้ใคร่ครวญอีกเยอะเลย
ชักไม่อยากรอให้ถึงวันขี้เกียจแล้ว แต่คงต้องเอาสมบัติยายไปซ่อมก่อน ปกหลังร่อน กรอบ และทำน้ำมูกย้อย ไม่รู้เพราะแพ้ฝุ่นจากหนังสือหรือความสกปรกของมือตัวเอง และก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ทำให้รู้สึก "อยากอ่าน" "อยากทำเดี๋ยวนี้" เพียงแค่พลิกไปไม่กี่หน้า
(@^_____________^@)
ไม่มีความเห็น
รัด ตะ บานนนนนนนนนนนนนนน ......บานบุรี
ตกใจเมื่อเปิดข่าวดูทุกที นี่ประเทศจีนและพม่าเขาจับมือร่วมกันพัฒนาประเทศ แต่ของป้าจะเอากอริล่ามาเลี้ยง ป้าไปถามพี่กอ.........ก่อนไหมว่าอยากมาอยู่อ๊ะเปล่า ??? พวกป้าก็หาเรื่องจะตัดไม้ทำลายป่า สร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม (เพิ่งจะรู้ว่าอิเขื่อนนี่ป้องกันน้ำท่วมได้..........ที่เคยเรียน ๆ มา เข้าใจว่าเป็นการแปรพลังงานมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ากะจัดการระบบชลประทานเพื่อส่งเสริมการเกษตร)
ละนี่ป้าจะเอาพี่กอ....มาเลี้ยง มาทรมานพี่เขาทำไม เขาชอบอยู่ป่าที่สมบูรณ์ หูยยยยยยย............หน้าส่งป้าไปอยู่ดาวเนปจูนชิบเป๋งเลย
วันขี้เกียจของวนิดา....วันนี้ งดดูทีวีสักพัก หาขนมอร่อย ๆ รับประทานกับฟังพี่อ๊อดคีรีบูนก็ได้ เดี๋ยวตอนบ่าย ๆ ค่อยดูก็ได้ว๊า....กบนอกกะลา พันแสงรุ้ง และเอเชียวีคไรสักอย่างมาช่วงแดดร่ม ๆ ค่อยดูโตละตั๊ดใหม่ก็ได้ เบื่อรัดตะบานนนนนนนนนน.............
หน้าตาเอาเรื่องอยู่นิเจ้าเหมียว
อยากจะบอกคุณมะเดื่อว่า พี่เขาสุดยอดหะเมียวค่ะ
ซน แสบ ขี้ฟ้อง และที่สำคัญเลือกอ้อนเป็นคน ๆ สิริอายุพี่ทุ่ย ๘ เดือน
พี่ก็สร้างวีรกรรมตะครุบหนู “แฮมสเตอร์” ข้างบ้านซะอ่วมอรทัย
ดีว่าพี่หนูไม่เป็นอะไร มีรอยถลอกและน้ำลายเล็กน้อย พาไปหาหมอล้างแผลและใส่ยาให้พี่หนูพอหอมปากหอมคอ
แต่เจ้าของพี่หนูหมายหัวพี่ทุ่ยไว้……เรียบร้อย ห้ามมาเที่ยวที่บ้านอีก
แฮ่ะ ๆ ดูจากหน้าพี่ทุ่ย โดยไม่ต้องดูดวงเหมือนมนุษย์ ถือว่าแม่นจริง ๆ ค่ะ
(@^_______^@)
เมื่อความว่างของใจ มองดูความนิ่ง ความสงบของน้ำ มันช่างดูอ่อนโยน เป็นความนิ่ง.....เย็น แต่เมื่อมองไปด้วยความว่างของใจแต่คิดแบบตีลังกา.....ตรงข้ามกับความอ่อนโยนที่มองเห็น ณ ขณะหนึ่ง น้ำที่ดูอ่อนโยน นิ่ง สงบ ก็สามารถทำลายสิ่งที่แข็งแกร่งได้ พาลให้หวนคิดถึงภาพซึนามิที่เกิดเมื่อหลายปีก่อน ....... ขนลุกขึ้นมาทันที
น่ากลัวค่ะ เกิดริมทะเล แต่กลัวทะเลมาก
คุณทะเลงาม
กลัวเหมือนกันค่ะ เพราะเคยโดนลุง ๆ ที่เป็นตะหารเรือ และลูกลุง ๆ ซึ่งเป็นพี่ ๆ ผู้ชายทั้งน้านนนนนนนนนนหัดให้ว่ายน้ำ (ทะเล) โดนจับโยนลงไปทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น
แต่ก็สำลักความเค็มจนว่ายน้ำเป็นค่ะ แต่เหตุการณ์ที่กลัวทะเลเพราะเคยติดเกาะที่สุรินทร์ สิมิลัน และเคยอยู่บนเรือกลางทะเล ลอยไปลอยมาเพราะเรือเสีย น่ากลัวมาก ๆ ค่ะ
สามเหตุการณ์นี้ นึกทีไรก็กลัวไม่เท่าซึนามิที่เข้าไทยค่ะ ขนลุกมาก ๆ
93 million miles from the sun.
people get ready get ready,
" Cause here it comes it's a light, a beautiful light.
over the horizon into our eyes.
****************
๙๓ ล้านไมล์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์
ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป
เพราะแสงสว่างจะกลับมาที่เดิมทุกวัน แสงสว่างมันช่างงดงาม
แสงเดียวกันจะพาดผ่านสายตาของเรา
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
ณ ห้วงใจแห่งแดนสุดแสนไกล
แสนสุดใจจะไขว่จะคว้าถึง
ณ ห้วงใจแห่งแดนแสนคำนึง
สุดรำพึงรสถ้อย...ร้อยแสนคำ
---------------
ระหว่างทางชีวิตวันนี้..........เดินทางผ่านมาได้ ๑๔,๒๓๕ วัน มีสะดุดไปบ้างระหว่างทางของชีวิต ได้แวะพักข้างทางชมดอกไม้ ฟังนกร้อง นั่งมองดูสายฝน ดูปุยเมฆขาว ๆ กับสีฟ้า ๆ สูดกลิ่นหญ้าเขียว ๆ มีเหมียว ๆ มะหมาพอเคล้าแข้งเคล้าขา และทักทายผู้คนข้างทางบ้าง
คุณค่าระหว่างทางที่ดำเนินไปให้ความหมายกับชีวิต และทำให้เข้าใจว่า....ระหว่างทางของชีวิตที่.....การเดินทางยังไม่สิ้นสุด...ยังไม่ถึงจุดหมาย เราจะพบเรื่องราวมากมายอีกหลาย ๆ อย่าง
๑๖ ปี ที่ทำให้ระหว่างทางของชีวิตได้ดำเนินไปอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น และได้พักระลึกถึง.....เวลาดี ๆ
ความคิดถึง.......จึงล่องลอย
ไม่มีความเห็น
ระหว่างทาง
ระหว่างทางของฉันกับวันขี้เกียจ
เบื่อจะเบียด เบื่อจะเครียดกับผู้คน
ปล่อยความคิด.....ให้ล่องลอย
ดูฝนย้อยเป็นสายฝน
จิบกาแฟ นั่งแซวแแม่ แหย่น้องแมว หยอกพี่หมา
ตามประสา...คนชอบเสียงแม่บ่น
มองตู้ปลา มองสายฝน
ฝนหมื่นเม็ด ที่หยดเป็นสาย นั่งมอง ๆ ไป สบายอารมณ์
ระหว่างทางของฉัน ระหว่างทางของฉัน
กับวันขี้เกียจ นั่งละเลียด..ขนม
กับไอศกรีมที่รสหวาน ๆ
หากขาดน้ำตาลคงมีรสขม
เปรียบเหมือนความรัก....เดี๋ยวเปรี้ยว เดี๋ยวหวาน
รักกันไปน๊าน...นาน อาจมีรสขม
ระหว่างทางของฉัน ระหว่างทางของฉัน
กับวันขี้เกียจ เบื่อจะเครียดกับผู้คน
ปล่อยความฝันให้มันล่องลอย
หนุนหมอนน้อยดูเมฆ...กล๊มกลม
นอนมองฟ้า...แล้วพาใจฝัน
ว่าเมฆก้อนนั้นเป็นลูกชิ้นปลา
ฟ้าจ๋าฟ้าขอลูกใหญ่ ๆ ฉันจะได้แจกเด็กทุกคน
ระหว่างทางของฉัน ระหว่างทางของฉัน
กับวันขี้เกียจ เบื่อจะเครียดกับฟ้ากับฝน
ปล่อยความคิด....ให้มันล่องลอย
ค่อย ๆ ปล่อย ปล่อยไปตามลม
หากความคิดเป็นปาท่องโก๋ ไม่ต้องคู่โต
ขอเป็นคู่เท่ากัน คิด ๆ ฝัน ๆ เป็นคู่ขนาน
คิดหลาย ๆ ด้าน คิดดูสักหน
ระหว่างทางวันนี้ มีฝนเย็นใจ
นั่งปล่อยใจไป.....ล่องลอยกับสายลม
--------------------------
มาจากศิลปินคนโปรดได้ตั้งโจทย์แบบฝึกหัดเขียน และคิดอย่างสร้างสรรค์ ไว้ที่หน้าระเบียงบ้านใน FB : ความคิด ความรัก ความฝัน / ไอศกรีม ลูกชิ้นปลา ปาท่องโก๋ ว่าจะจับเข้าคู่กันอย่างไร
หากลองมาจับเข้าคู่กัน ในมุมมองของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน เลยได้นั่งคิดไปเพลิน ๆ และลงมือเขียนด้วยดินสอ อาการ....จึงออกมาประมาณนี้
(@^________________^@)
ไม่มีความเห็น
กลับมาเซ็งระดับ ๙ กันอีกแล้วครับท่าน
ผมเองพยายามจะเลี่ยงข่าวให้น้อยลงครับ...ดูสรรพสิ่งรอบๆตัวดีกว่า ได้เห็นความเป็นไปด้วยตัวเราเอง...
v_V ... เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ คุณครู ;)...
คุณ พ.แจ่มจรัส
ขอบคุณค่ะ สงสัยคงต้องเป็นเช่นนั้นดูบ้าง เพราะรู้สึกว่าเวลาดูข่าวเดี๋ยวนี้ ความน่าเชื่อถือดูลดลงเพราะแต่ละช่องพี่เขาทำรายการข่าวออกมาเน้นบันเทิงกันทั้งน้านนนนนนนนน....น ผู้ประกาศข่าวก็ขยันสร้างสีสันกันเข้าไป หรือยุคนี้เขาเลือกจริงจังกับบางเรื่องก็ไม่รู้นะคะ
ท่าน Wasawat Deeman
O_o อ้าว !!!! สงสัยเป็นเพราะวันนี้ฝนตกทั้งวัน เลยเพิ่งมาดูข่าวกะเขาค่ะอาจ๊ารย์
โชคดีเป็นของเราจริง ๆ ไปอ่านโดเรมอนแก้กลุ้มดีกว่า ^^"
ตกอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักทั้งพี่ทั้งน้อง........
= = zzzZZZZZ
........................................................
กล่อมขวัญนะเจ้ากลับเหย้าพักผ่อน กล่อมกายนะเจ้าเฝ้าถนอม
กล่อมจิตนิทราเจ้าสู่โอบอ้อม กล่อมใจพร้อมล้อมเดือนแลขวัญดาว
ขนน้องแมวคล้ายขนน้องหมาเลยนะคะ :)
โอ๊ย !!!! น่ารักมากค่ะ
อ.จัน
ที่ขนพี่แก๊งค์คล้ายขนน้องหมา เพราะว่าตัดขนเองค่ะ เพื่อจะได้เห็นแผลตามจุดต่าง ๆ จะได้รีบรักษา พี่แก๊งค์เป็นเบาหวานมีแต่รอยเข็มซึ่งก็เยอะแล้ว จะแยกเลี้ยงจากพี่เหมียวตัวอื่น ๆ ก็ไม่ยอมค่ะ
ทพญ.ธิรัมภา
ดร.พจนา แย้มนัยนา
ไปบอกพี่แก๊งค์แล้วค่ะ พี่แก๊งค์ฝากมาบอกว่า "ขอบคุณครับ"
(n__n)
กับวันขี้เกียจ
http://youtu.be/hkjRoIB4IiE
ตื่นมาตอนเจ็ดโมงเช้าด้วยนาฬิกาชีวิต ณ บ้านพักครู
รสสัมผัสที่ตื่นขึ้นมา ณ ห้วงเวลานั้นคือหอมกลิ่นฝนปนกลิ่นดอกไม้พวงมาลัยที่ถวายพระไว้เมื่อคืนข้าง ๆ หัวนอน รู้สึกสงบเย็นอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบอาบน้ำแปรงฟัน(ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากอาบ เพราะน้ำเย็นมากกกกกกกกกกก)
และสวดมนต์แทนการตักบาตรที่วัด
รู้สึกสุขสงบอย่างง่าย ๆ และได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกสุขสงบได้ง่าย ๆ และรวดเร็วมาก ๆ คือการสวดมนต์ หรือฟังเพลง เพลงที่ตัวเองพบว่าสร้างความสุขสงบได้เร็ว และอยู่กับขณะจิตของตัวเอง โดยที่ใจไม่กระโดดไปกระโดดมาได้นานขึ้นกว่าก่อน เห็นจะเป็นประเภทเพลงบรรเลง เช่น ขิม จะเข้ ซอ ขลุ่ยไทย ขลุ่ยจีน เปียโน กีต้าร์คลาสสิคหรืออะคูเลเล่ เบา ๆ เพลงประสานเสียง หรือเพลงของ Enya ก็ลองพิสูจน์มาแล้วว่าทำให้รู้สึกสุขสงบได้เช่นกัน
เลยมานั่งคิดเล่น ๆ กับวันขี้เกียจวันนี้ว่า ส่วนมากคนที่ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบนั้น เขาก็นั่งอยู่กับใจ….ดูใจของตัวเองไปนี่นา ละอย่างของ…..วนิดานี่ มันจะใช่ไหม ? สงสัย ๆ ? ฮ่า ๆ
ธรรมะสวัสดีกับวันที่พระรัตนตรัยเกิดขึ้นครั้งแรกค่ะ
(@^______^@)
ไม่มีความเห็น
..............ซู่ซู่พรูพรูซ่าพาชุ่มฉ่ำ
สุขดื่มด่ำฝนพรำนำใจฉัน
สูดกลิ่นดินผินหญ้าเขียวเขียวพลัน
พาใจฝันวันฝนปรอยร้อยหมื่นเม็ด
พอเห็นหญ้าเขียว ๆ ทีไร อยากแถลงไปเกือก
พอฝนตกแต่ละทีก็ชอบนั่งดูสายฝน มันทำให้รู้สึกเย็นใจ บางครั้งได้กลิ่นดินหอมหน่อย ๆ เวลาฝนพรำปรอย ๆ ที่สนามหญ้า
แต่ความรู้สึกที่มีมากกว่า มันรู้สึกสุขสงบเมื่อได้ทอดสายตามองสายฝน
.....ใจแหว่ง
เคยเกิดอาการนี้กันบ้างไหมคะ.......เมื่อรู้ว่าเพื่อนซี๊ปึกของเราจะไม่อยู่ให้เราเห็นหน้าได้สบตากัน ได้มีเวลาซ้อมปากได้มองต่างมุมแบบเบื๊อก ๆ ด้วยกัน ได้อยู่ข้างเดียวกันแบบคนกลางกลวง เวลาโดนคนในขอบด่า เป็นเวลานานกว่า ๑๐ ปี ถึงแม้เราจะรู้ว่าโลกยุคนี้เป็นโลกยุคไร้พรมแดนก็ตาม
เพื่อนที่เรานั่งห้อยขาอยู่ริมระเบียงด้วยกัน โดยแทบไม่ต้องพูดอะไรกันเลยสักคำ แทบจะไม่ต้องสบตากัน เพียงแค่สบใจกันเท่านั้น เราต่างก็รู้สึกได้ว่า "เข้าใจ"
ในชีวิตที่ผ่านมาระหว่างทางพบเพื่อนที่สบใจพอนับนิ้วได้ไม่กี่คน ทั้งเพศเดียวกัน ต่างเพศ และสหเพศในคน ๆ เดียวกัน เป็นคนสำคัญระหว่างทางของชีวิต ที่รู้สึกได้ถึงความรักและมิตรภาพอย่างจริงใจ เหนือกาลเวลาที่ผ่านมา เหนือเงื่อนไขใด ๆ แม้ว่าจะต่างคนต่างมีครอบครัวกันแล้วก็ตาม
ป๊อบ...เป็นหนึ่งในคนสำคัญระหว่างทางของชีวิต เป็นประเภทคิดแบบเบื๊อก ๆ เหมือนกัน มีนิสัยวู่วามมาตั้งแต่เรียนหนังสือ จนแต่งงานมีเมียเป็นของตัวเองและหย่าร้างกันทางใครทางมัน ณ ตอนนี้ ก็ยังวู่วามไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม พี่ป่าน และพี่ปอ พี่ชายของป๊อบเคยพูดว่า "ดูท่ามันจะไปสบายก่อนพี่ ๆ" ฮ่า ๆ ฉันเห็นด้วยเป็นที่สุด เพราะวีรกรรมแต่ละเรื่องของคุณชายเกือบทำให้ฉันและเพื่อน ๆ เสี่ยงตายมาก็หลายหน เช่น วีรกรรมนี้จำได้ไม่เคยลืม ตอนที่ทำงานกันได้ปีสองปีแล้ว ทั้งฉันและโต้งซึ่งป๊อบจัดลำดับให้เป็นเพื่อนซี้ปึกสุดของคุณชาย โทรศัพท์มาชวนว่าไปขับรถเที่ยวกัน ทั้งฉันและโต้งรู้ว่าคงเป็นวันไม่ธรรมดาสำหรับคุณชายเขาแน่นอน ในที่สุดทั้งโต้งและฉันก็ได้นั่งรถเที่ยวสมใจ ตั้งแต่ชมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพุทธและก็เรื่อยมายันสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ สาเหตุที่ขับมาไกล ขับมาแบบเรื่อย ๆ แบบใจหายใจคว่ำ เพราะคุณชายอกหัก จากที่บอกว่าไม่เป็นไรมากต่อหน้าแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพุทธจนมาต่อมน้ำตาลูกผู้ชายแตกที่เมืองปากน้ำโพ จุดกำเนิดของแม่น้ำทั้ง ๔ สาย ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบกันรวมเป็นสายเดียว พวกเราได้เสียวกันแบบมิได้นัดหมาย ไม่มีเสียงร้องสักแอะ โดยเฉพาะฉันที่ใจหายใจคว่ำไปตลอดทาง และในที่สุดคุณชายก็ทำให้พวกเราตกใจเมื่อมันจอดรถและลงไปสะอึกสะอื้นต่อหน้าแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง ทั้งฉันและโต้งได้แต่ยืนข้าง ๆ อยู่เงียบ ๆ นานจนเกือบลืมไปว่านานเท่าไรแล้ว และแล้วคุณชายก็มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกว่า "ไปไอ้เก๋ ไอ้โต้ง ไปกินราดหน้ากัน" จำได้ว่าโต้งโดนไล่เตะตูดให้ขึ้นรถเพราะว่าไปใช้วาจากวนพระบาทคุณชายเข้าว่า "แหม....อยากกินราดหน้าก็ไม่บอก ที่เยาวราชอร่อย ๆ ตั้งหลายเจ้า มึงพามาซะไกลขนาดนี้ ขอโมจิเจ๊จัน ฯ กลับไปฝากแม่กูสักห้าหกกล่องนะมึงนะ" แล้วรอยยิ้มของป๊อบก็กลับมาประทับใจเราสองคนอีกครั้ง แถมวาจายอกย้อนกวนพระบาทโต้งกลับมาไม่แพ้กัน "งั้นกูฝากราดหน้ากลับไปให้แม่มึงสองคนด้วยแล้วกัน แต่รับรองขากลับกูจะบินไป เดี๋ยวจะไม่ร้อน เย็นแล้วจะไม่อร่อย" ฉันตาเหลือกสวนทันควัน "ไม่เป็นไรหรอกแก ที่บ้านอิโต้งกะฉันมีเตาแก๊สอุ่นใหม่ได้ หากแกขากลับแกจะบินกลับล่ะก็ แกนับพระบาทโต้งกะฉันก่อน" แต่ขากลับคุณชายโต้งรอบคอบกว่า คว้ากุญแจรถป๊อบมาขับแทน ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจป๊อบหรือกลัวใจป๊อบจะบินกลับ แต่พวกเรา "กลัวตาย" มากกว่า
เมื่อถึงวันที่ป๊อบเดินทาง ฉันได้แต่ฝากของและจดหมายไปกับเมียโต้ง เพราะเจอกันตอนอบรมพอดี โต้งเข้าใจเหตุผลและเงื่อนไขที่ไปส่งป๊อบไม่ได้ ป๊อบเข้าใจเพราะก่อนหน้าที่ฉันรู้ว่าป๊อบต้องเดินทางฉันได้บอกถึงเหตุผลที่ไปส่งมาไม่ได้ แต่ในที่สุดเพื่อนซี๊ที่ไม่เข้าใจก็มี พาลโกรธวนิดา และโดนต่อว่าแค่นี้นายก็ทำให้เพื่อนไม่ได้ นายยังเรียกตัวเองว่าเพื่อนได้อีกหรอวะ ถึงแม้วนิดาจะเข้าใจสภาวะที่ไม่ได้ดั่งใจของเพื่อนคนนี้ แต่ก็อดนึกน้อยใจและเสียใจกลับอิเพื่อนใจตุ๊ดไม่ได้ ทำไมนายเป็นคน "เยอะ" อย่างนี้ แค่ป๊อบไปก็ใจหายพอแล้ว นายยังมาตัดเราออกจากกองมรดกเพื่อนซี้เยี่ยงนี้ นายรู้ไหม....นายทำ "ใจเราแหว่ง"
(@^____________________^@)
ขอบคุณดอกไม้ทุกดอกที่มาให้กำลังใจ ณ ช่วงใจที่กำลังแหว่งค่ะ
ขอมอบเพลงแทนคำขอบคุณจากใจให้ทุกคนนะคะ
..........ในห้วงคำนึง
นึกสงสัยว่าเวลาส่องกล้องจุลทรรศน์ มองผ่านเลนส์ที่ขยายโลกเล็ก ๆ ของสิ่งมีชีวิต คนละชนิดกับเรา เราจะเห็นสิ่งเล็ก ๆ ที่มีชีวิตเช่นเดียวกับเราเต็มไปหมด
หากแหงนมองไปบนฟ้า มองจากสองตาเปล่าของเราก็จะเห็นจุดเล็ก ๆ เต็มไปหมด ที่กระจายไปทั่วท้องฟ้า เห็นแสงอยู่ริบ ๆ แล้วให้นึกสงสัยในใจ.....เราจะเป็นแบบสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เราเคยมองผ่านเลนส์ของกล้องจุลทรรศน์นั้นหรือเปล่า ?
ไม่มีความเห็น
คิดถึงเพลงสมัยตอนเป็นเด็กที่พ่อกับแม่ชอบเปิดฟังบ่อย ๆ เนื้อเพลงไพเราะเสนาะใจ
ไม่มีความเห็น
กระบวนการจัดการ . . . . . (ยังไง ????)
.........ชีวิตบางช่วงในหนึ่งวันทำงานมักมีหลาย ๆ เรื่อง ประเดประดังมาพร้อม ๆ กัน
บางครั้งต้องใช้กระบวนการการจัดการแยกเป็นเรื่องใส่ลิ้นชักเก็บไว้ในกบาล
บางเรื่องพอจะจัดการได้บ้างไม่ได้บ้าง บางเรื่องจัดการได้ดีเกินความคาดหมายที่ใจคาดไว้
บางเรื่องก็หมดใจที่จะจัดการกับมัน แต่ยังไม่เคยคิดที่จะละเลยที่จะจัดการกับมัน
แค่พักใจชั่วคราวแล้วค่อยกลับมารื้อลิ้นชักที่เก็บไว้ในกบาลใหม่
บางครั้งก็รู้สึกล้มเหลว....อย่างไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
ไอ้ความที่ไม่เป็นท่านี้เอง ทำให้กลับมามองท่าใหม่....หากล้มเหลวอีก
เราจะใช้กระบวนการใดจัดการใจของตัวเองไม่ให้ล้มเหลวตามไปอีก (อันนี้ยากยิ่งกว่า)
ยากกว่าการใช้ชีวิตอย่างไรให้เกิดคุณค่าต่อตัวเอง คนที่เรารัก คนที่รักเรา และคนอื่น
แต่ทุกครั้งที่ลิ้นชักในกบาลมันรกจนปิดไม่ได้ เราจะทำยังไงกับมันดี ?????
เสียงเปียโนก็ชักจะเอาไม่อยู่ เสียงกีต้าร์ก็ทำนองเดียวกัน
ได้แค่ประทังอารมณ์เบา ๆ สักพัก
ไปดายหญ้าตอนบ่าย ๆ ให้เหงื่อมันออก อย่างคุณลุงคุณป้าชาวสวนชาวนา น่าจะเวิร์คนะ
ว่าไหม ??????
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
ไม่ได้เข้ามาเสียนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ
(@^________^@)
ไม่มีความเห็น
สมาธิที่ได้จากการฟังเพลงธรรม (ธรรมจักกัปปตนสูตร) ไปด้วย มันทำให้ใจสงบ
เย็นได้เหมือนกัน ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากการสวดมนต์ภาวนาเลย ........
เฮ้ย ! ไมเป็นอย่างนี้ล่ะ มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกของคนที่ทำสมาธิประจำสม่ำเสมอ
แต่เพิ่งค้นพบว่ารู้สึกสบายใจดีจัง
เสียงสวดมนต์แบบอินเดียที่สวดเป็นภาษาบาลีก็ไพเราะและดูมีเสน่ห์ไม่แพ้เพลง
สวดมนต์แบบธิเบตเลย มีเสน่ห์ตรงที่เจ้าของภาษาบาลีสวดนี่เอง
ลองไปหาฟังกันดูนะคะใน youtube
(@^_______^@)
คิดถึงเสน่ห์ปลายจวักของพ่อจ๋า..........
.......ตอนพ่อจ๋ายังมีชีวิตอยู่ พ่อจะเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหารและขนมอร่อย ๆ ให้พวกเราทาน จนแก้มห้อยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น แกงส้มแตงโมอ่อน(อร่อยสุด) แกงเทโพ แกงบอน แกงป่า สารพัดที่พ่อแกง มันอร่อยไปหมด รวมทั้งขนมนานาชนิด ที่พ่อแสดงฝีมือทำทั้งข้าวเหนียวสังขยา สังขยาฟักทอง คุกกี้พ่อจ่าก็ทำได้ วุ้นกาแฟพ่อจ๋าทำอร่อยสุดกว่าวุ้นใบเตย สมัยเด็ก ๆ รู้สึกว่าวุ้นใบเตยมันมีกลิ่นถุ่ย ๆ เลยไม่ค่อยชอบให้พ่อทำ แต่พ่อมักจะทำเพื่อเอาใจแม่ด้วยเสมอ ฮ่า ๆ ขนมฝรั่งพวกคาสตาร์ดพ่อก็เคยทำ แต่ไม่อร่อยเท่าเค้กผลไม้หรือคุกกี้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เราสองคนพี่น้องเป็นหยั่นวอหยุ่นได้อย่างไร
จำความได้ว่าอยากให้พ่อทำคุกกี้เนยให้ทาน แต่ที่ต้องการมากกว่านั้นคืออยากจะเอาไปให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนทานด้วย (ตอนอยู่ ป.๓) ที่สำคัญพ่อของเพื่อนที่สนิท ท่านใจดีมาก ๆ เวลาที่เรานั่งรอพ่อ ๆ แม่ ๆ มารับกลับบ้าน พ่อของเพื่อนคนนี้มักมีของเล่นมาฝากเราด้วย บางทีก็เป็นขนมแพง ๆ ที่พ่อจ๋าและแม่จ๋าไม่เคยซื้อให้ทานเลย อิ๊ อิ๊ เลยได้ไปขอร้องพ่อจ๋าให้ทำคุกกี้เนยฝากพ่อของเพื่อนคนนี้ให้หน่อย พ่อจ๋าตกลงว่าจะทำให้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมาช่วยเป็นลูกมือพ่อ ด้วยความเป็นเด็กจึงมีบ่นกระปอดกระแปดบ้าง แต่พ่อจ๋าก็ไม่ได้เอ็ดจริงจังอะไร ได้แต่บอกว่าถ้าอยากทำอะไรเพื่อตอบแทนน้ำใจคนอื่น ก็ต้องลงมือทำให้เขาด้วยตัวของเราเอง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงคำพ่อสอนขนาดนั้น ได้แต่รู้สึกที่จะได้เล่นขายของกับของจริง ๆ และได้ขลุกอยู่กับพ่อ พอเสร็จก็แอบจิ๊กกินบ้างตามประสาเด็ก(ตะกละ) เลยได้ถามพ่อว่าทำไมพ่อไม่ทำเองคนเดียวล่ะ พ่อบอกว่าเวลาที่เราเอาไปให้เขา คนที่รับเขาจะได้รู้ไงว่าเราตั้งใจทำเพื่อเขา
ตอนนั้นไม่ค่อยรู้ความอะไร ตอนที่ให้คุกกี้พ่อของเพื่อนไปท่านก็เอามือลูบผม ยิ้ม และขอบใจเราเท่านั้น
จนกระทั่งมาเจอพ่อและเพื่อนคนนี้ตอนที่เรียนระดับมหาวิทยาลัย หลังจากแยกย้ายกันไปตั้งแต่ตอน ป.๖ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนมาเจอกันโดยบังเอิญ เพื่อนจำเราได้ แต่น่าประหลาดใจพ่อของเพื่อนจำเราได้ด้วย และเรียกเราว่าเจ้าคุกกี้ ฮ่า (ดีนะ...ที่พ่อไม่ต่อด้วย โม่ ๆ ไม่งั้นล่ะยุ่งเลย)
เลยทำให้หวนคิดคำที่พ่อสอนเรื่องการตั้งใจทำเพื่อคนอื่น เอาใจใส่คนอื่น เพราะฉะนั้นอาหารทุกมื้อที่พ่อจ๋าทำไม่ได้ให้แค่รสชาติที่อร่อยเพียงอย่างเดียว อาหารจึงเป็นเรื่องที่คนทำและคนทานสัมผัสได้มากกว่า ตา กลิ่น รส เสียง สิ่งที่เพิ่มสัมผัสต่าง ๆ เหล่านั้นขึ้นมาคือ ใจ นั่นเอง
(@^______^@)
อาหารฝีมือพ่อจ๋าของชาดา. ก็ อร่อยที่สุดในโลกเหมือนกันค่ะ^__^