อนุทินล่าสุด


Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

ความเงียบสงบของยามค่ำคืน..ท่ามกลางความชุ่มเย็นของสายฝนที่ปรอยลงมา อยู่ ๆ ความคิดก็ผุดขึ้นมา.....

มีอยู่สองอย่างที่ใจของตนเองคิดไปคิดมาว่าภาษาไม่สามารถอธิบาย  บรรยาย  ได้ถึงความรู้สึกของ ๒ อย่างนี้ได้อย่างละเอียดและประณีต  นอกเสียจากตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้สึกดื่มด่ำกับความรู้สึกเหล่านั้นด้วยตัวของเราเอง  พลังของภาษามีอานุภาพที่ไปไม่ถึงที่ว่านี้ก็คือ  "ความรัก"  และ  "สมาธิ"

แล้วตัวเองก็กลับมาสงสัยต่อว่าในภาษาอื่น ๆ เขาจะมีอธิบาย  บรรยาย  ถึงความรู้สึกละเอียดประณีตของ ๒ อย่างนี้ไหม ???

............................

ทำไมวนิดาเป็นคนแบบนี้....ว๊าเนี่ย ?????

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

ฉันชอบ....ฤดูฝน

 

ฝนพรูซุ่ซู่ซ่าพาชื่นฉ่ำ

เย็นแลค่ำค่ำแลเช้าโปรยเป็นสาย

ร้อยพันหมื่นหมื่นแสนล้านร่วงหล่นปราย

เย็นเย็นกายรื่นรื่นจิตสงบเย็น

.....................

แมว แมว . . . . . . โรแมนติก

 

 

 



ความเห็น (3)

ขอบคุณค่ะคุณหมอ

(@^_________^@)

(@^_____________^@)

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มาส่งกำลังใจให้นะคะ

                   

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

ไพเราะ เสนาะใจ  ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับท่วงทำนองของบทเพลงนี้กันค่ะ

 

(@^________________^@)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

เกิดอาการเบื๊อก ๆ กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว...วนิดา

ระหว่างฟังการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการไปปฏิบัติธรรม ณ วัดเขาแก้วเสด็จ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  ตามโครงการของ สพฐ.จัดอบรมธรรมะให้กับคุณครู  โรงเรียนในฝันทุกโรงเรียนทั่วประเทศเข้ารับการอบรมเป็นรุ่น ๆ ซึ่งอบรมวันพุธที่ ๒๑ - ๒๕  สิงหาคม ๒๕๕๖

จึงได้ระลึกถึงเหตุหนหลัง ที่ทั้งไม่อยากทำและอยากทำ  ท่ามกลางกระแสความเห็นต่าง ๆ หลาย ๆ มุม

วนิดาปฏิบัติราชการอยู่ในโรงเรียนในฝันกะเขาด้วย ไม่เคยภูมิใจเท่ากับการเป็นโรงเรียนวัด ๆ เดินไปลูบหัวน้องหมา น้องแมว ไปคุยกับหลวงลุง  หลวงตา นั่งกินขนม น้ำ กินข้าว  สารพัดอย่างที่หลวงลุง  หลวงตา  คุณแม่ชี อนุญาตให้กินได้  แล้วยังนำมาโปรยไก่ทำทานลูกศิษย์ได้อีกด้วย บรรยากาศแบบนี้มีที่ไหนอีก  (ใจและความคิดแบบเบื๊อก ๆ ของวนิดา..เกิดขบถไปแล้วตั้งแต่ นโยบายส่วนกลางกำหนดให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนในฝัน...ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากเป็นนนนนนนนน...น)  แต่ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ไม่อยากทำ  เพราะเล็งเห็นแล้วว่าผลได้  ผลเสียเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและให้ความร่วมมือกับผู้ร่วมงาน  เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว  แต่ใจและความคิด  รวมไปถึงเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบ ๆ ทั้งหลาย เกิดขบถทางความคิดเช่นเดียวกันกับครู  จึงทำให้รู้สึกว่า....ประเทศยังฝากความหวังไว้กับไอ้แสบทั้งหลายได้  ด้วยคำถามแบบเบื๊อก ๆ เหมือนกัน....ละเราเป็นโรงเรียนในฝันแล้วมันต่างกันตรงไหนกันครับครู ? เออ ! จริง บางวันไม่อยากมาโรงเรียน เพราะมีกิจกรรมซ้อมทั้งวี่ทั้งวัน อยากเรียนก็ต้องได้เรียนดิครู ? เออ ! ใช่  ละงี้พวกเราก็ต้องมาลุยเรียนกันเพลินเลยดิครู ? คงง้านนนนนน  ละตอนสอบโอเน็ตก็ต้องมานั่งเรียนตั้งแต่เช้ายันห้าโมงเนี่ย...นะครู....ไม่ยุติธรรมสำหรับชีวิตวัยรุ่นอย่างพวกผมเลย...."จารย์ ? ยังไงไม่ยุติธรรมยังไง... ก็ถึงเวลาเรียนพวกผมก็เรียนเต็มที่  เวลาเล่นก็ต้องมีบ้างไรบ้าง  ชีวิตเราไม่ใช่...โอเน็ต ทั้งหมดนะ.... "จารย์ เออ ! เข้าท่าว่ะ...

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันใจหนึ่งไม่อยากไป เพราะว่าโรงเรียนต้องปิดเรียนไปถึง ๓ วัน  ลูกศิษย์คงสุขใจที่ได้พักยาว  หากเราเป็นเด็ก ๆ เราก็คงดีใจเช่นนี้  แต่นึกถึงกิจกรรมอะไรต่ออะไรที่เป็นปฏิทินกิจกรรมเดือนสิงหาคมนี้ของโรงเรียน  ก็ปาเข้าไปแล้วถึง ๓ กิจกรรม  คือ วันแม่  วันอาเซียนแค่วันอาเซียนก็กลายเป็นสัปดาห์นรกทั้งครูและลูกศิษย์ได้แล้ว ใช้เวลากว่าสองอาทิตย์จะเสร็จ  ละให้โรงเรียนเป็นศูนย์อาเซียนเข้าไปอี๊ก อลังการ....งานเยอะจุงเบย.... ครูก็ได้สอนตามอัตภาพ  ลูกศิษย์ก็กิจกรรมเพิ่มตามอัตภาพ   (อยากรู้ว่าในชาติอาเซียนด้วยกัน...เขาเป็นอย่างเรามะ ?) แต่โดยภาพรวมยังปลื้มใจได้บ้างว่า...ลูกศิษย์ได้คิด  ลงมือทำและแสดงฝีมือด้วยตนเอง  พอให้ยิ้มและหัวเราะกันได้บ้าง   ดีที่ไม่จัดวันวิทยาศาสตร์  สิ้นเดือนสิงหาคมก็มีกิจกรรมเข้าค่ายสิ่งแวดล้อมของพี่ ป.๕  เข้าค่ายลูกเสือของพี่ ป.๖ และ พี่ ม.๓ เหลือเดือนกันยายนที่ดูจะเต็มเดือน  แต่ก็คงเข้าบรรยากาศเดิมคือ ...มาเร่งสอน  ตะลุย  และตะลุย  สอบปลายภาค  ชีวิต....นรกทั้งครูและลูกศิษย์  นี่ยังไม่รวมกิจกรรมติวโอเน็ตในภาคเรียนที่ ๒ โดยเริ่มคาบเช้า เวลา ๐๗.๓๐ - ๐๘.๓๐ น. เรียนตามปกติไปจนถึง ๑๕.๓๐  และเพิ่มคาบตอนเย็นตั้งแต่ ๑๕.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.  เฮ้อ ! ลูกศิษย์บ่นกันทุกรุ่น ขอแค่คาบเช้าพอค่ะอาจารย์ ตอนเย็นไม่ไหว มันล้า  ครูวนิดาสบตาลูกศิษย์ ครูก็เช่นเดียวกันกับเธอน่ะแหละ อย่าไปนับงานพัสดุที่รับผิดชอบ  อย่าไปรวมงานอื่น ๆ ที่ทยอยตามมานอกเหนือจากงานสอน  อย่าไปนับว่ามีคาบพักไหม  เพราะบางวันสอนเต็มหกคาบ  ได้พักรับประทานอาหารกลางวัน ๑ ชั่วโมง  ถือว่าโชคดีมากแล้ว  และก็อย่าไปนับ...ครูลา  ครูไปราชการ  สอนแทนกัน...หนุกหนาน อย่าไปนับ.....

จะดีกว่าไหม.....หากเราไปจัดอบรมตอนที่ครูปิดเทอม ก็อบรมได้เหมือนกันนี่นา.....  ในคาบปกติพอเจอกิจกรรมแต่ละกิจกรรมเข้าไป  อย่าว่าแต่ตะลุยสอนเลย  สอน ๆ ไป ต้องตะลุยกะอิลูกศิษย์ที่เรื่อยเปื่อย เฉื่อยแฉะด้วย  จะให้ทิ้งไปได้ยังไง  มองสบตาไปก็ตาดำ ๆ ทั้งนั้น  เห็นแก่ประเทศชาติและเยาวชนของชาติจะดีกว่ามะ ? 

หากในคาบที่สอน....ได้สอนเต็มที่ ได้มีเวลาเตรียมสอน ถึงสอนแทนก็ไม่กลัว  รวมไปถึงเก็บก๊วนเฉื่อยและไม่เฉื่อยได้หมด  ไม่ตกหล่นสักคน  ถามว่าจะต้องไปเปิดคาบนรก ๆ สอนกันแต่เช้ามะ  บางคนสภาพน่าสงสารมาก  ยิ่งกว่าวัลลีอี๊ก...ลูกศิษย์บางคนอยากมาเรียนคาบเช้า  แต่ต้องช่วยแม่ขายของตอนเช้าก่อนมาโรงเรียน  ตอนเย็นก็ต้องรีบกลับไปเก็บล้างช่วยแม่  ความแตกต่างรายบุคคลมีอีกมากมาย  แม่ทำงานคนเดียว  ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ยังมีลูกศิษย์อีกประมาณ  ๑๐ กว่าคน  ที่เป็นแบบนี้  แล้วทำยังไง  ครูอย่างฉันเองได้แต่เพิ่มเติมในคาบปกติสุดกำลังเท่าที่ทำได้  (หากลำไส้อักเสบไม่กำเริบซะก่อน) ฉันเองคงมองสบตาลูกศิษย์ได้ไม่เต็มตานัก  เพราะสิ่งที่ลูกศิษย์ทำ...เป็นสิ่งที่ฉันภูมิใจมากกว่า  สพฐ.พอจะเข้าใจ...อะไรบ้างไหม..วะเนี่ย

เรื่องต่อไปก็คือความขัดแย้งทางความคิดของตัวเอง......ที่ต้องไปปฏิบัติธรรม  ทำให้เกิดคำถามคิดถามตัวเองต่าง ๆ มากมาย  ว่าเราไป..ปฏิบัติธรรมที่นี่  จะทำให้เราเกิดความสงบจริง ๆ ไหม ?

คำตอบที่ได้ที่คิดไปทวนมา  เราต้องวางใจ เราไปปฏิบัติธรรม  ไม่ว่าจะที่ใด ๆ บุญเกิดจากการกระทำของเรา  เรามีความคิด  ความคิดที่พระพุทธเจ้าสอนตามหลักกาลามสูตรนี่หว่า....

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2471d57b9fc11e3a

เพราะง้านนนนน.......เราจะไปปฏิบัติธรรมด้วยจิตที่ผ่องแผ้ว เมื่อคิดทบแล้ว....ทวนอีก...ทำให้การไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้มีข้อไม่ชอบใจอยู่บ้าง  แต่มีใจแน่วแน่ซะอย่างว่าเรา....จะต้องระงับเหตุทั้งหลายด้วย ศีล  สมาธิ  และปัญญา  และพิจารณาไตรลักษณ์ 

สรรพสิ่งที่ สพฐ.กำหนดอาจมีสิ่งที่ท้าทายใจเรา...รออยู่ข้างหน้าอีกไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้

เอาวะ....วนิดา  ถือข้อดีอีกอย่าง...ได้ลดน้ำหนักไปด้วยนะวุ๊ย ๕ วัน  ก็คงจะได้สักวันละขีด..สองขีด  นี่ถือเป็นข้อดีอีกข้อ....นา

(@^_____________^@)

 

 

 

 



ความเห็น (3)

คุณครูเขียนเป็นบันทึกได้เลยนะครับ ;)…

แฮ่ะ ๆ ตั้งใจว่าจะเขียนในบันทึกค่ะ  แต่ด้วยที่ไม่ทันดูตาม้าตาเรือ ไปกดเอาอนุทินเข้า ก็เลย...ต้องเลย...ตาม...เลย เพราะปาไปจนใกล้จบแล้ว  ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเป็นอย่างที่อาจารย์เห็นนี่ล่ะค่ะ

แสดงว่าใจไว...กว่ามือ  เขียนไม่ทันความคิด...ตัวเอง  อาจารย์...เคยเป็นไหมคะ ?  อิ อิ

(n___n) !

 

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

ไปเจอสมบัติเข้าอีกกรุ...ของยายเชื้อ

นั่งอ่านไปอ่านไป...และนึกตาม  คนสมัยก่อนโน้นนนนนนนนนน...ทำได้ยังไง ?

เด็ก ๆ ได้แต่อ่านเป็นเสียงนกเสียงกาจริง ๆ

ขอยกสักตัวอย่าง  จากกาพย์เห่ชมผลไม้ ของ ร.๒

  น้อยหน่านำเมล็ดออก             ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์

มือใครไหนจักทัน                   เทียบเทียมที่ฝีมือนาง

....................

ปกติแค่เปลือกน้อยหน่ากว่าจะได้กินก็เละแล้ว  นี่นำเมล็ดออกยังไง  สงสัย ๆ จะเหมือนเงาะ มะปราง ลิ้นจี่ไหม ที่ใช้มีดแหลม ๆ คว้านเมล็ดออก

เคยอ่านหนังสือของ มล.เนื่อง ที่เล่าถึงเรื่องชีวิตในวัง คงต้องไปรื้อมาหาอ่านกันอีกครั้ง  เผื่อจะมีเรื่องเล่าน้อยหน่านี้ด้วย

รู้สึกถึงตอนยายเรียกมาอ่านหนังสือให้ฟังอีกครั้ง เฮ้อ !!! ...วนิดา  ได้คันตากะน้ำมูกย้อยอีกหน

ลังหนังสือโดเรมอนที่วนิดาสะสมมาทีละเล่มตั้งแต่ ม.ต้น ตอนนี้แม่จำเริญไปหมดเรียบร้อย รู้สึกเสียดาย คอห้อยไปหลายเพลา แต่กรุนี้เหลือรอดตาป้าเรียมไปได้..... กลับมาดีใจระดับ ๑๐   

วันขี้เกียจมาถึงเมื่อไร จะรีบซ่อมสมบัติยายทันที  เตรียมตัวนอนไขว้ห้างอ่านหนังสือ...

(@^__________^@)

 

 



ความเห็น (2)

โห…..ซะเห็นภาพ นอนไขว่ห้าง อิ อิ

ค่ะ ทพญ.ธิรัมภา   .... ชีวิตจะดูรื่นรมย์มากหากมีพี่...หะเมียว ขนปุย ๆ มานอนข้าง ๆ ด้วย

 

(@^____________^@)

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

เมื่อเปลวไฟแห่งความเกรี้ยวกราด............ของบางใคร  ลามเลียใครต่อใครเข้า  สิ่งที่ทำได้คือการเขยิบออกไปคนละก้าว  สองก้าว  หรือ....ออกไปท่องจักรวาลอันกว้างใหญ่ของเรา  ดูท่าจะดีกว่า

....อย่าให้อะดรีนาลีนของเราหลั่งโดยเปล่าประโยชน์กับบางใครที่กำลังทำไฟไหม้ใจตน...เข้าใจว่า....แค่นี้บางใครก็เกิดความทุกข์มากพอแล้ว  หากบางใครเรียกสติกลับมาดับไฟแห่งความเกรี้ยวกราดนี้ได้  บางใครคงระลึกถึงอดีตที่ก่อเหตุไว้กับตัวเองและผู้อื่น  ถึงตอนนั้นเมื่อไร....เชื่อว่าบางใครคงอยู่กับความทุกข์และทิฐิด้วยเช่นกัน

 

เปลวไฟแห่งความเกรี้ยวกราดนี้....น่ากลัว  ขาดสติเมื่อใด  มักทำร้ายความรู้สึกดี ๆ  ความเคารพนับถือ  และมิตรภาพดี ๆ  รวมทั้งบรรยากาศดี ๆ ไปด้วยเช่นกัน

 

ได้ออกไปท่องจักรวาลอันกว้างใหญ่....ได้สักพัก  นั่งมองดูสายฝนสักเดี๋ยว  แล้วเดินย้อนกลับไปดูบางใคร...ที่ดับไฟแห่งความเกรี้ยวกราดได้แล้ว  เห็นใบหน้าแดง ๆ และความขุ่นมัว....ที่ยังปรากฏอยู่  จึงเดินออกมาท่องจักรวาลต่อ.....ตั้งใจว่าจะนั่งมองดูสายฝนอีกสักหน่อย  แล้วค่อยกลับเข้าไป  แต่ยังไม่ถึงอึดใจ....ได้ยินเสียงเรียกจากบางใคร............ คำที่ได้ยินชัดเจนคือ "ขอโทษ"  แต่ฝากไปบอกบางใครอีกคนให้ด้วย เท่านี้ก็พอทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปได้บ้าง

...........................................

หากเราระลึกรู้ทุกลมหายใจของการมีชีวิตอยู่  คุณค่าของสรรพสิ่งรอบ ๆ กาย  รวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่มีชีวิตเหมือนเรา  เราจะเข้าใจ "สิ่งสำคัญ"  ของเวลาที่เรามีลมหายใจและชีวิต  เราจะไม่สร้างความทุกข์ใจให้กับคนอื่น  เราจะใช้เวลาให้คุ้มค่าต่อลมหายใจในแต่ละวัน  เพราะระหว่างทางของชีวิต มีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่สำคัญรอเราอยู่ 

เมื่อเห็นความน่ากลัวนี้ของบางใคร....เราเองก็ต้องเตือนตน...ว่า  อย่า...เผลอ  อย่า....ทำ  อย่า....ร่วมส่งเสริมเปลวไฟแห่งความเกรี้ยวกราดนี้ด้วย 

ต้อง "หยุด" โดยเริ่มจากที่เราก่อน (แม้มันจะยาก..หากใจนึกอยากเอากระดาษกาวมาพันปากและจับมือบางใครมัดไว้กับโต๊ะก็ตาม)

 

"หยุด"  เพลงนี้แม้จะคนละความหมายแต่ก็ทำให้....ขวัญกลับมาอยู่กับตัว 

 

 

....ขวัญเอ๊ย...ขวัญมา......นะวนิดา ชีวิตนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันแล้ว

สงสัยต้องย้ายไปอยู่กาแลคซี่อื่น.... ไม่ไหว ๆ นอนดีกว่า

 

 

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

เหตุเพราะเจอสมบัติของยายเชื้อ...โดยบังเอิญ

(สามก๊ก....ฉบับเจ้าพระยาพระคลังหน  เล่มหนา  นอนหนุนต่างหมอนมาแล้วเมื่อตอนเป็นเด็ก)

. อ่านเมื่อตอนเป็นเด็กให้ยายเชื้อฟังเป็นเสียงนกเสียงกาและ....อ่านอย่างตะกุกตะกัก

. อ่านเมื่อตอนวัยรุ่นรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง

. อ่านเมื่อตอน ม.ปลาย ค่อยรู้สึกสนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง

. อ่านเมื่อตอนเรียน ปี ๑ ชักยังไง ๆ ไปอ่านงานของน้าชาติ  กอบจิตติก่อนดีกว่า

. อ่านตอนสิริอายุปูนนี้  อ่านไป  ๆ  มีอะไรต่อมิอะไรให้ใคร่ครวญอีกเยอะเลย

 

ชักไม่อยากรอให้ถึงวันขี้เกียจแล้ว  แต่คงต้องเอาสมบัติยายไปซ่อมก่อน ปกหลังร่อน กรอบ  และทำน้ำมูกย้อย ไม่รู้เพราะแพ้ฝุ่นจากหนังสือหรือความสกปรกของมือตัวเอง  และก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ทำให้รู้สึก "อยากอ่าน"  "อยากทำเดี๋ยวนี้"  เพียงแค่พลิกไปไม่กี่หน้า

 

(@^_____________^@)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

รัด ตะ บานนนนนนนนนนนนนนน ......บานบุรี

ตกใจเมื่อเปิดข่าวดูทุกที  นี่ประเทศจีนและพม่าเขาจับมือร่วมกันพัฒนาประเทศ  แต่ของป้าจะเอากอริล่ามาเลี้ยง ป้าไปถามพี่กอ.........ก่อนไหมว่าอยากมาอยู่อ๊ะเปล่า ???  พวกป้าก็หาเรื่องจะตัดไม้ทำลายป่า สร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม (เพิ่งจะรู้ว่าอิเขื่อนนี่ป้องกันน้ำท่วมได้..........ที่เคยเรียน ๆ มา เข้าใจว่าเป็นการแปรพลังงานมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ากะจัดการระบบชลประทานเพื่อส่งเสริมการเกษตร)

ละนี่ป้าจะเอาพี่กอ....มาเลี้ยง มาทรมานพี่เขาทำไม  เขาชอบอยู่ป่าที่สมบูรณ์  หูยยยยยยย............หน้าส่งป้าไปอยู่ดาวเนปจูนชิบเป๋งเลย

วันขี้เกียจของวนิดา....วันนี้  งดดูทีวีสักพัก หาขนมอร่อย ๆ รับประทานกับฟังพี่อ๊อดคีรีบูนก็ได้ เดี๋ยวตอนบ่าย ๆ ค่อยดูก็ได้ว๊า....กบนอกกะลา  พันแสงรุ้ง  และเอเชียวีคไรสักอย่างมาช่วงแดดร่ม ๆ ค่อยดูโตละตั๊ดใหม่ก็ได้  เบื่อรัดตะบานนนนนนนนนน.............




ความเห็น (2)

หน้าตาเอาเรื่องอยู่นิเจ้าเหมียว

อยากจะบอกคุณมะเดื่อว่า พี่เขาสุดยอดหะเมียวค่ะ

ซน แสบ ขี้ฟ้อง และที่สำคัญเลือกอ้อนเป็นคน ๆ สิริอายุพี่ทุ่ย ๘ เดือน

พี่ก็สร้างวีรกรรมตะครุบหนู “แฮมสเตอร์” ข้างบ้านซะอ่วมอรทัย

ดีว่าพี่หนูไม่เป็นอะไร มีรอยถลอกและน้ำลายเล็กน้อย พาไปหาหมอล้างแผลและใส่ยาให้พี่หนูพอหอมปากหอมคอ

แต่เจ้าของพี่หนูหมายหัวพี่ทุ่ยไว้……เรียบร้อย ห้ามมาเที่ยวที่บ้านอีก

แฮ่ะ ๆ ดูจากหน้าพี่ทุ่ย โดยไม่ต้องดูดวงเหมือนมนุษย์ ถือว่าแม่นจริง ๆ ค่ะ

(@^_______^@)

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

http://youtu.be/XmHblwYxV7s

เมื่อความว่างของใจ มองดูความนิ่ง  ความสงบของน้ำ มันช่างดูอ่อนโยน เป็นความนิ่ง.....เย็น แต่เมื่อมองไปด้วยความว่างของใจแต่คิดแบบตีลังกา.....ตรงข้ามกับความอ่อนโยนที่มองเห็น ณ ขณะหนึ่ง  น้ำที่ดูอ่อนโยน นิ่ง  สงบ  ก็สามารถทำลายสิ่งที่แข็งแกร่งได้  พาลให้หวนคิดถึงภาพซึนามิที่เกิดเมื่อหลายปีก่อน ....... ขนลุกขึ้นมาทันที



ความเห็น (2)

น่ากลัวค่ะ เกิดริมทะเล แต่กลัวทะเลมาก

คุณทะเลงาม

กลัวเหมือนกันค่ะ เพราะเคยโดนลุง ๆ ที่เป็นตะหารเรือ และลูกลุง ๆ ซึ่งเป็นพี่ ๆ ผู้ชายทั้งน้านนนนนนนนนนหัดให้ว่ายน้ำ (ทะเล) โดนจับโยนลงไปทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น

แต่ก็สำลักความเค็มจนว่ายน้ำเป็นค่ะ แต่เหตุการณ์ที่กลัวทะเลเพราะเคยติดเกาะที่สุรินทร์ สิมิลัน และเคยอยู่บนเรือกลางทะเล ลอยไปลอยมาเพราะเรือเสีย น่ากลัวมาก ๆ ค่ะ

สามเหตุการณ์นี้ นึกทีไรก็กลัวไม่เท่าซึนามิที่เข้าไทยค่ะ ขนลุกมาก ๆ

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ


93 million  miles  from  the  sun.


people  get  ready  get  ready,


" Cause  here  it  comes  it's  a  light, a  beautiful  light.


over  the  horizon  into  our  eyes.

****************

๙๓ ล้านไมล์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์

ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป

เพราะแสงสว่างจะกลับมาที่เดิมทุกวัน  แสงสว่างมันช่างงดงาม

แสงเดียวกันจะพาดผ่านสายตาของเรา


http://www.youtube.com/watch?v=u5WiqJFq2-o




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ


.....สงบเงียบเรียบเรียบเย็นอยู่เป็นนิจ

ได้ชื่นจิตรื่นใจยามได้เห็น

ได้วางใจบางบางอย่างที่เป็น

แลพอเห็นตัวเรากับเงาน้ำ

(@^______________^@)





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

http://youtu.be/Yo-MWpRJ6s8

ณ  ห้วงใจแห่งแดนสุดแสนไกล

แสนสุดใจจะไขว่จะคว้าถึง

ณ  ห้วงใจแห่งแดนแสนคำนึง

สุดรำพึงรสถ้อย...ร้อยแสนคำ

---------------

ระหว่างทางชีวิตวันนี้..........เดินทางผ่านมาได้  ๑๔,๒๓๕ วัน  มีสะดุดไปบ้างระหว่างทางของชีวิต  ได้แวะพักข้างทางชมดอกไม้ ฟังนกร้อง  นั่งมองดูสายฝน  ดูปุยเมฆขาว ๆ กับสีฟ้า ๆ  สูดกลิ่นหญ้าเขียว ๆ มีเหมียว ๆ มะหมาพอเคล้าแข้งเคล้าขา  และทักทายผู้คนข้างทางบ้าง 

คุณค่าระหว่างทางที่ดำเนินไปให้ความหมายกับชีวิต  และทำให้เข้าใจว่า....ระหว่างทางของชีวิตที่.....การเดินทางยังไม่สิ้นสุด...ยังไม่ถึงจุดหมาย  เราจะพบเรื่องราวมากมายอีกหลาย ๆ อย่าง

๑๖ ปี ที่ทำให้ระหว่างทางของชีวิตได้ดำเนินไปอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น  และได้พักระลึกถึง.....เวลาดี ๆ  

ความคิดถึง.......จึงล่องลอย

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

ระหว่างทาง

ระหว่างทางของฉันกับวันขี้เกียจ

เบื่อจะเบียด เบื่อจะเครียดกับผู้คน

ปล่อยความคิด.....ให้ล่องลอย

ดูฝนย้อยเป็นสายฝน

จิบกาแฟ  นั่งแซวแแม่ แหย่น้องแมว หยอกพี่หมา

ตามประสา...คนชอบเสียงแม่บ่น

มองตู้ปลา  มองสายฝน

ฝนหมื่นเม็ด ที่หยดเป็นสาย นั่งมอง ๆ ไป สบายอารมณ์


ระหว่างทางของฉัน  ระหว่างทางของฉัน

กับวันขี้เกียจ  นั่งละเลียด..ขนม 

กับไอศกรีมที่รสหวาน ๆ

หากขาดน้ำตาลคงมีรสขม

เปรียบเหมือนความรัก....เดี๋ยวเปรี้ยว  เดี๋ยวหวาน

รักกันไปน๊าน...นาน  อาจมีรสขม


ระหว่างทางของฉัน  ระหว่างทางของฉัน

กับวันขี้เกียจ  เบื่อจะเครียดกับผู้คน

ปล่อยความฝันให้มันล่องลอย

หนุนหมอนน้อยดูเมฆ...กล๊มกลม

นอนมองฟ้า...แล้วพาใจฝัน

ว่าเมฆก้อนนั้นเป็นลูกชิ้นปลา

ฟ้าจ๋าฟ้าขอลูกใหญ่ ๆ ฉันจะได้แจกเด็กทุกคน


ระหว่างทางของฉัน ระหว่างทางของฉัน

กับวันขี้เกียจ  เบื่อจะเครียดกับฟ้ากับฝน

ปล่อยความคิด....ให้มันล่องลอย

ค่อย ๆ ปล่อย  ปล่อยไปตามลม

หากความคิดเป็นปาท่องโก๋ ไม่ต้องคู่โต

ขอเป็นคู่เท่ากัน คิด ๆ ฝัน ๆ เป็นคู่ขนาน

คิดหลาย ๆ ด้าน  คิดดูสักหน

ระหว่างทางวันนี้ มีฝนเย็นใจ

นั่งปล่อยใจไป.....ล่องลอยกับสายลม


http://youtu.be/Nvgggo5ZheM


--------------------------

มาจากศิลปินคนโปรดได้ตั้งโจทย์แบบฝึกหัดเขียน และคิดอย่างสร้างสรรค์ ไว้ที่หน้าระเบียงบ้านใน FB : ความคิด  ความรัก  ความฝัน / ไอศกรีม  ลูกชิ้นปลา  ปาท่องโก๋  ว่าจะจับเข้าคู่กันอย่างไร

หากลองมาจับเข้าคู่กัน ในมุมมองของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน  เลยได้นั่งคิดไปเพลิน ๆ และลงมือเขียนด้วยดินสอ  อาการ....จึงออกมาประมาณนี้ 


(@^________________^@)







ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ
http://youtu.be/-doet5eYmJk

บ่น                                            ....
เหตุเกิดจากผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. ตอบคำถามสื่อได้..........

เห็นแก่ประเทศชาติ มนุษย์ช่วยมีสามัญสำนึกกันหน่อยได้ไหม
วิธีแก้ไขปัญหามีเท่านี้จริง ๆ หรือ  หากมองปัญหาอย่างจริงจังและเห็นแก่ชาติบ้านเมือง
ชีวิตทุกชีวิตมีค่าไม่ต่างจากเราเช่นกัน ใต้ทะเลจะเหลืออะไร  โดนสารพิษเข้าไปซะขนาดนั้น
 อีกฟากของเสม็ดก็ยังเที่ยวได้  อืม ! ตอบได้ปวดตับมาก 
พี่เคยใส่ใจกับกำไรที่พี่ได้  แล้วทำไมบ้านเกิดแผ่นดินนี้ที่พี่อยู่พี่ถึงได้ทำแบบนี้ละก๊าบบบ 
หากพี่ใส่ใจสักนิด คำตอบที่ได้จะดูเข้าท่ากว่านี้ 
วนิดาไม่เคยเพลียใจอย่างนี้มาก่อน 
ผู้บริหาร ปตท.ออกมาตอบคุณสรยุทธ์ครั้งนี้ทำเอาก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ้าอร่อยอืดไปเลย

คนตอบแบบนี้น่าโดดเตะข้ามอ่าวไทยแล้วให้ไปลอยอยู่ที่  Dead  Sea  ดูบ้าง ดูดิ๊พี่จะทำยังไง

ไม่น่าดูข่าวเลย  ดูแล้วก็ให้เกิดอาการเบื๊อกลงตับขึ้นมาอีก  จริงอย่างคำพระท่านสอน  "กับบางเรื่องไม่รู้เสียบ้างก็เป็นปัญญา"  นะวนิดา


กลับมาเซ็งระดับ ๙ กันอีกแล้วครับท่าน




ความเห็น (5)

ผมเองพยายามจะเลี่ยงข่าวให้น้อยลงครับ...ดูสรรพสิ่งรอบๆตัวดีกว่า ได้เห็นความเป็นไปด้วยตัวเราเอง...

v_V ... เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ คุณครู ;)...

คุณ พ.แจ่มจรัส

ขอบคุณค่ะ สงสัยคงต้องเป็นเช่นนั้นดูบ้าง เพราะรู้สึกว่าเวลาดูข่าวเดี๋ยวนี้ ความน่าเชื่อถือดูลดลงเพราะแต่ละช่องพี่เขาทำรายการข่าวออกมาเน้นบันเทิงกันทั้งน้านนนนนนนนน....น ผู้ประกาศข่าวก็ขยันสร้างสีสันกันเข้าไป  หรือยุคนี้เขาเลือกจริงจังกับบางเรื่องก็ไม่รู้นะคะ

ท่าน Wasawat  Deeman

O_o อ้าว !!!! สงสัยเป็นเพราะวันนี้ฝนตกทั้งวัน เลยเพิ่งมาดูข่าวกะเขาค่ะอาจ๊ารย์

โชคดีเป็นของเราจริง ๆ ไปอ่านโดเรมอนแก้กลุ้มดีกว่า ^^"

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ


ร ะ ห ว่ า ง ท า ง คื น นี้. . . . . วนิดาสภาพเดียวกะพี่ก๊องแก๊งเขาเลยก๊าบบบบบบบ



ตกอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักทั้งพี่ทั้งน้อง........

=  =  zzzZZZZZ

........................................................

     กล่อมขวัญนะเจ้ากลับเหย้าพักผ่อน             กล่อมกายนะเจ้าเฝ้าถนอม

กล่อมจิตนิทราเจ้าสู่โอบอ้อม                           กล่อมใจพร้อมล้อมเดือนแลขวัญดาว





ความเห็น (5)

ขนน้องแมวคล้ายขนน้องหมาเลยนะคะ :)

โอ๊ย !!!! น่ารักมากค่ะ

อ.จัน

ที่ขนพี่แก๊งค์คล้ายขนน้องหมา เพราะว่าตัดขนเองค่ะ เพื่อจะได้เห็นแผลตามจุดต่าง ๆ จะได้รีบรักษา พี่แก๊งค์เป็นเบาหวานมีแต่รอยเข็มซึ่งก็เยอะแล้ว จะแยกเลี้ยงจากพี่เหมียวตัวอื่น ๆ ก็ไม่ยอมค่ะ

ทพญ.ธิรัมภา

ดร.พจนา แย้มนัยนา

ไปบอกพี่แก๊งค์แล้วค่ะ พี่แก๊งค์ฝากมาบอกว่า "ขอบคุณครับ"

(n__n)

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

กับวันขี้เกียจ

http://youtu.be/hkjRoIB4IiE

ตื่นมาตอนเจ็ดโมงเช้าด้วยนาฬิกาชีวิต ณ บ้านพักครู

รสสัมผัสที่ตื่นขึ้นมา ณ ห้วงเวลานั้นคือหอมกลิ่นฝนปนกลิ่นดอกไม้พวงมาลัยที่ถวายพระไว้เมื่อคืนข้าง ๆ หัวนอน รู้สึกสงบเย็นอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบอาบน้ำแปรงฟัน(ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากอาบ เพราะน้ำเย็นมากกกกกกกกกกก) 
และสวดมนต์แทนการตักบาตรที่วัด 

รู้สึกสุขสงบอย่างง่าย ๆ และได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกสุขสงบได้ง่าย ๆ และรวดเร็วมาก ๆ คือการสวดมนต์ หรือฟังเพลง เพลงที่ตัวเองพบว่าสร้างความสุขสงบได้เร็ว และอยู่กับขณะจิตของตัวเอง โดยที่ใจไม่กระโดดไปกระโดดมาได้นานขึ้นกว่าก่อน เห็นจะเป็นประเภทเพลงบรรเลง เช่น ขิม  จะเข้  ซอ ขลุ่ยไทย  ขลุ่ยจีน เปียโน  กีต้าร์คลาสสิคหรืออะคูเลเล่ เบา ๆ เพลงประสานเสียง หรือเพลงของ Enya ก็ลองพิสูจน์มาแล้วว่าทำให้รู้สึกสุขสงบได้เช่นกัน

เลยมานั่งคิดเล่น ๆ กับวันขี้เกียจวันนี้ว่า  ส่วนมากคนที่ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบนั้น เขาก็นั่งอยู่กับใจ….ดูใจของตัวเองไปนี่นา  ละอย่างของ…..วนิดานี่  มันจะใช่ไหม ?  สงสัย ๆ ?  ฮ่า ๆ

ธรรมะสวัสดีกับวันที่พระรัตนตรัยเกิดขึ้นครั้งแรกค่ะ

(@^______^@)




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

..............ซู่ซู่พรูพรูซ่าพาชุ่มฉ่ำ  

สุขดื่มด่ำฝนพรำนำใจฉัน

สูดกลิ่นดินผินหญ้าเขียวเขียวพลัน

พาใจฝันวันฝนปรอยร้อยหมื่นเม็ด


พอเห็นหญ้าเขียว ๆ ทีไร  อยากแถลงไปเกือก

พอฝนตกแต่ละทีก็ชอบนั่งดูสายฝน มันทำให้รู้สึกเย็นใจ  บางครั้งได้กลิ่นดินหอมหน่อย ๆ เวลาฝนพรำปรอย ๆ ที่สนามหญ้า

แต่ความรู้สึกที่มีมากกว่า มันรู้สึกสุขสงบเมื่อได้ทอดสายตามองสายฝน  



http://www.youtube.com/watch?v=VENcMOi0j4g


ความเห็น (1)
Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

.....ใจแหว่ง

เคยเกิดอาการนี้กันบ้างไหมคะ.......เมื่อรู้ว่าเพื่อนซี๊ปึกของเราจะไม่อยู่ให้เราเห็นหน้าได้สบตากัน ได้มีเวลาซ้อมปากได้มองต่างมุมแบบเบื๊อก ๆ ด้วยกัน  ได้อยู่ข้างเดียวกันแบบคนกลางกลวง เวลาโดนคนในขอบด่า เป็นเวลานานกว่า ๑๐ ปี  ถึงแม้เราจะรู้ว่าโลกยุคนี้เป็นโลกยุคไร้พรมแดนก็ตาม 

เพื่อนที่เรานั่งห้อยขาอยู่ริมระเบียงด้วยกัน โดยแทบไม่ต้องพูดอะไรกันเลยสักคำ แทบจะไม่ต้องสบตากัน  เพียงแค่สบใจกันเท่านั้น  เราต่างก็รู้สึกได้ว่า "เข้าใจ"

ในชีวิตที่ผ่านมาระหว่างทางพบเพื่อนที่สบใจพอนับนิ้วได้ไม่กี่คน  ทั้งเพศเดียวกัน  ต่างเพศ  และสหเพศในคน ๆ เดียวกัน  เป็นคนสำคัญระหว่างทางของชีวิต  ที่รู้สึกได้ถึงความรักและมิตรภาพอย่างจริงใจ  เหนือกาลเวลาที่ผ่านมา  เหนือเงื่อนไขใด ๆ แม้ว่าจะต่างคนต่างมีครอบครัวกันแล้วก็ตาม

ป๊อบ...เป็นหนึ่งในคนสำคัญระหว่างทางของชีวิต  เป็นประเภทคิดแบบเบื๊อก ๆ เหมือนกัน  มีนิสัยวู่วามมาตั้งแต่เรียนหนังสือ  จนแต่งงานมีเมียเป็นของตัวเองและหย่าร้างกันทางใครทางมัน ณ ตอนนี้  ก็ยังวู่วามไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม  พี่ป่าน และพี่ปอ  พี่ชายของป๊อบเคยพูดว่า "ดูท่ามันจะไปสบายก่อนพี่ ๆ"  ฮ่า ๆ  ฉันเห็นด้วยเป็นที่สุด  เพราะวีรกรรมแต่ละเรื่องของคุณชายเกือบทำให้ฉันและเพื่อน ๆ เสี่ยงตายมาก็หลายหน เช่น วีรกรรมนี้จำได้ไม่เคยลืม ตอนที่ทำงานกันได้ปีสองปีแล้ว ทั้งฉันและโต้งซึ่งป๊อบจัดลำดับให้เป็นเพื่อนซี้ปึกสุดของคุณชาย  โทรศัพท์มาชวนว่าไปขับรถเที่ยวกัน ทั้งฉันและโต้งรู้ว่าคงเป็นวันไม่ธรรมดาสำหรับคุณชายเขาแน่นอน  ในที่สุดทั้งโต้งและฉันก็ได้นั่งรถเที่ยวสมใจ  ตั้งแต่ชมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพุทธและก็เรื่อยมายันสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์  สาเหตุที่ขับมาไกล  ขับมาแบบเรื่อย ๆ แบบใจหายใจคว่ำ  เพราะคุณชายอกหัก  จากที่บอกว่าไม่เป็นไรมากต่อหน้าแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพุทธจนมาต่อมน้ำตาลูกผู้ชายแตกที่เมืองปากน้ำโพ  จุดกำเนิดของแม่น้ำทั้ง ๔ สาย ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบกันรวมเป็นสายเดียว  พวกเราได้เสียวกันแบบมิได้นัดหมาย  ไม่มีเสียงร้องสักแอะ  โดยเฉพาะฉันที่ใจหายใจคว่ำไปตลอดทาง  และในที่สุดคุณชายก็ทำให้พวกเราตกใจเมื่อมันจอดรถและลงไปสะอึกสะอื้นต่อหน้าแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง  ทั้งฉันและโต้งได้แต่ยืนข้าง ๆ อยู่เงียบ ๆ นานจนเกือบลืมไปว่านานเท่าไรแล้ว  และแล้วคุณชายก็มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกว่า "ไปไอ้เก๋ ไอ้โต้ง  ไปกินราดหน้ากัน"  จำได้ว่าโต้งโดนไล่เตะตูดให้ขึ้นรถเพราะว่าไปใช้วาจากวนพระบาทคุณชายเข้าว่า  "แหม....อยากกินราดหน้าก็ไม่บอก  ที่เยาวราชอร่อย ๆ ตั้งหลายเจ้า  มึงพามาซะไกลขนาดนี้  ขอโมจิเจ๊จัน ฯ กลับไปฝากแม่กูสักห้าหกกล่องนะมึงนะ"  แล้วรอยยิ้มของป๊อบก็กลับมาประทับใจเราสองคนอีกครั้ง  แถมวาจายอกย้อนกวนพระบาทโต้งกลับมาไม่แพ้กัน  "งั้นกูฝากราดหน้ากลับไปให้แม่มึงสองคนด้วยแล้วกัน  แต่รับรองขากลับกูจะบินไป  เดี๋ยวจะไม่ร้อน  เย็นแล้วจะไม่อร่อย"  ฉันตาเหลือกสวนทันควัน "ไม่เป็นไรหรอกแก  ที่บ้านอิโต้งกะฉันมีเตาแก๊สอุ่นใหม่ได้  หากแกขากลับแกจะบินกลับล่ะก็  แกนับพระบาทโต้งกะฉันก่อน"  แต่ขากลับคุณชายโต้งรอบคอบกว่า คว้ากุญแจรถป๊อบมาขับแทน  ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจป๊อบหรือกลัวใจป๊อบจะบินกลับ  แต่พวกเรา "กลัวตาย"  มากกว่า

เมื่อถึงวันที่ป๊อบเดินทาง  ฉันได้แต่ฝากของและจดหมายไปกับเมียโต้ง  เพราะเจอกันตอนอบรมพอดี  โต้งเข้าใจเหตุผลและเงื่อนไขที่ไปส่งป๊อบไม่ได้  ป๊อบเข้าใจเพราะก่อนหน้าที่ฉันรู้ว่าป๊อบต้องเดินทางฉันได้บอกถึงเหตุผลที่ไปส่งมาไม่ได้  แต่ในที่สุดเพื่อนซี๊ที่ไม่เข้าใจก็มี  พาลโกรธวนิดา  และโดนต่อว่าแค่นี้นายก็ทำให้เพื่อนไม่ได้  นายยังเรียกตัวเองว่าเพื่อนได้อีกหรอวะ  ถึงแม้วนิดาจะเข้าใจสภาวะที่ไม่ได้ดั่งใจของเพื่อนคนนี้  แต่ก็อดนึกน้อยใจและเสียใจกลับอิเพื่อนใจตุ๊ดไม่ได้ ทำไมนายเป็นคน "เยอะ" อย่างนี้  แค่ป๊อบไปก็ใจหายพอแล้ว  นายยังมาตัดเราออกจากกองมรดกเพื่อนซี้เยี่ยงนี้  นายรู้ไหม....นายทำ "ใจเราแหว่ง"





ความเห็น (1)

(@^____________________^@)

ขอบคุณดอกไม้ทุกดอกที่มาให้กำลังใจ ณ ช่วงใจที่กำลังแหว่งค่ะ


ขอมอบเพลงแทนคำขอบคุณจากใจให้ทุกคนนะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=sShnBb419dc

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

..........ในห้วงคำนึง

     นึกสงสัยว่าเวลาส่องกล้องจุลทรรศน์ มองผ่านเลนส์ที่ขยายโลกเล็ก ๆ ของสิ่งมีชีวิต คนละชนิดกับเรา  เราจะเห็นสิ่งเล็ก ๆ ที่มีชีวิตเช่นเดียวกับเราเต็มไปหมด

     หากแหงนมองไปบนฟ้า  มองจากสองตาเปล่าของเราก็จะเห็นจุดเล็ก ๆ เต็มไปหมด  ที่กระจายไปทั่วท้องฟ้า  เห็นแสงอยู่ริบ ๆ แล้วให้นึกสงสัยในใจ.....เราจะเป็นแบบสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เราเคยมองผ่านเลนส์ของกล้องจุลทรรศน์นั้นหรือเปล่า ?

http://youtu.be/QeTHsq6vzZE



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ
http://youtu.be/V_19TapS7Uw

คิดถึงเพลงสมัยตอนเป็นเด็กที่พ่อกับแม่ชอบเปิดฟังบ่อย ๆ เนื้อเพลงไพเราะเสนาะใจ




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

กระบวนการจัดการ . . . . . (ยังไง ????)

.........ชีวิตบางช่วงในหนึ่งวันทำงานมักมีหลาย ๆ เรื่อง  ประเดประดังมาพร้อม ๆ กัน

บางครั้งต้องใช้กระบวนการการจัดการแยกเป็นเรื่องใส่ลิ้นชักเก็บไว้ในกบาล

บางเรื่องพอจะจัดการได้บ้างไม่ได้บ้าง  บางเรื่องจัดการได้ดีเกินความคาดหมายที่ใจคาดไว้

บางเรื่องก็หมดใจที่จะจัดการกับมัน  แต่ยังไม่เคยคิดที่จะละเลยที่จะจัดการกับมัน

แค่พักใจชั่วคราวแล้วค่อยกลับมารื้อลิ้นชักที่เก็บไว้ในกบาลใหม่ 

บางครั้งก็รู้สึกล้มเหลว....อย่างไม่เป็นท่าเลยทีเดียว

ไอ้ความที่ไม่เป็นท่านี้เอง  ทำให้กลับมามองท่าใหม่....หากล้มเหลวอีก

เราจะใช้กระบวนการใดจัดการใจของตัวเองไม่ให้ล้มเหลวตามไปอีก (อันนี้ยากยิ่งกว่า)

ยากกว่าการใช้ชีวิตอย่างไรให้เกิดคุณค่าต่อตัวเอง คนที่เรารัก  คนที่รักเรา  และคนอื่น

แต่ทุกครั้งที่ลิ้นชักในกบาลมันรกจนปิดไม่ได้  เราจะทำยังไงกับมันดี ????? 

เสียงเปียโนก็ชักจะเอาไม่อยู่  เสียงกีต้าร์ก็ทำนองเดียวกัน

ได้แค่ประทังอารมณ์เบา ๆ สักพัก

ไปดายหญ้าตอนบ่าย ๆ ให้เหงื่อมันออก  อย่างคุณลุงคุณป้าชาวสวนชาวนา  น่าจะเวิร์คนะ

ว่าไหม ??????

http://youtu.be/on7d6kq-WTs





ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ


กับหลายวันที่ผ่านมาในการทำงานที่ต้องรับผิดชอบ  ดูจะค่อย ๆ คลี่คลายสู่ภาวะปกติ แม้จะต้องเพิ่มวันเสาร์อีกหนึ่งวันเป็นวันทำงานปกติที่ไม่ค่อยจะปกติ  กับทุกวันอาทิตย์ที่ต้องทำหน้าที่เป็นลูกศิษย์ในการศึกษาเล่าเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง และด้วยอีกหลาย ๆ อย่าง 

ในที่สุดแล้ว . . . . ที่เคยบ่นกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า ไม่ไหว เหนื่อย (ว๊อย) ความรู้สึกท้อแท้ผ่านเข้ามาเป็นระยะ ๆ โดยมิได้นัดหมาย กับอารมณ์หงุดหงิด กังวลใจ ผ่านมาตามบททดสอบของช่วงชีวิต 

อืม ! ยากเหมือนกันนะ แต่ในที่สุดแล้วเราก็จะค่อย ๆ จัดการมันได้  วางใจได้  ทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีเป้าหมาย 

(@^_________^@)

http://youtu.be/A7zQ8M2dM78



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

 ไม่ได้เข้ามาเสียนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยแฮะ  

(@^________^@)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

สมาธิที่ได้จากการฟังเพลงธรรม (ธรรมจักกัปปตนสูตร) ไปด้วย  มันทำให้ใจสงบ

เย็นได้เหมือนกัน ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากการสวดมนต์ภาวนาเลย ........

เฮ้ย ! ไมเป็นอย่างนี้ล่ะ มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกของคนที่ทำสมาธิประจำสม่ำเสมอ

แต่เพิ่งค้นพบว่ารู้สึกสบายใจดีจัง

เสียงสวดมนต์แบบอินเดียที่สวดเป็นภาษาบาลีก็ไพเราะและดูมีเสน่ห์ไม่แพ้เพลง

สวดมนต์แบบธิเบตเลย มีเสน่ห์ตรงที่เจ้าของภาษาบาลีสวดนี่เอง

ลองไปหาฟังกันดูนะคะใน youtube

(@^_______^@)



ความเห็น (1)
Wahoo_KrooKay
เขียนเมื่อ

คิดถึงเสน่ห์ปลายจวักของพ่อจ๋า..........

.......ตอนพ่อจ๋ายังมีชีวิตอยู่ พ่อจะเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหารและขนมอร่อย ๆ ให้พวกเราทาน จนแก้มห้อยมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน แกงมัสมั่น แกงส้มแตงโมอ่อน(อร่อยสุด) แกงเทโพ แกงบอน แกงป่า สารพัดที่พ่อแกง มันอร่อยไปหมด รวมทั้งขนมนานาชนิด ที่พ่อแสดงฝีมือทำทั้งข้าวเหนียวสังขยา สังขยาฟักทอง คุกกี้พ่อจ่าก็ทำได้ วุ้นกาแฟพ่อจ๋าทำอร่อยสุดกว่าวุ้นใบเตย สมัยเด็ก ๆ รู้สึกว่าวุ้นใบเตยมันมีกลิ่นถุ่ย ๆ เลยไม่ค่อยชอบให้พ่อทำ แต่พ่อมักจะทำเพื่อเอาใจแม่ด้วยเสมอ ฮ่า ๆ ขนมฝรั่งพวกคาสตาร์ดพ่อก็เคยทำ แต่ไม่อร่อยเท่าเค้กผลไม้หรือคุกกี้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เราสองคนพี่น้องเป็นหยั่นวอหยุ่นได้อย่างไร

จำความได้ว่าอยากให้พ่อทำคุกกี้เนยให้ทาน แต่ที่ต้องการมากกว่านั้นคืออยากจะเอาไปให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนทานด้วย (ตอนอยู่ ป.๓) ที่สำคัญพ่อของเพื่อนที่สนิท ท่านใจดีมาก ๆ เวลาที่เรานั่งรอพ่อ ๆ แม่ ๆ มารับกลับบ้าน พ่อของเพื่อนคนนี้มักมีของเล่นมาฝากเราด้วย  บางทีก็เป็นขนมแพง ๆ ที่พ่อจ๋าและแม่จ๋าไม่เคยซื้อให้ทานเลย อิ๊ อิ๊ เลยได้ไปขอร้องพ่อจ๋าให้ทำคุกกี้เนยฝากพ่อของเพื่อนคนนี้ให้หน่อย พ่อจ๋าตกลงว่าจะทำให้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมาช่วยเป็นลูกมือพ่อ ด้วยความเป็นเด็กจึงมีบ่นกระปอดกระแปดบ้าง แต่พ่อจ๋าก็ไม่ได้เอ็ดจริงจังอะไร ได้แต่บอกว่าถ้าอยากทำอะไรเพื่อตอบแทนน้ำใจคนอื่น ก็ต้องลงมือทำให้เขาด้วยตัวของเราเอง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงคำพ่อสอนขนาดนั้น ได้แต่รู้สึกที่จะได้เล่นขายของกับของจริง ๆ และได้ขลุกอยู่กับพ่อ พอเสร็จก็แอบจิ๊กกินบ้างตามประสาเด็ก(ตะกละ) เลยได้ถามพ่อว่าทำไมพ่อไม่ทำเองคนเดียวล่ะ พ่อบอกว่าเวลาที่เราเอาไปให้เขา คนที่รับเขาจะได้รู้ไงว่าเราตั้งใจทำเพื่อเขา

ตอนนั้นไม่ค่อยรู้ความอะไร ตอนที่ให้คุกกี้พ่อของเพื่อนไปท่านก็เอามือลูบผม ยิ้ม และขอบใจเราเท่านั้น

จนกระทั่งมาเจอพ่อและเพื่อนคนนี้ตอนที่เรียนระดับมหาวิทยาลัย หลังจากแยกย้ายกันไปตั้งแต่ตอน ป.๖ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย  จนมาเจอกันโดยบังเอิญ เพื่อนจำเราได้ แต่น่าประหลาดใจพ่อของเพื่อนจำเราได้ด้วย และเรียกเราว่าเจ้าคุกกี้ ฮ่า (ดีนะ...ที่พ่อไม่ต่อด้วย โม่ ๆ ไม่งั้นล่ะยุ่งเลย)

เลยทำให้หวนคิดคำที่พ่อสอนเรื่องการตั้งใจทำเพื่อคนอื่น เอาใจใส่คนอื่น เพราะฉะนั้นอาหารทุกมื้อที่พ่อจ๋าทำไม่ได้ให้แค่รสชาติที่อร่อยเพียงอย่างเดียว อาหารจึงเป็นเรื่องที่คนทำและคนทานสัมผัสได้มากกว่า ตา กลิ่น รส เสียง สิ่งที่เพิ่มสัมผัสต่าง ๆ เหล่านั้นขึ้นมาคือ ใจ นั่นเอง

(@^______^@)










ความเห็น (2)

อาหารฝีมือพ่อจ๋าของชาดา.  ก็ อร่อยที่สุดในโลกเหมือนกันค่ะ^__^

  • ดีจังค่ะ เมนูอะไรที่คุณ ชาดา โปรดมากที่สุดคะ

 

  • ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

 

  • (@^______^@)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท