วันพฤหัสบดี ที่ 2 สิงหาคม 2555 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 แปดสองหน วันฮาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา ข้าพเจ้าได้ตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำบุญที่วัด ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไปวัดกับคุณพ่อและน้องชาย ได้ตักบาตรด้วยกัน ซึ่งนานๆครั้งจะได้ตักบาตรร่วมกับคุณพ่อและน้องชาย เมื่อตักบาตรเสร็จแล้วก็ได้ไปช่วยชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญจัดเตรียมอาหาร เพื่อให้พระสงฆ์ได้ฉันภัตตาหารตอนเช้า และยกมาที่ศาลาใหญ่เพื่อเตรียมที่จะถวาย ในวันนั้นชาวบ้านก็ได้มีสิ่งของหลายอย่างมาถวายเนื่องในวันเข้าพรรษา อาทิ สังฆทาน ต้นเทียน หลอดไฟ ผ้าอาบน้ำฝน เป็นต้น หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมแล้วก็ได้มีการเริ่มทำพิธีทางศาสนา และสุดท้ายพระสงฆ์ก็ได้รดน้ำมนต์ให้ชาวบ้านเพื่อเป็นศิริมงคลในวันฮาสาฬหบูชา
พอตอนเย็นข้าพเจ้าได้ไปเวียนเทียนที่วัดไปกันหมดครอบครัวเลย มีคุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย และข้าพเจ้า ได้นำสิ่งของไปถวายด้วย คือหลอดไฟ เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่สดใสรุ่งเรืองเหมือนแสงไฟ และพระสงฆ์ทำวัดไปสักระยะหนึ่ง และก็เสร็จพิธี จากนั้นก็เวียนเทียนรอบโบสถ์ ครบ 3 รอบแล้วก็ได้นำเทียนไปปักที่สถานที่เตรียมไว้ แล้วก็ไปลาท่านกลับบ้าน
ขออนุญาตเขียนอนุทินนะครับ^^
วันที่ 6 สิงหาคม 2555 ตื่นเช้าขึ้นมาครับเลย Log Inเข้าhttp://www.gotoknow.orgเลยพบว่า
การเรียนเป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ เราทุกคนควรตั้งใจเรียนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด หมั่นขยันหาความรู้ใส่ตนเองเพราะทุกวันนี้ถ้าขาดความรู้ก็จะใช้ชีวิตอยู่ลำบาก ดังนั้นเราเป็นนักศึกษา มาแสวงหาความรู้ก็ต้องตั้งใจเรียนเอาความรู้ที่ได้ไปใช้ในการชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ
วันนี้ตอนบ่ายได้ไปเรียน วิชาปริสิตแต่ผาดไปนิรีบเกินไปจนทำให้ลืมชีด เลยทำให้การเรียนในครั้งนี้ไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควรคาวหน้าจะไม่ให้เกิดซ้ำอีก
ค่ำนี้ ได้อ่านอนุทินของน้องสุภัทรา เล่าถึงอาการหอบที่เนื่องมาจากหวัดของคุณแม่ของเธอ ทำให้ได้ความรู้ว่า อาการหอบสืบเนื่องมาจากการเป็นหวัด
ย้อนกลับมาดูตัวเอง ซึ่งได้รับเชื้อหวัดมาจากลูกสาวตอนที่ไปเกาหลี สองวันแรกไม่เป็นอะไร วันที่สามเริ่มมีอาการจามและน้ำมูกไหลไม่หยุดจนต้องขอยาลดน้ำมูกจากลูกมากิน (ปกติเวลาป่วยจะไม่กินยา/หาหมอ ปล่อยให้หายเอง) อาการแสดงออกมากในวันที่จะเดินทางกลับ ตอนกลับถึงกทม.วันที่ 29 พ.ค.มีอาการหายใจหอบ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ก็เคยเป็นไข้หวัด และยิ่งตอนที่เดินจากจุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิไปรอขึ้นเครื่องกลับอุบลฯ ในวันที่ 30 ซึ่งต้องเดินไกลมาก ก็ยิ่งหอบมาก กลับถึงอุบลฯ ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแค่เดินไม่กี่เมตรก็หอบเลยนอนอย่างเดียว ช่วงบ่ายแก่ๆ ตื่นขึ้นมาพบว่าอาการหอบหายแล้ว เลยไปตลาดซื้อกับข้าวมากิน หลังจากที่ไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงวันที่ 30
ช่วงนี้เดินทางบ่อยมาก ในรอบสองสัปดาห์ขึ้นเครื่อง 8 เที่ยว และใช้แรงเดินขึ้นเขาทั้งตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่และเที่ยวเกาหลี กลางคืนก็นอนน้อยร่างกายเลยอ่อนแอสู้กับโรคไม่ไหว ถ้าอยู่ที่ฟาร์มไอดินฯ หรือบ้านเรือนขวัญ ในแต่ละมื้ออาหารจะทานพืชผักสมุนไพร 80 % ทานโปรตีน 20 % ทำให้พร้อมสู้โรค แต่อยู่ที่เกาหลี 4 วันเต็มๆ อาหารเป็นเนื้อสัตว์ 85 % ผัก 15 % ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ได้
คืนนี้ก็คงจะต้องนอนน้อย เพราะมีงานค้างที่ไม่มีแรงทำส่งในวันที่ 30 ตามที่แจ้งคณะไว้ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ซึ่งเริ่มด้วยการประชุมของมหาวิทยาลัยในภาคเช้า และเริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่าย