ทฤษฎีสามโลกของมนุษย์ : 1


ทฤษฎีสามโลกของมนุษย์ ถ้าใช้ภาษาอังกฤษก็จะใช้คำว่า Three - World  Theory  of  Man    ทฤษฎีนี้จะเริ่มต้นด้วย คำนิยาม ต่อไปก็เป็นคำกล่าวของทฤษฎี

คำนิยาม :

(๑) โลกของมนุษย์  หมายถึง ผลรวมของ โลกของกาย  โลกของปัญญา  และโลกของอารมณ์  โลกทั้งสามของมนุษย์สัมพันธ์กันเกิดเป็นผลรวมที่เป็นโครงสร้างที่สลับซับซ้อน  โครงสร้างอันนี้ทำให้เกิดแนวคิดเชิงทฤษฎีอัตนัยเฉพาะคน เป็นโลกทัศน์ของแต่ละคน  และมนุษย์ใช้โลกดังกล่าวเพื่อการรู้สึกสัมผัส (Sensation)  รับรู้ (Perception)  จำ (Memory)  คิดแบบต่างๆ เช่นคิดเหตุผล คิดสร้างสรรค์ คิดจินตนาการ รวมทั้งการคิดอื่นๆทั้งหมด  รวมทั้งเพื่อรู้สึกทางด้านอารมณ์  หรือทางด้านวิภาพ (Affection) ทั้งหมด  ต่อโลกภายนอกของมนุษย์  เพื่อรับรู้โลกภายนอก  เพื่อการตัดสินใจ ในการเอาตัวรอด และหลีกหนีจากทุกข์ไปสู่สุข 

โลกของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันตามลักษณะทางกายภาพของคนนั้น และสิ่งแวดล้อมของเขา

(๒) สามโลกของมนุษย์ ประกอบด้วย 

             โลกของกาย คือร่างกายของเขาซึ่งเป็นวัตถุ รวมทั้งอวัยวะรับสัมผัส ซึ่งได้แก่  หู  ตา  จมูก  ลิ้น  ผิวหนัง  และอื่นๆ  เน้นกิจกรรมของกายที่ไม่มีบทบาทของความคิด หรือปัญญา และ / หรือ อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง  หรือเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยมาก จนลงความเห็นได้ว่า เป็นผลส่วนใหญ่ของกายหรือร่างกาย

              โลกของปัญญา คือ การรู้สึกสัมผัส (Sensation) การรับรู้ (Perception) การจำ (Memory) การตัดสินใจ และความคิดทุกประเภททั้งหมดของคนๆนั้น  ซึ่งเป็นผลจากบทบาทของสมอง โดยเฉพาะบทบาทของ เซเรบรัลคอร์เท็กซ์ (ซึ่งเป็นกาย)  โลกของปัญญาตามคำนิยามนี้ คนทั่วไปเรียกว่า "จิต" (Mind)  และในอดีตเรียกว่า "วิญญาณ"(Soul)

              โลกของอารมณ์  คือ ความรู้สึกที่ไม่ใช่ปัญญา ซึ่งได้แก่ การรู้สึกรัก การรู้สึกโกรธ การรู้สึกกลัว การรู้สึกอิจฉาริษยา การรู้สึกเศร้า  เป็นต้น  โดยรวมการรู้สึกทางด้านวิภาพ (Affection)ทั้งหมด

วันนี้ขอบันทึกแค่นี้ก่อนนะครับ

หมายเลขบันทึก: 99620เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2007 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เข้ามาเยี่ยม................

เจริญพร

ขอบคุณครับ

อาจารย์ครับ

     เข้ามารายตัวและลงทะเบียนเรียนต่อครับ

      ตอนนี้ยังไม่มีประเด็นครับ ขอตามงานอาจารย์ก่อนนะครับ

คุณชายขอบหายไปเสียนาน  ผมคิดถึงคุณมากรู้ไหม?  คุณมึความคิดสร้างสรรค์ มักจะมองเห็นสิ่งแปลก ใหม่  และมักจะนำอะไรๆที่ดีๆมาฝากผม และทานผู้อ่านเสมอ ครับ  คิดว่าคุณคงสุขภาพแข็งแรงนะครับ

     อาจารย์ครับ เช่นกันครับ ผมก็อยากอ่านงานอาจารย์มาก แต่พออ่านแล้วมันต้องใช้เวลา ซึ่งผมอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านงานประจำ เลยต้องละไว้เพราะยังไงถือว่าจะยังตามอ่านทีหลังได้ครับ

      คืนนี้มาตามอ่านสักพักใหญ่ ๆ แล้ว จนจะนอนจึงจะมาขอบคุณอาจารย์ไว้อีกครั้ง กับสิ่งที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดไว้ เป็นบุญของเราลูกหลานและศิษย์มากเลยครับ

คุณชายขอบก็ปากหวานเหมือนกันนะ  ใครบ้างจะไม่ชอบคำชม  สุดปลื้มเลยครับ

สวัสดีครับ คุณmimi

ผมต้องขอโทษอย่างมากเลยครับที่เพิ่งจะเข้ามาเห็ข้อคิดเห็นของคุณ  นานนับหลายเดือนทีเดียวครับ ต้องขออภัยจริงๆ

ถ้าเป็นคะแนน IQ ส่วนมากค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ๑๐๐ ซึ่งถือว่าเป็นคนธรรมดา  ช่วง  +,- 1SD  จะมีคนธรรมดาอยู่ราว ๖๘ % (ของโค้งปรกติ)   ของคุณ ๑๓๐ ! ถือว่า "มหัศจรรย์" เลยทีเดียวครับ  อยู่ในกลุ่ม "อัจริยะ" นะครับ !!  (อย่างไอสไตน์ เราคิดว่าน่าจะ ๒๐๐ ขึ้นไปครับ)

IQ เป็นดัชนีอย่างหนึ่งที่ชี้ว่า "มีความสามารถในการเรียนรู้สูง คือเรียนเร็วมาก"  จะเห็นว่าบางคนอายุสิบปีเศษๆก็เรียนแคลคูลัสไอย่างอย่างง่ายดาย เร็วกว่าเด็กสามัญอย่างฟ้าดิน ที่บางคนอายุยี่สิบปีแล้วก็ยังเรียนเรื่อวแรงโน้มถ่วงไม่รู้เรื่องเลย

ผมขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยอย่างมากนะครับ  และขอบคุณที่มาเกิดในเมืองไทย  เพราะเท่าที่เป็นมาคนประเภทนี้ มักจะหนีไปเกิดที่ยุโรปหมด  เพราะที่นั่นเขาสอนให้เด็กเถียงผู้ใหญ่ได้ครับ  ไม่ต้องอยู่แบบ "ตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด" หรือ "ไอ้หัวล้านนอกครู" ฯลฯ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท