<h3 style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; text-align: right; tab-stops: 63.8pt 205.55pt" class="MsoNormal" align="left"></h3> <pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; text-align: center; tab-stops: 63.8pt 205.55pt"> </pre> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; text-align: center; tab-stops: 63.8pt 205.55pt" class="MsoNormal"></p> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; tab-stops: 63.8pt 205.55pt"> เพลงพื้นบ้าน </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; tab-stops: 63.8pt 205.55pt"> จากการปฏิบัติจริง </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; tab-stops: 63.8pt 205.55pt"> ตอนที่ 4 (ลำตัด) </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt; line-height: 85%; tab-stops: 63.8pt 205.55pt"></h2>
</span></span><p> ลำตัด เป็นเพลงพื้นบ้าน อีกประเภทหนึ่ง ที่มีผู้คนรู้จักกันมาก เพราะว่า ลำตัด เป็นเพลงพื้นบ้านที่เล่นกันหลายจังหวัดในเขตภาคกลาง โดยเฉพาะที่จังหวัดปทุมธานี มีบรมครู สุดยอดเพลงพื้นบ้าน ประเภทลำตัด คือ ครูหวังเต๊ะ (นายหวังดี นิมา) ผมเคยไปพบท่าน เพื่อเรียนรู้เรื่องราวของการแสดงลำตัด 3 ครั้ง โดยพี่ขวัญจิต ศรีประจันต์ แนะนำให้ นับว่าเป็นโชคดีที่ผมได้สัมผัสกับครูเพลงตัวจริงอีกท่านหนึ่ง เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2540 ได้ฟังท่านร้อง และยืนรำ ทำท่าทางประกอบการแสดง ได้พูดคุย และรับความรู้จากท่าน ในวันนั้นครูหวังเต๊ะยังแข็งแรงมาก แต่ว่าด้วยวัยของท่านล่วงเลยมานานกว่า 80 ปี แถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง อุทัยธานี รวมทั้งจังหวัดสุพรรณบุรีก็มีศิลปิน นักแสดงลำตัดอยู่มาก ผมได้ติดตามดูการแสดงของครูหวังเต๊ะมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.1 ที่ โรงเรียนวัดนวลนรดิศ กรุงเทพฯ ผมไปดูลำตัดที่วัดอัปสรสวรรค์ (วัดหมู) และวัดขุนจันทร์ ส่วนมากจะเป็นคณะหวังเต๊ะ หรือไม่ก็เป็นคณะแม่ประยูร ยมเยี่ยม ได้ชมการแสดงบ่อยชื่นชอบ จำสร้อยก่อนที่ออกเนื้อร้องหรือว่ากลอนได้หลายบท ได้แก่</p> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt">(สร้อย) วาววับ ฉันรักสาลิกา (ซ้ำ) ส่งเสียงเจรจา อยู่ในคาคบไพร</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> น้องนางแหมช่างโสภี (ชะ ชะ) น้องนางแหมช่างโสภี </h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> ใส่เสื้อแพรสี จั๊กกระจี้หัวใจ</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt">(สร้อย) นัตตา มะรมบิดตา มะรมบิดตา (ชะ) มะรมบิดตอย (ซ้ำ</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> ช่อมะกอก ดอกลั่นทม (ซ้ำ) มาพบคนปากคม มันช่างสมใจคอย</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt">(สร้อย) สาลิกา โผมา ทางไหนแน่ สาลิกา โผมา ทางไหนแน่ </h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> สองตาคอยแล (ซ้ำ) แล้แล ไม่งามงอน</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt">(สร้อย) คนเรา เกิดมา วาสนา ไม่แน่นอน (ซ้ำ)</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> พลัดพราก จากถิ่น เอ๊ย.. พลัดพราก จากถิ่นไปหากินแรมรอน </h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt">(สร้อย) ฮุยเล ฮุยเล ฮุ้ยเล เล ฮุ้ยลา (ซ้ำ)</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> ถึงวัน สัญญา (ซ้ำ) รำมะนา เกรียวกราว </h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt">(สร้อย) เล๊ เล๊ เล เล เหล่ หาลิเก มาเฮ่สำเภา (ซ้ำ)</h1> <h1 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 42.55pt 184.3pt"> น้องเอ๊ย น้องนาง (ซ้ำ) ว่างไหมว่าง มานั่งจับเงา</h1><p>ที่ยกเอามากล่าวข้างต้น เป็นสร้อย ใช้ร้องเกริ่นกลอน โดยพ่อเพลง หรือฝ่ายชายร้องเนื้อเพลงที่เป็นสร้อย 1 จบโดยไม่มีจังหวะ และไม่ต้องรำ เพียงทำท่าทางเล็กน้อย เมื่อผู้ร้องนำร้องจบลง ลูกคู่ร้องรับสร้อยทั้งหมด 2 รอบ และรำแบบวงกว้างยืดเหยียดแขนสุดแขนร้องด้วยรำไปด้วยจนจบสร้อย ผู้ร้องนำจึงเริ่มเดินกลอน นิยมร้องกัน 2 แบบ คือร้องทำนองช้า ไม่มีจังหวะคลอ กับร้องเร็ว เรียกว่า ทำนองโขยก จนจบบทกลอน ลงเพลงแล้วลูกคู่ร้องรับโดยร้อง 2 เที่ยว ลักษณะ ของการแสดงจะสนุกตอนผู้แสดงร้องสร้อย เพราะว่าจะมีลีลาท่าทาง ร่ายรำอย่างสนุกสนาน ส่วนการแสดงก็จะมีการร้องไหว้ครู ร้องออกตัว ร้องปะทะคารม ร้องลา </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt" class="MsoNormal"> ผมได้รับความรู้ การแสดงลำตัดจากการติดตามดูนักเพลงพื้นบ้านประเภทนี้มาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาดูอย่างต่อเนื่อง ไดฟังลำตัดจากแผ่นเสียง (LongPlay) ชนิดแผ่นใหญ่ขนาด 12 นิ้ว และเทปคาสเสท เมื่อฟังบ่อย ๆ พอร้องได้ โดยเฉพาะผมจำสร้อยเพลงลำตัดได้หลายตับ เวลาร้องหรือสาธิตการแสดง ผมมีข้อมูลขึ้นสร้อยลำตัดได้ และเนื้อหาอื่น ๆ ด้นกลอนสดเอา ผมมีกาสได้แสดงลำตัดในรูปแบบของมหรสพไม่มาก มีแสดงร่วมกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ที่เขานำนักศึกษามาอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2542 และผมได้แสดงลำตัดบนเวทีที่อาคารอุตสาหกรรมภาคตะวันตก ปี พ.ศ. 2543 ร้องลำตัดร่วมกับคณะวิทยากร ในการจัดอบรมครูสุพรรณบุรี เมื่อ ปี พ.ศ. 2543 ส่วนการแสดงลำตัดบนเวที ร่วมกับลูกศิษย์มีจำนวนมากเหมือนกัน เพราะว่าบางงานเจ้าภาพหาเราไป เขาคิดว่าเพลงอีแซวร้องเล่นเหมือนกับลำตัด เขาก็ให้เราเล่นให้ดู ผมและเด็ก ๆ ไม่ขัดข้อง จัดชุดการแสดงลำตัดให้ มีบทร้องที่เขียนเอาไว้สำหรับการแสดงประมาณ 20 หน้ากระดาษ </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt" class="MsoNormal"> ในปี พ.ศ. 2546 สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ได้จัดงานสืบสานวัฒนธรรมขึ้น และผมได้นำคณะเพลงพื้นบ้านของโรงเรียนปร่วมแสดง ลำตัด เพลงฉ่อย เพลงพวงมาลัย ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ดังตัวอย่างต่อไปนี้ครับ</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt" class="MsoNormal"> </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt" class="MsoNormal"></p> <h3 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"></h3> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"></h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal">(สร้อย) สาลิกา โผมาทางไหนแน่ สาลิกา โผมาทางไหนแน่ </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> สองตา คอยแล (ซ้ำ) แล้แล ขอแค่ชายตา </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> นี่เป็น วัฒนธรรม เล่นกันตาม สำนวน </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> มีตอนใด ไม่สมควร อย่าเพิ่งด่วน หนีหน้า </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ในนามของ นักเพลง ร้องบรรเลง ด้วยคารม </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ขอให้เกียรติ ท่านผู้ชม ที่ยังนิยม เสน่หา </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ให้โอกาส เพลงพื้นบ้าน นำผลงาน ของท้องถิ่น </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> เหมือนเปิดกรุ ที่ฝังดิน นำทรัพย์สิน ที่มีค่า </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ของปู่ย่า ตายาย ที่เหลือให้ ลูกหลาน </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> เป็นมรดก พื้นบ้าน มายาวนาน หนักหนา </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> วันนี้ลูกได้ นำผลงาน เพลงพื้นบ้าน ภาคกลาง </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> แสดงไว้เป็น ตัวอย่าง เพื่อเบิกทาง คราวหน้า </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ลำตัด ลิเก เพลงเรือ กำลังจะ เหลือน้อย </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> เพลงอีแซว เพลงฉ่อย ผู้คนไม่ค่อย ศรัทธา </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> เพลงเต้นกำ รำเคียว น่าหวาดเสียว ว่าจะสูญ </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> เพลงขอทาน ยังขาดทุน แทบไม่เหลือ คุณค่า</h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ถ้าหากแบ่ง ใจได้ ขอปันใจ ให้มาบ้าง </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> ถึงแม้จะเป็น เส้นทาง ที่รกร้าง ก็จะฝ่า </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> จะขอสืบสาน ตำนานเพลง ที่เคยบรรเลง ในท้องถิ่น </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> เพื่อเอกลักษณ์ ของแผ่นดิน ไปจนสิ้น ชีวา </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> สร้อย) สาลิกา โผมา ทางไหนแน่ สาลิกา โผมา ทางไหนแน่ </h2> <h2 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; text-align: justify; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> สองตา คอยแล (ซ้ำ) แล้แล ขอแค่ชายตา </h2> <h3 style="margin: 0cm 0cm 0pt 14.2pt; tab-stops: 63.8pt 184.3pt" class="MsoNormal"> </h3> <h3 align="left"> (ชำเลือง มณีวงษ์ / ลำตัด 2550) </h3> <h3 align="left"> </h3></span></span></span></span></span>
ไม่มีความเห็น