ความรู้สึกผิด ทำอย่างไรเมื่อขาดหายไป


คุณเคยเห็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง โดยไม่มีความรู้สึกผิดเลยหรือไม่ เชื่อไหมว่า มีคนประเภทนี้ราว 2-3 % ของประชากรโลก อาจจะเป็นใครบางคนรอบตัวคุณ บันทึกนี้เป็นเรื่องเล่าของคนที่ไม่เคยมีความรู้สึกผิด แต่วันหนึ่งเขาก็ได้สิ่งล้ำค่านี้กลับมา อ่านดูว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ยังไงเธอก็ต้องละอายใจบ้างแหละ 

ผมได้ยินประโยคนี้เป็นครั้งแรกตอนเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่หนึ่ง  มันเป็นคำพูดงี่เง่าที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา  ก็เพราะผมไม่เคยมีความรู้สึกผิดมาก่อนและก็ไม่มีวันที่จะรู้สึกอย่างนั้นเลย  ผมเลยไม่ได้รู้สึกว่าโดนทำโทษอะไรทั้งสิ้น จากการที่ผมแอบเอาสีเทียนสองแท่งไปโยนทิ้งส้วม แล้วก็เถียงครูคอเป็นเอ็นว่าผมเปล่าทำ 

ไม่แปลกเลยที่ผมจะไม่ได้สำนึกเสียใจอะไรกับเรื่องแค่นั้น  แต่ที่ผมงงก็คือ ทำไมครูถึงคิดว่า ผมจะต้องละอายใจหรือรู้สึกผิดขึ้นมา

 

สิ่งสำคัญในชีวิตของผมไม่ใช่การมีเกียรติ ความซื่อสัตย์ และก็ไม่ใช่เรื่องเงินทองด้วย  แต่ผมต้องการให้ตัวเองดูดีและให้คนนับถือผมอย่างที่ควร

 

ตอนเป็นเด็ก ผมรู้จักที่จะตีหน้าเศร้า ทำคอตก แล้วก็ทำท่าทำทางให้เหมือนกับคนที่รู้สึกผิดหรือสำนึกเสียใจ  แต่ในใจผมไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นเลยจริงๆ  ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยถ้ามีใครซวยเพราะถูกทำโทษจากการก่อเรื่องของผม 

 แต่ผมจะงงมากถ้าจู่ๆ มีคนสารภาพออกมาว่า ตัวเองเป็นคนทำ เพียงเพราะเขาทนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองไม่ได้  พวกเพื่อนผมมีความรู้สึกผิด แต่ผมกลับรู้สึกเลือดสูบฉีดและสนุกกับการทำผิด  มันช่างเข้ากันกับภาพลักษณ์แบบอันธพาลที่ผมชอบแสดงให้คนเห็น   และทุกครั้ง ผมก็มักจะเอาเรื่องที่ผมทำไปเล่าให้เพื่อนทุกคนฟัง แถมคุยโม้ให้เกินจริงเสียด้วย  ผมคิดว่าถ้าผมทำเรื่องพวกนั้นแล้ว ถ้าไม่มีคนรู้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น การขาดความรู้สึกผิดและความอยากเป็นที่เลื่องลือในทางเลวร้ายนี้ก็แสดงออกมาเป็นพฤติกรรมต่างๆ  ผมสามารถเปลี่ยนความเชื่อของตัวเองตามคนที่ผมอยากทำให้เขาประทับใจ  ผมขโมยของของเพื่อนแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร  ถ้ามีใครทำให้ผมไม่พอใจ ผมก็จะเอาคืน 

 

ครั้งหนึ่ง ผมกับเพื่อนชื่อไมค์ช่วยกันซ่อมรถ เราใช้เวลามาประมาณ 5 ชั่วโมงแล้ว ตอนใกล้จะเสร็จเพื่อนอีกคนก็มาถึง  พอซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในบ้านของไมค์  พอล้างเสร็จแล้วเดินกลับออกมา ทั้งสองคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว  พวกเขาเอารถที่ผมเป็นคนซ่อมไปทดลองขับดูโดยทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว ผมรู้สึกเหมือนถูกแทงข้างหลัง ผมก็เลยต้องแทงกลับ ด้วยการเอามีดพกที่ติดตัวมาไปจ้วงแทงเตียงน้ำของไมค์ในห้องนอน  คืนนั้นตอนที่ไมค์จะเข้านอน เขารู้สึกงงมาก แต่ก็ไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นฝีมือผมเอง  ไมค์ต้องนอนบนโซฟานานทีเดียวกว่าจะซื้อเตียงตัวใหม่ได้  แต่ผมรู้สึกว่าได้แก้แค้นแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนสองสามคนฟัง

 

ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง  ผมสามารถจีบผู้หญิงสามคนพร้อมกัน แล้วก็โกหกพวกเธอทุกคนเลย  ผมจะรู้สึกชอบมากถ้าพวกเธอไม่รู้ว่าถูกผมหลอก  แต่ถ้าถูกจับได้ ยกตัวอย่างเช่น สองคนในนั้นบังเอิญคุยกันจนรู้ความจริงแล้วจะมาเอาเรื่องผม ผมก็จะหัวเราะแล้วบอกว่า ก็พวกเธอมันไร้เดียงสาเอง แต่ถ้าสองคนนี้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับอีกคน  ผมก็จะแก้แค้น   อย่างไรก็ตาม ผมก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปคุยโม้กับใครก็ได้ที่อยากฟัง  แน่นอนว่าผมต้องเสริมแต่งเรื่องราวให้ตัวเองเป็นเหมือนดอนฮวนเทพบุตรนักรัก

 

ในที่ทำงาน ผมล้างแค้นหัวหน้าทุกคนตั้งแต่งานแรกตอนอายุ 15 ถึงงานสุดท้าย  ผมทำอย่างนี้มาตลอด 9 ปีที่ผมทำงานเป็นลูกน้องคนอื่น  เช่น หัวหน้าคนหนึ่งทำให้ผมโกรธ ผมเห็นเขาเอาบิลค่าน้ำค่าไฟจากบ้านมาใส่ในตะกร้าจดหมายส่งออก ผมเลยเอามันไปทิ้งในถังขยะ  ส่วนหัวหน้าอีกคนหนึ่งสต้าทรถไม่ติดตอนจะกลับบ้านสามวันติดต่อกันเพราะแบ็ตเตอรี่หมด วันที่สี่เขาเลยต้องล๊อคกุญแจรถ ผมเลยแอบเข้าไปเปิดไฟหน้ารถของเขาไม่ได้อีก

 

ผมเคยเขียนจดหมายหลายฉบับโดยปลอมเป็นจากลูกค้าที่ยกย่องชมเชยผม แล้วส่งมาถึงหัวหน้าของผม แล้วผมก็ได้เป็นพนักงานดีเด่นประจำเดือน  เสร็จแล้วผมก็รีบไปบอกเพื่อนๆ ว่าผมเขียนจดหมายพวกนั้นเองแหละ  ฮ่าๆ ๆ  ถ้าคุณเป็นคนเก่งไม่ได้ คุณก็ต้องเป็นคนดังสิ

 

คนเรามักชอบทดสอบกันโดยโดยสมมติสถานการณ์ต่างๆ เช่น สมมติว่าคุณเห็นยายแก่คนหนึ่งเพิ่งเบิกเงินประกันสังคมจะเอาไปซื้อของกินของใช้จำเป็น  แล้วคุณยายนั่นก็ทำเงินหล่นโดยไม่รู้ตัว  ถ้าคุณเห็น คุณจะทำยังไง  ผมจะปรับเปลี่ยนเรื่องหน่อยดีกว่า เอาเป็นว่า คุณยายคนนั้นเป็นคุณย่าของเพื่อนสนิทของผมเอง และเธอจะต้องตายแน่ๆ ถ้าเธอขาดเงินก้อนนั้น  สมมติว่าซัก 100 ดอลล่าร์ก็แล้วกัน ว่าไปแล้วคุณยายเธอก็เป็นคนดีทีเดียว และผมก็คงคิดถึงเธอถ้าเธอเป็นอะไรไป  แต่ถ้าไม่มีใครรู้ว่า เป็นผมเองที่หยิบเงินที่เธอทำหล่นไป ผมก็ยังมีความสุขได้เหมือนปกติ

 

เอาละ มาถึงว่า คนที่เคยมีจิตใจแบบซาตานอย่างผมอยู่ดีๆ จะเกิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมาได้อย่างไร

 

มันเกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้วซึ่งผมจะไม่มีวันลืมเลย  วันหนึ่งแม่ซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง ชื่อ Personality Type เขียนโดย ดอน ริชาร์ด ริโซ  แม่ให้ผมอ่าน 2 บทในเล่มนั้น ที่ชื่อว่าผู้จงรักภักดี กับนักปฏิรูป แล้วให้ผมบอกว่าแม่เป็นแบบไหน  ผมอ่านแล้วก็บอกว่า แม่เป็นเหมือนผู้จงรักภักดี   จากนั้นผมก็อ่านต่อเพื่อจะดูว่าตัวเองจะตรงกับคนแบบไหนตามหนังสือนั้นหรือเปล่า  ผมอ่านบทที่เหลือ โดยเลือกอ่านบทของผู้นำก่อน แต่แค่อ่านหน้าแรก ก็รู้ว่าไม่ใช่ผมแล้ว  ผมจึงพลิกไปพลิกมาอีกครั้ง แล้วตัดสินใจอ่านบทที่เรียกว่าผู้แสวงหาสถานะ ทีนี้ผมอ่านรวดเดียวจนจบบทนั้นโดยไม่ได้ลุกไปไหนเลย  

แล้วผมก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่เมื่อมารู้ว่า เรื่องเลวร้ายทั้งหลายที่ผมก่อขึ้นมาเพื่อโอ้อวดตัวเองนั้น มันเป็นเพียงการดิ้นรนอย่างสุดชีวิตของคนประเภทหนึ่งที่อยู่ในขั้นจิตเสื่อมเท่านั้น  ผมอ่านบทนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ความรู้สึกที่มีต่อตัวเองก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ  ผมเริ่มตระหนักว่า ผมไม่ใช่คนดังหรือคนซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด แต่กลับเป็นคนที่น่าสมเพชมากที่สุดต่างหาก  ผมนั่งจ้องหนังสือเล่มนั้นเป็นชั่วโมง ผมไม่เคยเชื่อมาก่อนว่า ชีวิตผมที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการเสแสร้งที่คนอื่นก็มองออก มันหลอกใครไม่ได้ มันเป็นเพียงการแสดงละคอนที่ตบตาใครไม่ได้เลยจริงๆ   ผมเริ่มเกิดความรู้สึกเสียใจต่อผู้คนที่ถูกทำร้ายจากการกระทำที่บ้าคลั่งและปราศจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผม  ผมทำร้ายคนจำนวนมากเพียงเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่า  มันน่าหัวเราะ เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้

 

ผมวางหนังสือเล่มนั้นลง แล้วลุกขึ้นยืนเหมือนตัวเองไม่ใช่คนเดิม หลังจากนั้น ผมอ่านหนังสือเอ็นเนียแกรมอีกหลายเล่ม และหลังจากได้พยายามพัฒนาตัวเองหลาย ๆ วิธีแล้ว ผมบอกได้เลยว่าผมได้เปลี่ยนไปเป็นคนที่ ดีขึ้น  ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรและมีบางช่วงที่ผมกลับไปเป็นเหมือนเดิม  แต่ตอนนี้ผมพูดได้ว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเป็นคนดี ขอบคุณเอ็นเนียแกรม ผมรู้สึกดีมากเลยจริงๆ

 

ผมไม่รู้ว่ามีวิธีอื่นหรือไม่ที่จะทำให้ผมกลับตัวได้  ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะสามารถโน้มน้าวคนที่ไม่เคยมีความรู้สึกผิดเลย ให้เชื่อว่า ที่จริงแล้ว การมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั้นเป็นสิ่งที่เหนือชั้นกว่ามาก  คุณลองจินตนาการดูว่า โอเจ ซิมสันหรือบิล คลินตันจะรู้สึกอย่างไรถ้าเขามีความรู้สึกผิด  แต่สำหรับผมซึ่งเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ นั้น  ผมเห็นชัดเจนว่ามันเป็นหนทางเดียวที่เราจะอยู่ได้อย่างคนปกติ


แปลจากบทความ  It Can Just be on Your Conscience เขียนโดย Ted Crowter ตีพิมพ์ในวารสาร Enneagram Monthly  December  1998  โดยได้รับอนุญาต


ผมอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า อยากเผยแพร่ให้อ่านกันมากๆ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่รู้จักความรู้สึกผิด

 สำหรับท่านที่สนใจ มีเว็บไซต์ภาษาไทยชื่อ http://www.dekisugi.net/enneagram/

ซึ่งแปลงานของ ดอน ริชาร์ด ริโซ ผู้แต่งหนังสือเล่มดังกล่าว ไว้ในนั้น ลองแวะไปอ่านดูครับ

แต่ต้องขอเรียนว่า แบบทดสอบในนั้นไม่สามารถระบุไทป์หรือสไตล์เอ็นเนียแกรมของเราได้ตรงนัก แต่มีเนื้อหาของคนแต่ละสไตล์อย่างละเอียด   การศึกษาเรื่องนี้ต้องค่อยๆ ทบทวนตัวเองและอ่านเนื้อหาของคนแต่ละสไตล์ให้เข้าถึงแก่น พร้อมๆ กับพิจารณาตัวเรา
  
หมายเลขบันทึก: 95201เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2007 13:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 16:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เรื่องราวของชายผู้นี้ประกอบกับความรู้เอ็นเนียแกรมทำให้ผมเกิดคำถามหลายอย่างในใจ

เช่น  คนที่เกิดมาโดยไม่มีความรู้สึกผิดเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกของตนเอง มีความผิดไหม

ผมคิดว่า ไม่ และก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่หรือครอบครัวด้วย เพราะมันเหมือนเป็นลักษณะทางกายภาพ คือ มันไม่มี ก็ไม่มี  ใครจะสั่งสอน ว่ากล่าว ประนามอย่างไร  หากคนนั้นไม่ตระหนักรู้ถึงการขาดหายไปของความรู้สึกนี้  ก็ไม่มีทางที่จะมีความรู้สึกผิดนั้นได้

แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ใหญ่สังเกตเห็นลูกหลานของตนเข้าข่ายนี้ เช่น โกหกหน้าตาเฉย  ขโมยของแต่เมื่อถูกจับได้ก็ไม่รู้สึกอะไร  หรือสามารถทำอะไรที่ไม่ดีได้อย่างที่นึกไม่ถึง โดยไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย

ผมคิดว่า เราต้องระวัง และหาทางให้เขารู้ตัว และเพียรหาวิธีให้เขาเรียกความรู้สึกผิดนี้กลับมา

ผมเข้าใจโดยใช้เอ็นเนียแกรมว่า คนที่ไม่มีความรู้สึกผิด ก็จะไม่ค่อยมีความรู้สึกอื่นๆ ด้วย เช่น เศร้า ผิดหวัง เซ็ง เหงา รักหรือชอบใคร ฯลฯ   การปลุกเรียกความรู้สึกเหล่านี้กลับมา อาจเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญ

อย่างไรก็ตาม อย่าเข้าใจผิดว่า คนสไตล์สามจะเป็นเช่นนี้ทุกคน  คนสไตล์อื่นก็อาจไม่มีความรู้สึกผิดได้เช่นกัน แต่มีที่มาที่ไปแตกต่างกัน  หนังสือของริโซ อธิบายคนแต่ลักษณ์ในพัฒนาการในระดับที่แตกต่างกันได้อย่างละเอียด

สวัดดีครับ โบ๊ท ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท