ทุกวันหยุดผู้บันทึกจะขับรถกลับของแก่นเพื่อมาหาครอบครัวและพักผ่อนแล้วก็ขับรถกลับไปทำงานในวันทำงาน เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ว่าจะอยู่ที่นครสวรรค์หรือแม้แต่กรุงเทพฯ หากจะนับจำนวนกิโลเมตรแล้วคงวิ่งเหนือจรดใต้แล้วขึ้นเหนือหลายรอบแล้ว เวลาขับรถก็พยายามตั้งสติเพราะอันตราย แต่ก็ไม่วายดูข้างทาง เพื่อบริหารสายตาบ้าง
บนเส้นทางมุกดาหาร-ขอนแก่น ผมสังเกตมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นสองข้างทาง นั่นก็คือสิ่งก่อสร้างที่พักแบบบ้านเล็กๆเกิดขึ้นใหม่ทุกปี ปีละ 3-4 แห่ง บ้านเล็กๆนี้ก็คือ รีสอร์ท เขามักขึ้นป้ายไว้เช่นนั้น แต่เราเข้าใจได้ว่านั่นคือ โมเต็ล ที่สามารถไปพักแบบชั่วคราวและค้างคืนได้ รีสอร์ทเหล่านี้มักจะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่สายหลัก และห่างออกมาจากชุมชนสัก 500 เมตรขึ้นไป
วันนี้ผมสังเกตเพิ่มเติม พบว่าสิ่งที่ควบคู่กับรีสอร์ทคือ ร้านคาราโอเกะ และมีมากกว่าด้วย บางจุดไม่น่าเชื่อเลยว่ามีถึง 8 แห่ง แล้วก็มีรีสอร์ทหนึ่งแห่ง ทั้งๆที่ไม่ใช่ชุมชนใหญ่ แค่เป็นทางผ่านเท่านั้นเอง ตลอดเส้นทางที่ผมใช้จะมีสิ่งก่อสร้างสองสิ่งนี้คู่กันตลอดจริงๆ
นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นสิ่งต่อไปนี้
ผู้บันทึกคิดเอาเองว่า
นี่คือตัวชี้วัดอะไรบ้างหรือเปล่าสำหรับสังคมเราทุกวันนี้
นี่คือการเติบโตที่พึงประสงค์หรือ
นี่คือเศรษฐกิจพอเพียงหรือ
นี่คือความเป็นอิสรเสรีของสังคมไทยใช่ไหม ใครจะทำอะไรก็ได้
นี่คืออิสรเสรีควรได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือ ในกรณีไปกู้เงินแบงก์มา
นี่คือส่วนหนึ่งของการเติบโตของ GDP หรือเปล่า
และนี่คือความจริงของสองข้างถนนในชนบทวันนี้
สวัสดีค่ะ
เดี๋ยวนี้ โลกเปลี่ยนไปค่ะ บางทีเราตามไม่ค่อยทัน
ลองดูที่นี่ค่ะ
หนิงก็เห็นค่ะพี่บู๊ท ทุ่งนาที่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก ทุกๆเส้นทางที่ออกจากเมืองทุกด้านเลยค่ะ จะมีที่พักชั่วคราวขึ้นหมดเลยค่ะ
เคยคุยกันเล่นๆกับอาจารย์ท่านนึง ตอนนั่งรถไปราชการด้วยกัน อาจารย์(ผู้ชาย)ท่านบอกว่า " ก็สังเกตดูสิตอนนี้ ป่าละเมาะที่เคยใช้เป็นที่พรอดรักกันของหนุ่มสาวแบบสมัยก่อน หายไปหมดแล้ว เลยกลายเป็นบังกะโลซะหมดไง "
สวัสดีครับ sasinanda
เดี๋ยวจะตามไปดูครับ
สวัสดีครับ ป๋าขจิต เอ้ย..น้องขจิต อิ อิ
จริง จริง โตแบบควบคุมไม่ได้นี่อันตรายจริงๆ
พี่เข็นครกขึ้นไป 1 เมตร มันไหลลงมา 10 เมตร ฮ้า ฮ้า..เอากะมันซิ
สวัสดีน้องDSS "work with disability" ( หนิง )
อื่อ..ใช่อย่างที่น้องหนิงว่า เห็นเพื่อนๆแซวกันเล่นว่า เมืองที่มีความสุขมากที่สุดในประเทศไทยคือ มหาสารคาม เพราะมีรีสอร์ทมากที่สุด
ว่างๆพี่จะไปนับดูว่ามีเท่าไหร่
หรือใครทำวิจัยเรื่องนี้ที..ท่านอาจารย์ทั้งหลายสนใจไหมล่ะครับ
ทั้งในแง่ เศรษฐกิจ
แง่ศีลธรรม จริยธรรม
แง่การลงทุน การสนับสนุนการลงทุน
แง่การควบคุม ฯลฯ
น่าทำทั้งนั้นแล้วส่งให้หน่วยงานศึกษาความเหมาะสมหน่อย
น่าตกใจมากครับ.... ผมรู้ว่าสักวันเรื่องอย่างนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่ารวดเร็วอย่างนี้ครับ ผมยังนึกว่าสิ่งเหล่านี้จะมีอยู่แค่ในตัวเมืองขนาด กลาง-ใหญ่เท่านั้นซะอีก
ผมคิดว่าสื่อที่มีอิทธิพลกับผุ้คนมากที่สุดน่าจะเป็นสื่อ TV ที่เป็นทั้งตัวกระตุ้นความฟุ้งเฟ้อ ปลูกฝังค่านิยมที่ไม่ดีได้ หรือ ปลูกฝังความพอเพียง ค่านิยมที่ดีๆได้ด้วย ครับ
มีข้อสังเกตอีกนะคะ
พอดีผมรีบเขียนบันทึกนี้ไปหน่อย ยังมีที่น่าตกใจมากกว่านี้ เพราะนี่คือตามถนนสายใหญ่ สายหลัก
แต่ในป่า เขาอย่างดงหลวงที่ผมทำงานอยู่ก็มีร้าน คาราโอเกะครับ มันบุกทะลุทะลวงน่าดูเลย
ที่น่าสนใจประเด็นคือ ทำไมเมื่อคนเราอยากจะประกอบธุรกิจ จึงคิดถึงธุรกิจนี้ และหากจะทำธุรกิจนี้ แสดงว่าเขาไม่คำนึงถึงผลอะไรที่มันจะเกิดเลยหรือ เอาแต่ว่า "น่าที่จะทำเงินได้ ก็พอแล้ว" หลักควบคุมทางจิตใจสาธารณะ มันหายไปไหนหมด
หากเอ่ยปาก ถามก็คงได้คำตอบว่า นี่เป็นอาชีพอิสระ เขามีสิทธิที่จะทำ ส่วนใครมาใช้บริการแล้วเสียหายก็เป็นเรื่องคนนั้นเอง ไม่ใช่เจ้าของร้าน....อะไรทำนองนี้
น่ากลัวครับระบบธุรกิจเสรีประชาธิปไตยนี่น่ากลัวมาก มันบุกเข้าไปในป่า ที่ชาวบ้านยังไม่ทันตั้งตัวเลย เด็กวัยรุ่นจะไปไหนเล่า เข้าก็ต้องมีเงิน จะเอาเงินมาจากไหน กินเหล้าเข้าปาก ทุกอย่างก็ตามมา และล้วนเป็นสิ่งไม่ดีไม่งามทั้งสิ้น
นี่แหละที่ผมแอบใช้คำว่า "สำลักระบอบเสรีประชาธิปไตย" แล้วคนกลุ่มนี้ก็รู้ว่าหากจะอยู่รอดธุรกิจนี้ได้ ควรจะทำอย่างไร "ก็คบกับนายอำนาจไงครับ" รับรองอยู่รอดปลอดภัย ใครก็ไม่กล้ามาทำอะไร
ลองหลับตาคิดว่าเด็กชนบทที่ไม่มีหลักยึด อะไรจะตามมาในอนาคต เราคิดมาไปไหมครับเนี่ยะ
อื่อ น่าสนใจน้องหนิง
ใช่ส่วนใหญ่คงใช้ทุนไม่มาก และไม่ต้องการบริการหรูหราเหมือนสังคมเมือง
อาจจะมีน้อยแห่ง เช่นที่ บัวขาว หรูพอสมควรดีเดียว มีกำแพงกั้น ได้ข่าวว่าเจ้าของเป็นคนขอนแก่นไปลงทุนที่นั่น
ที่ขอนแก่นเองมี่เคยมีส่วนรับรู้ ผู้ดีมีเงินคนหนึ่ง รวยแต่ไม่เอาเงินกระเป๋าตัวเองลงทุน ไปกู้เงินแบงก์มาทำโมเต็ล แบลก์มาประเมินแล้วอนุมัติในราคา 10 ล้าน เขาบอกว่า ธุรกิจนี้คืนทุนเร็ว ไม่ห่างจากบ้านพี่เท่าใดนัก แสดงว่ามีคนไปใช้บริการมากจริงๆ
ข้อมูลน้องหนิงน่าสนใจครับ
เห็นด้วยครับ น่าเป็นห่วงจริงๆ
แต่ผมมองว่า ธุระกิจมันเกิดจากความต้องการของคน ถ้าความต้องการเกิดมากพอ ก็ทำธุระกิจมาสนองครับ
ผมจึงเห็นว่าน่าจะแก้ที่ต้นเหตุคือความต้องการ ที่เกินความพอดี เกินงาม ต้องเร่งปลูกฝังค่านิยมที่ถูก ที่ควร ให้กับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเด็กๆ พวกโตๆแล้วอย่าไปหวังครับอาจสายไปแล้ว
เด็กๆ ให้เวลากับ TV เหมือนครูคนที่ 4 รองจาก พ่อ แม่ และ ครูที่โรงเรียน ซึมซับค่านิยมต่างๆเข้ามา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วเค้าก็จะโตขึ้นพร้อมกับค่านิยมที่ไม่ดีจนเป็นเรื่องปกติ สำหรับ คาราโอเกะ ในกรุงเทพ ทำเป็นตู้ๆ ขนาด 2 x 2เมตร ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าเต็มไปหมด เด็กเลิกเรียนเดี๋ยวนี้ก็มาเดินเล่นห้าง ไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆได้ มีให้ร้องได้ทั้งวันเลยครับ
เริ่มปลูกฝังค่านิยมวันนี้ เห็นผลอย่างน้อยอีกสิบปี แต่ถ้าไม่เริ่มเลยสังคมก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ
น้องหนิง
พี่ไม่ได้ Post บางรูปมีป้ายเขียนว่าห้าทเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้า ดูรับผิดชอบดี แต่เราก็ไม่เคยไปนั่งสังเกตนะว่าจริงหรือเปล่าที่เด็กบ้านนอกอายุต่ำกว่า 20 ไม่เข้า คนแก่อายุ 50 ที่ไหนจะไปแหกปากร้องเพลง คาราโอเกะ แบบนั้น ก็มีแต่วัยรุ่นทั้งน้นแหละ
หรือมีจริงๆก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยเข้าไปสักกะครั้งหนึ่ง
คุณ join_to_know ครับ
ผมเห็นด้วยครับว่าเราต้องแก้ไขหลายด้าน รวมทั้งผู้ไปใช้บริการนี้ด้วย ถามว่าระบบสังคม ชุมชนของเราปัจจุบันมีภูมิคุ้มกันด้านนี้หรือไม่ ผมมองดูแล้ว นอกจากพ่อแม่จะพูดจา ให้คิดให้เป็นคนดีนั้นหายากแล้วนะ หนึ่ง ลูกไม่ค่อยเชื่อพ่อแม่ สอง เขาไปสนิทกับเพื่อน และพากันไป
ที่ร้านเขาก็วางกับดักไว้แล้วหลายๆอย่าง เช่นเอาผู้หญิงใจถึงมาบริการ บริการลดแลกแจกแถม และคนไทยกินไม่เมาไม่เลิก แต่ละคนอวดเป้นนัดดื่มคอทองแดงกันทั้งน้านนน
คนกรุงมีการพัฒนาคาราโอเกะไปมากแล้ว เป็นตู้อย่างกล่าว ความจริงการร้องเพลงเป็นสิ่งที่ดี ควรทำ และคือร้องเอง เป็นกิจกรรมที่นักจิตวิทยาชอบใช้เหมือนกัน แต่ที่ไม่ดีเพราะมันแฝงอะไรอยู่หลังไมค์
สวัสดีครับคุณ เมตตา
ลองเอามาเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ
น้องราณีครับ
พี่ว่าเป็นเพราะมีคนไปใช้บริการมาก จึงเพิ่มจำนวนขึ้น ใครๆก็อยากลงทุน มองในแง่ธุรกิจนะ คนจำนวนมากเหมือนกันที่ชอบดื่มและเที่ยว สิ่งเหล่านี้ตอบสนองคนประเภทนั้น
ส่วนมากคนดื่มจะมีพรรพคพวก เอาไว้คุยกันสนุกๆครับ
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
นอกจากที่กัลยาณมิตรทุกท่านกล่าวมาแล้ว..เบิร์ดนึกถึงการผิด.. " ศีลข้อ 3 " ขึ้นมาในหัวเลยล่ะค่ะ..แล้วก็นึกต่อว่า " สังคมไทย..ง่ายกันขนาดนี้แล้วหรือ "
ยังส่ง file ไม่ได้เลยค่ะ..กำลังคิดว่าจะซอยย่อยให้เป็น frame ๆ ดีมั้ยเนี่ย..ช่างชวนมะโหซะจริงๆ ^ ^
สวัสดีค่ะคุณ บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
สงสัยว่าการลงทุนร้านคาราโอเกะกับรีสอร์ทที่ว่านี้คงลงทุนได้ง่าย รีสอร์ทก็คงไม่ใช่ใหญ่โตมาก อาจเป็นบังกะโลว์หลังเล็กๆ ดูแลโดยครอบครัว ส่วนคาราโอเกะก็คงลงทุนไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นเพิงชั่วคราว เรื่องลิขสิทธิ์เพลงคงไม่ต้องพูดถึง
การควบคุม ถ้ามี ก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ร้านค้าพวกนี้ไม่น่าจะจดทะเบียน
ที่สำคัญก็คือ ถ้ามีร้านแบบนี้เป็นจำนวนมาก แสดงว่าต้องมี demand ไม่งั้นคงเปิดนั่งตบยุงไม่ได้ การที่มีร้านพวกนี้มากๆ ก็เป็นตัวบ่งชี้สภาวะสังคมและจิตใจคนเสื่อมโทรมเช่นกัน เพราะสิ่งที่ประกอบกับร้านเหล่านี้ นอกจากเหล้าแล้วก็คงอาจเป็นสาวๆ.. แล้วก็บ่งชี้ถึงสภาวะอ่อนแอของครอบครัวด้วย เพราะแทนที่จะใช้เวลาอยู่ที่บ้านหลังเลิกงาน มีคนบางส่วนออกมาอยู่ตามร้านพวกนี้ ใช้เงินที่หามาทั้งวันหมดไป...
พูดถึงว่าทำไมสี่แยกเดียวกันถึงมีจำนวนร้านมาก.. ดิฉันว่าเป็นเรื่องแปลกในวิธีคิดค่ะ ก็เคยเห็นเหมือนกันที่ตามข้างทางหลวงจะมีขายของพื้นเมือง แต่ปรากฎว่า ทุกร้านในระยะ 1-2 กม.ที่ขับผ่านไป จะขายของเหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่าง หรือแม้แต่ที่ตลาดข้างทางที่ขายของฝาก ก็จะเป็นของเหมือนกันหมด... ไม่เข้าใจ ทำไมมาแย่งกันขาย product ตัวเดียวกันในที่เดียวกัน ไม่มีความแตกต่างของสินค้าเลย...คงเป็นแนวคิดทางการตลาดทั่วไปว่าถ้าอยากซื้อ.....ต้องไปที่..... เพราะไปรวมอยู่ตรงนั้นหมด... ประมาณนั้นมังคะ..
เขียนแล้วบานปลายค่ะ ; ) แค่นี้ก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับประเด็นดีๆ แบบนี้ กระตุ้นความคิดดีค่ะ...
อ่านแล้วทำให้หวนคิดเรื่องนากุ้งครับ
เติบโตทางเศรษฐกิจ (เฉพาะกลุ่ม)
หดตัวทางสังคม (เกือบทุกกลุ่ม)
..
ฝ่ายบ้านเมืองที่มีจิตใจ อันงดงาม ควรจะเข้าไปตรวจสอบ และกดดัน ตั้งแต่ต้น ก่อนสร้างก่อนให้เปิด
เปิดร้าน เปิดโรงแรม มันดูง่ายจัง
ก็ยังมองอยู่ว่า สิ่งเหล่านี้สร้างสรรค์สังคม อย่างไร และบ่อนทำลายอย่างไร
ขอบคุณครับที่มาช่วยกันเตือนสติ ให้ได้เห็นสภาพจริงๆครับ
สวัสดีน้องเบิร์ด
นอกจากศีลข้อ 3 แล้วอีกหลายข้อตามมา
ศีลก็เป็นเรื่องที่พระท่านเทศน์ให้คนฟัง ฟังแล้วก็จบ บางทียังไม่ทันจบเลยไปยกแก้วเหล้าแล้ว
สังคมมันหลุดลุ่ยไปหมดแล้วนะพี่ว่า
เรื่อง file ใจเย็นๆ ทำเป็นcopy ใส่ลงใน CD ได้ไหม ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
สวัสดีน้อง ธรรมาวุธ
ป่าชายเลนเป็นประเด็นใหญ่สำหรับพี่น้องริมทะเล เพื่อนรุ่นน้องของพี่ชื่อบรรจง นะแส ทำการรณรงค์เรื่องนี้อยู่ที่สงขลาและอีกหลายจังหวัดแถบนั้น
ปัญหามากมายอีกเช่นกัน เป็นการต่อสู่แนวคิดและผลประโยชน์ของชาวบ้านกับนายทุนใหญ่ ยังไม่จบ
มันสะท้อนงานพัฒนาที่รัฐบาลเน้นแต่ GDP ภาพใหญ่ แต่ภาพที่มันฟ้องเหล่านี้คืออะไรเล่า หากไม่ใช่ผลพวงของการพัฒนาที่ไร้จริยธรรมสาธารณะ เอ้า..เดี๋ยวยาวไปไกล แค่นี้แล้วกันครับ
สวัสดีครับ ตาหยู
มองหาทางออกได้หลายทาง แต่จะทำหรือไม่เท่านั้น หรือสักแต่ว่าทำ พี่มีโอกาสคลุกคลีกับคนรุ่นใหม่ของขอนแก่นที่ก้าวมาคุมธุรกิจแทนรุ่นพ่อแม่ ล้วนเป็นคนหนุ่ม และทุกคนก้าวเข้าสู่การเมือง โดยใช้อำนาจเงินที่มีอยู่ เพื่อใช้อำนาจทางการเมืองกางปีกมาครอบธุรกิจของตนเอง ใครก็ตามอย่ามาแตะ
กลุ่มและพรรคพวกก็ผลัดกันขึ้นมาคุมการเมืองท้องถิ่น คุมงบประมาณมหาศาลที่ไหลมาจากการเสียภาษีของเราแล้วเขาเหล่านั้นก็แบ่งประโยชน์กัน รู้ทั้งรู้ ชาวบ้านก็เลือกเขา คนหนุ่มเหล่านั้นก็ใช้วิชาการที่แต่ละคนก็ไปเรียนมาสูงๆ และบวก MBA มาบริหารผลประโยชน์กัน
ธุรกิจคาราโอเกะและรีสอร์ทก็อยู่ในสายเครือข่ายที่เขาแบ่งให้พรรคพวกระดับล่างลงไปทำ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลบางส่วนที่รับรู้มาจากวงใน ที่ไม่รู้ก็มีมาก
จะเอาเหตุผลไปกล่าวกันก็เพียงหลักการแต่ทางปฏิบัติก็ยังไหลรื่นกันไป อนาถใจแท้
สวัสดีครับอาจารย์ กมลวัลย์
ผมข้ามของอาจารย์ไปได้ไงเนี่ยะ
เป็นความจริงครับที่อาจารย์กล่าว ผมจึงเสนอให้สถาบันการศึกษาลองให้นักศึกษาปริญญาโทมาศึกษาข้อมูลนี้ดูทีปะไร เอาตัวเลข และรายละเอียดออกมาดูว่ามีอะไรเป็นอย่างไรนะครับ
ลองคิดดูว่า คาราโอเกะ มันเข้ามาถึงประตูบ้านนอกคอกนาทั่วไปหมดอย่างนี้ ค่ำลงมาเด็กวัยรุ่นจะไปไหน เขาก็ไปสุมหัวกันในเรื่องเหล่านี้ และในทางตรงกันข้าม เวลาที่คนกลุ่มนี้ใช้ไปกับคาราโอเกะและไปจบลงที่รีสอร์ทนั้น น่าที่จะเป็นเวลาที่มาถกเถียงกันถึงชีวิตปัจจุบันและอนาคตว่าจะทำอย่างไรจึงจะสร้างเนื้อสร้างตัวให้อยู่รอดปลอดภัยจากปัญหาอุปสรรคต่างๆได้ เปล่าเลย เวลากลับไปคุยแต่เรื่องสนุกสนามและไม่เกิดปัญญาแต่อย่างใด แถมเสียเงินทอง เสียสุขภาพ โดยเฉพาะเสียนิสัย
นี่คือระบบเสรีของเรา ใคร่ทำอะไรทำ แล้วเป็นอย่างนี้ อย่างว่าแหละอาจารย์ครับ เข็นครกขึ้นไป 3 เมตร มันถอยลงบมาอีก 10 เมตร แต่เราก็ยังต้องเข็นมันขึ้นไปอยู่ดี จะปล่อยไปได้ไงล่ะ..
ขอบคุณครับ
สวัสดี น้อง Kawao
ทราบว่ายุ่งๆอยู่ และไม่ค่อยอยู่เลย
เห็นไหมล่ะ น้องกาเหว่าก็เห็นหลักฐาน มันมีทั่วไปหมดแล้ว คาราโอเกะบุก!!!!!รีสอร์ทบุก !!!!! ว่างๆมีเวลาจะลองไปสำรวจแบบเจาะลึกดูสักหน่อย
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับน้องเม้ง
มองผ่านเลนส์แล้ว น่าสะดุ้งมากนะคะ ..
รีสอร์ท เข้ามาทดแทนคำว่า บังกาโลและม่านรูด??
เป็นประเด็นที่น่าสนใจและชวนคิดมากเลยครับ ผมเอ็มเอสเอ็นคุยกับพี่คนหนึ่งทางจังหวัดภาคอีสาน พี่บอกว่าที่พักแบบชั่วคราวผุดขึ้นเต็มเมืองไปหมด ทั้งๆที่เป็นเมืองการศึกษา
ผมว่านี่อาจเป็นปัญหาใหม่ๆในอนาคตครับ
ขอนอกประเด็นนิดหนึ่งครับ ขอฝากเพลงให้พี่บางทรายฟัง ๑ เพลงครับ
http://www.freewebs.com/tongcup/u_r_my_sunshine.wma
(เพราะผมชอบเพลงนี้มากครับ)
สวัสดีน้องเม้งครับ
สวัสดีจ่ะน้องจันทรรัตน์ เจริญสันติ
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรผ่านไป ผ่านมา
แต่มาเอ๊ะใจว่า โน้นก็ขึ้นรีสอร์ท นี่ก็ขึ้นรีสอร์ท เปลี่ยนไปขับรถเส้นทางโน้นก็มีรีสอร์ท ไปเส้นนู้น ก็มีรีสอร์ท
กิจการนี้ทำไมมันรุ่งเรือนขนาดนั้นเชียวหรือนี่ ต๊กกะใจ
แล้วที่ตั้งของรีสอร์ทก็น่าสนใจ ทั้งแบบอยู่ติดหมู่บ้าน กลางหมู่บ้าน หน้าโรงเรียน ติดวัด และกลางป่าเขาห่างชุมชน ทุกรูปแบบมีหมด
สังคมเอ๋ย นี่หรือความเจริญ !!???
สวัสดีน้องเอก
แหมวันก่อนได้ข่าวไปขอนแก่น เสียดายไม่ได้พบกันนะครับ พี่ก็อยู่ที่ขอนแก่นนั่นแหละ
มันตกใจสิน้องเอก ไอ้ที่กล่าวมานี่มันนิดเดียวนะ เพื่อนบอกที่น่าตกใจมากที่สุดคือ มหาสารคามของน้องหนิงนี่แหละ เมืองสถาบันการศึกษาตักศิลา รีสอร์ทมากกว่าวัด มากกว่าโรงเรียน ทุกทิศทุกถนนรอบเมือง จนมีคนแอบกล่าวถึงในสิ่งไม่ดีไม่งามเกี่ยวกับนักศึกษามากจริงๆ อย่ากล่าวมากไปกว่านี้เลยนะ
พี่ละบ่นคนเดียวถึงเรื่องเสรีประชาธิปไตยนี่จริงๆ
พี่ได้เพลงแล้วครับ แหมตรงสเปคพี่เลย ชอบมากครับขอบคุณครับ
เอ่อ...อย่างที่บอกแหละค่ะ
เห็นเหมือนกับอาจารย์ค่ะ ธุรกิจแฝงทั้งนั้นค่ะ ไม่ใช่เรื่องความเติบโตของ GDP อะไรเลยค่ะ ความเสื่อมทั้งนั้น ความเห็นแก่ได้ของผู้ใหญ่ (ทั้งคนลงทุนและคนใช้บริการ) เมื่อมี Demand (ผู้ใหญ่)มันก็ตามมาด้วย Supply(เด็กๆ) สถานที่แบบนี้ เด็กวัยรุ่นไม่เที่ยวหรอกค่ะ มีแต่ผู้ใหญ่และเที่ยว ถ้าเด็กๆเขาเที่ยวส่วนมากจะเดินห้างในเมืองค่ะ แต่เพิงหรือพวกรีสอร์ท(อย่างว่า)เป็นที่ทำงานเขาค่ะ
สวัสดีครับน้องหนิง
ธุรกิจไม่สนใจอะไร เอาแต่ประโยชน์
แต่ธุรกิจนี้ไปเปิดช่อง ไปเพิ่มโอกาส ไปกระตุ้น ไปสร้างความง่ายดาย ในการเข้าไปใช้บริการ ทำไมรัฐไม่สร้างกรอบมาควบคุมสิ่งเหล่านี้ แล้วไปสนับสนุนสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพิ่มโอกาส ไปกระตุ้น ไปสร้างความง่ายในการเสริมปัญญาให้กับคน กับผู้ใหญ่ เยาวชนของเรา เน๊าะ..
พี่ตั้งคำถามกับรัฐที่ต้องรับผิดชอบสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เสรีจนเกินพอดี ที่เรียกว่า อาการสำลักเสรีประชาธิปไตย แล้วผลกระทบตามมามากมายแล้วเราก็ไปตามแก้ปัญหากัน ทำไมไม่แก้เสียตรงนี้ด้วย เน๊าะ
ขอบคุณครับ
เมื่อ พ. 09 พฤษภาคม 2550 @ 20:32 [254981]
มองผ่านเลนส์แล้ว น่าสะดุ้งมากนะคะ ..
รีสอร์ท เข้ามาทดแทนคำว่า บังกาโลและม่านรูด??