แฟนละครเรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่เพิ่งลาจอไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคงจะคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า หนักนะ...เอาไหม กันอยู่ แต่วันนี้มะขามอ่อนได้เจอกับประโยคที่ว่า เหนื่อยนะเอาไหม แทน คงงงกันใช่ไหมค่ะว่ามะขามอ่อนไปเจออะไรมา มะขามอ่อนได้เริ่มต้นการเป็นแม่พิมพ์ของชาติในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง วันแรกรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ความรู้สึกที่เด็กเรียก "ครูมิม" เมื่อครั้งไปฝึกสอนยังก้องอยู่ในหูแม้มันจะเป็นเพียงระยะเวลาแค่ 3 เดือน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ กับเด็กนักเรียนที่เราได้สอน แต่การฝึกงานที่โรงเรียนเอกชนเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัส เนื่องจากไม่ได้แค่สอนอย่างเดียวครูต้องทำทุกอย่าง ในการไปฝึกงานครั้งนั้น นอกจากมะขามอ่อนจะไปฝึกสอนแล้วยังได้ฝึกการเป็นแม่ค้าด้วย ฝึกการทำอาหาร ฝึกการทำงานธุรการ ฝึกฝนฝีปากให้แก่กล้าด้วย ซึ่งอันหลังนี้ไม่ค่อยไปฝึกแต่มันกลับเก่งกว่าอย่างอื่น ฮิๆๆ ซึ่งทำให้สัมผัสว่าครูเอกชนนั้นอึดมากๆๆ ต้องขอชื่นชม เมื่อจบการฝึกสอนก็โล่งมากๆ และคิดว่าไม่เอาอีกแล้วการเป็นครูเอกชน แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผอ. ได้โทรมาไถ่ถามว่าตัดสินใจหรือยังที่จะไปร่วมงานกัน แปลกจริงๆ ที่มะขามอ่อนตอบตกลง ผอ. โดยไม่คิดเลยว่า ไปค่ะ วันแรกที่ไปทำงาน ก็เตรียมจัดห้อง จัดหนังสือให้นักเรียน การจัดห้องเป็นงานหนักเนื่องจากเราไม่ค่อยมีฝีมือเรื่องตกแต่ง งานประดิษฐ์เท่าไหร่ แต่ที่ทำให้วิตกกังวลมากที่สุด คือ เมื่อตารางสอนออกมาปรากฎว่ามะขามอ่อนได้สอนวิชาคณิตศาสตร์ ป.4-6 และ วิทยาศาสตร์ ป.5-6 รวมทั้งหมด 27 คาบต่อสัปดาห์จากทั่งหมด 30 คาบ ส่วน 3 คาบที่เหลือก็เป็นคาบลูกเสือ ซึ่งหมายถึงมะขามอ่อนจะไม่มีคาบว่างเลยภายในหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนั้นยังมีตารางสอนพิเศษตอนเย็นอีกเนื่องจากวิชาที่สอนเป็นวิชาหลักทำให้ตารางสอนพิเศษค่อนข้างเยอะ โอโฮ แค่เห็นก็เหนื่อยแล้ว มีครูคนหนึ่ง ถามมะขามอ่อนว่า เหนื่อยนะจะเอาไหม รู้ไหมค่ะว่ามะขามอ่อนคิดอย่างไรกับคำถามนี้ มันทำให้มะขามอ่อนมีแรงฮึดสู้ขึ้นมาก แปลกนะค่ะ แค่คำๆเดียวทำให้มีพลังได้มากมายอย่างนี้ แม้จะหนักเหนื่อยแค่ไหน มะขามอ่อนคิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะทำได้ แค่ให้เราตั้งใจกับมันอย่างจริงจังไม่ว่าจะหนักเหนื่อยแค่ไหนมันก็ทำให้เรามีความสุขกับมันได้ จริงไหมค่ะ แล้วจะนำเรื่องการเป็นครูเอกชนมาเล่าให้ฟังอีกนะคะในบันทึกต่อไป
สวัสดีค่ะน้อง มะขามอ่อน
จำไว้นะคะ....ลำบากก่อน...แล้วสบายทีหลัง
สวัสดีค่ะ ครูอ้อย
อ่านบันทึกของคุณมะขามอ่อนแล้วก็รู้สึกตกใจกับจำนวนคาบที่สอนและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบนะคะ ในฐานะที่แม่ใหญ่เป็นผู้บริหารโรงเรียนเอกชนเหมือนกัน ต้องขอแก้ข่าวนะคะ ว่าไม่ใช่ทุกโรงเรียนเป็นอย่างนี้ ที่โรงเรียนแม่ใหญ่ ครูคนหนึ่งสอนจริงๆไม่เกิน 16 คาบ ต่อ สัปดาห์ แต่เป็น co teacher กับครูฝรั่งโดยไม่ต้องสอนบ้าง เพราะอยากให้ใกล้ชิดกับเด็ก และเป็นเทรนเนอร์ให้ครูฝรั่งไปด้วย เราจะจัดเวลาสอนให้น้อยเพื่อให้ครูได้ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วย ที่นี่ครูบางคนมาขอชั่วโมงสอนเพิ่มด้วยซ้ำ เรายังขอเขาว่าอย่าสอนมากเลย เดี๋ยวไม่มีเวลาเตรียมการสอนเต็มที่
แต่อย่างไรก็ตามก็ขอให้คุณมะขามอ่อนทุ่มเทให้กับเด็กให้เต็มที่นะคะ เพราะผลที่ได้รับกลับมาคือความชื่นใจของเราเองที่เห็นความเจริญงอกงาม ของลูกศิษย์ไม่ว่าในด้านวิชากรหรือในทักษะการดำเนินชีวิต โชคดีค่ะ คุณครูคนใหม่ อย่าท้อเสียก่อนนะคะ
สวัสดีครับ คุณ
ทุกอย่างอยู่ที่ใจสู้นะครับ...ต้องดูว่าเราไหวหรือไม่...ไม่ควรทำตามแรงยุ...ควรเป็นตัวของตนเอง...ฮา ๆ เอิก ๆ
สอนมากจริง ๆ พึ่งเคยเห็นนี้...
ป. ตรีผมเคยสอน 16 คาบ ต่อสัปดาห์ถือว่ามากแล้วนะ...โดยมีเงื่อนไขลดหน้าที่อย่างอื่นลง...
สวัสดีค่ะ แม่ใหญ่
มะขามอ่อนเข้าใจนะคะแม่ใหญ่ว่าไม่ใช่ทุกโรงเรียนจะเป็นเช่นนี้ แต่มะขามอ่อนก็ไม่ได้ว่าโรงเรียนที่มะขามอ่อนทำงานอยู่ไม่ดีนะคะและไม่ได้คิดน้อยใจหรือท้อแท้เลยค่ะ แต่อย่างหนึ่งที่มะขามอ่อนคิดอยู่เสมอคือ โอกาสที่ ท่าน ผอ. มอบให้ต่างหากค่ะ เพราะฉะนั้นมะขามอ่อนจะทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม
ขอบคุณแม่ใหญ่มากนะคะที่เป็นกำลังใจและข้อคิดดีๆ ค่ะ
ขอบคุณ อ.ยูมิ ที่ให้กำลังใจมะขามอ่อนเสมอมา
ขอบคุณมากๆค่ะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงานค่ะ
อ.ขจิต
ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ แค่ได้มีเพื่อนพี่ๆชาวโกทูโนให้กำลังใจก็หายเหนื่อยแล้วละคะ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่วิชุดา
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ มะขามอ่อนอ่านบันทึกของพี่แล้วรู้สึกภูมิใจด้วยค่ะ ลูกศิษย์ได้ดีคือความภูมิใจสูงสุดของครู เห็นด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
มาให้กำลังใจด้วยค่ะ
ก็เพิ่งเรียนจบเหมือนกัน
แล้วก็ได้งาน รร เอกชน ที่ค่อนข้างมีชื่อ
คาบสอบแค่ 17 คาบ ต่อ สัปดาห์
แต่นักเรียนนี่สิ
สุดหินเลย
รร หญิ
ล้วนเสียด้วย
ก็เหนื่อย ท้อ ไปตามระเบียบล่ะค่ะ
ทึ่งกับครูมิมจริงๆๆเลยค่ะ