ลำเค็ญเข็ญใจ ห่างไกลเครื่องยึดเหนี่ยว


ลำเค็ญเข็ญใจ ห่างไกลเครื่องยึดเหนี่ยว

ธรรมดาผมพิจารณาตนเองว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดีพอสมควร แต่กระนั้น หมู่นี้พอจะเรียกได้ว่า มีอะไรๆมา ทดสอบสมรรถภาพการมอง ชม โลก อย่างต่อเนื่องทีเดียว

เดี๋ยวนี้คนเราจะสร้างคุณค่าของตนเองก็จะต้องให้คนอื่น vote และไม่ได้ต้องดูด้วยว่า vote เพราะอะไร เพราะเนื้อหนังมังสาของตนที่อยู่ภายนอก เพราะความหน้าด้านหน้าทนกว่าคนธรรมดา เพราะความดีภายใน เพรารคุณธรรมที่ปฏิบัติตนอย่างสม่ำเสมอ? บางทีคนที่ vote academy fantasia อาจจะไขปริศนาได้ว่า ใช้ parameters อะไรเป็น criteria candidate ในดวงใจ

วันก่อนนั่งใน Taxi ก็ได้ฟังวิทยุโต้ตอบระหว่างคนโทรเข้าสถานี กับ guru คนตอบปัญหาสารพัดประการในรายการ มีอยู่ท่านหนึ่งโทรเข้ามาบอกว่า เขาเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารอยู่ 8 ปีแล้ว ชักดาบมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไร หรือจะฟ้องร้องอะไร เขาก็เฉยๆ ตอนนี้ก็เปิดบัตรเครดิตอื่นๆใช้อยู่ เครดิตบัตรอื่นก็ดีพอประมาณ เขาอยากจะถาม guru ว่า ถ้าเขาต้องการจะทำสัญญาอะไรเพิ่มเติม ประวัติการโกงบัตรเครดิตของเขาจะมีผลลบต่อการทำสัญญาใหม่หรือไม่ และถ้ามี มีวิธีการอะไรจะเข้าไปลบประวัติส่วนนี้ออกไป

guru ก็ถามว่า "เอ... แล้วเขาไม่ฟ้องอะไรเลยหรือ?"

คนโทรก็ตอบว่า "ไม่เลยครับ ได้ไปถามเพื่อนที่เรียนกฏหมายอยู่ ก็บอกว่าอาจจะหมดอายุความไปแล้ว ถึงฟ้องมา เราก็ชนะความแน่ๆ"

ผมฟังแล้วก็เกิดความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆกับการโต้ตอบของทั้งสองฝ่าย เอ... เรายังอยู่ในโลกเดียวกันรึเปล่านี้ มีคนโทรมาสถานีวิทยุสาธารณะ บอกว่าได้โกงธนาคารมาได้นับเกือบสิบปี อยากจะลบประวัติที่ตนเองโกงไป และไม่กลัวฟ้อง เพราะถึงฟ้องก็คิดว่า ชนะความแน่ๆ!!!

ผมนั่งคิดฉงนฉงายไปจนเกือบเลยที่ที่จะไป แล้วก็ได้ฟังข่าวคนเสียชีวิตจากการพยายามไปจองวัตถุมงคล ความงงนั้นไม่ได้อาการดีขึ้นมาเลย มีคนฟังข่าวใกล้ๆ วิจารณ์ว่า "เนี่ย มันบุญไม่ถึง เลยตายไปเสียก่อน" อา.... อะไรกันนะหนา

ตอนนี้ผมเริ่มมีสมมติฐานในใจขึ้นมาหลายอย่าง อย่างที่ convince ว่าน่าจะใกล้เคียงมาก และอธิบายได้เยอะ (Occam Razor's Principle) ที่สุดก้คือ "นิยามของคำหลายๆคำ ในตัวอย่างที่เล่ามา เกิดการะพัมนา เปลี่ยนความหมายไปจากที่ผมเคยเข้าใจ" ได้แก่ คำ "โกง ชนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บุญ บารมี มงคล" ที่ผมไม่เข้าใจ เพราะเราไม่ได้ share ความหมายของศัพท์เหล่านี้นั้นเอง

แต่อีกสมมติฐานคือ "impact ของความหมายตรงกัน (คือ impact ต่อ "คุณค่า" ของศัพท์ต่างๆเหล่านี้) แต่ใช้กับ คนละ references กัน"

อันนี้ก้พอใช้ได้ ซับซ้อนกว่า แต่ลึกๆแล้ว ผม เกรงว่ามันจะเป็นเพราะเหตุฉะนี้เอง

คำว่า มงคล ตอนนี้ ออกจะมี synonym กับ มั่งคั่งร่ำรวย ทรัยพ์สินไหลมาเทมา และคำเหล่านี้ ซึ่งแต่เดิมจะมีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับกลุ่ม values ประเภท "ทำงานหนัก สัตย์ซื่อตรง คงความดี มีศีลธรรม" มันออกมาห่างขนาดบาง value ก็กลายเป็นตรงกันข้ามไปแล้ว เดี๋ยวนี้ถ้าเข้า show-biz แม้แต่เด็กอายุไม่กี่ขวบก็สามารถหาเงินได้เป็นล้านๆบาท genius ไม่ต้องเยอะ รับประกันงานเบามาก

งานจริงที่ต้องตื่นแต่เช้า ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ก็ไม่เท่าความพยายามตื่นเช้า เพื่อเดินทางไปจองวัตถุมงคล มงคลอันนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ มงคล 38 ประการ ด้วย แต่เน้นความร่ำรวย หรือสาเหตุสำคัญแห่งทุกข์ ตัวต้นกำเนิด กิเลส ตัณหา นั้นเองกลายเป็นสาเหตุของที่เคารพบูชา

ผมยังไม่สามารถ reconcile หลักการเศรษฐกิจพอเพียงกับการทุ่มเงิน ขวนขวายหา amulet หรือ symbol แห่งความร่ำรวยเพื่อเป็นสรณะ ขนาดมีคนยอมสละชีวิต (คงไม่ถึงกับยินดียอมสละหรอกครับ แต่ผมสงสัยคนที่เบียดๆกันในเหตุการณ์ มีกี่คนที่จะเชื่อมโยงผลแห่งวิบากกรรมอันนี้เป็นของตนเองบ้าง หรือยังเสียดายที่ยังไม่ได้เสร็จกิจแห่งความต้องการของตนอยู่ เลยไม่มีเวลาไตร่ตรอง

ผมบอกใครต่อใครว่า เราต้องอาศัยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง บางขณะผมเริ่มเห็นใจหลายๆคนที่ใช้ยาบางชนิด ทำกิจกรรม หลายๆอย่างเพื่อ หลบหลีก หรือสามารถปลีกตัวออกมาจากไกลแห่งความเป็นจริง เสียแล้ว จากการที่คุณค่าของ "so-called สังคม" มัน shift ไปอย่างรวดเร็ว

บนกระดานข่าว บางทีมีถึงขนาด post มาขอความเห็นว่า จะเป็นชู้กับคนอื่นดีไหม จะนอกใจกับภรรยาสามีดีไหม ยังกับว่าถ้ามีคน approve ให้ จะเป็นใครก็ได้ ตนเองจะได้ใช้เป้นข้ออ้าง เอาชนะ conscience หรือ มโนสำนึกของตนเองที่รู้ทั้งรู้ว่าผิดศีล ผิดประเพณี ผิดจริยธรรม แต่เผอิญมีเบื๊อกทีไหนไม่ทราบ หัวนอนปลายเท้าเป็นเช่นไรไม่รู้ ทะลึ่งมาเห็นด้วย ก็จะนำไปเป็นเหตผลในการปฏิบัติทันที

อย่าว่าแต่คนธรรมดาๆทั่วๆไปเลย บางทีคดีดังระดับโกล ระดับประเทศ การถุกผิดดันไปอภิปรายในแง่มุม ภาษา ของตัวบทกฏหมาย ที่ทิ้งช่องโหว่ไว้ หรืออ้างว่า ใครๆก็ทำกัน หรือ มีคนเคยทำมาก่อนไม่เห็นว่าอะไรเลย มี quote อยู่อันนึง เจอใน postbag ของ Bangkokpost หรือ The Nation ไม่แน่ใจ บอกว่า "ผู้นำที่ยิ่งใหญ่นั้น บางครั้งก็ต้องยอมกลืนน้ำลายตนเอง (ก็คือโกหก) เพื่อจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้บอกว่า quoted มาจากใคร แต่ถ้าแต่งเองล่ะก้ แล้วเอามา postต้องยอมรับว่ากลไกของเครื่องยึดเหนี่ยวนายคนนี้ เป็นที่ผมไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง

ผลลัพธ์ของพฤติกรรมในข่าวต่างๆในช่วงหลังนี้ ผมว่ามีนัยสำคัญ และผมคิดว่าเราไม่อาจจะปล่อย passive อยู่ไปวันๆ ล่องลอยไปตามกระแส แต่อย่างน้อยที่สุด ความคิด ความเห็น พฤติกรรมอันควร เป็นเช่นไร เราน่าจะช่วยๆกัน voice ออกมาดังๆ ให้ดังเท่าที่ดังได้ ดังเข้าไปในหูของเยาวชนเรายิ่งดี (แก่ๆแล้ว แก้วหูและสมองอาจจะชำรุดมาก เล่นเป็นแต่เทปม้วนเก่า)

หมายเลขบันทึก: 90653เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2007 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะ อ.หมอสกล (Phoenix)

อ่านแล้วอยากตะโกนดังๆ เหมือนกันค่ะ ว่าทำไมสังคมถึงเสื่อมขนาดนี้ (ไม่ได้ทำหรอกนะคะ ห้ามตัวเองอยู่ ยังเจริญสติอยู่ค่ะ) บางทีรู้สึกเลยว่าคุณค่าที่ควรจะเป็นคุณค่าหายไปไหนหมด ดูข่าวหรือฟังวิทยุบางครั้งแล้วรู้สึกเลยว่านี่เราอยู่ในสังคมแบบนี้หรือนี่ รู้สึกไม่ fit-in แต่อย่างใดเลย

ตอนนี้ใช้วิชาเอาตัวรอดส่วนตัวในการรับฟังหรือรับรู้เรื่องเหล่านี้ ไม่ให้มากระทบจิตใจของเรา หรือทำให้ตัวเองท้อ แต่จะเป็นคนหนึ่งแน่นอนที่ส่งเสียงบอกเด็กๆ ที่สอน และหวังว่าคงจะ reach inside their young minds ได้บ้างค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบันทึกดีๆ ค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ ... ขอบคุณครับ 

 

อาจารย์กมลวัลย์ครับ P

เมื่อก่อนผมอาจจะอยากกรีดร้อง (คนเดียว) อยู่บ้างเหมือนกัน นัยว่าระบายความคับข้องใจออกมา ภายหลังจึงทราบว่า hatred, anger, all negative thought มันสามารถเป็น sefl-feeder ได้ ยิ่งเสพย์ ยิ่งป้อนมันยิ่งเติบโต

มองอีกมุมหนึ่ง เรา "ได้เปรียบ" ที่ว่ามีการบ้านเยอะมากครับ ที่จะฝึกฝนความชำนาญ คงจะหายากถ้าเราปลีกวิเวกไปอยู่ทะเลทรายหรือใต้มหาสมุทร น่าจะจัดเป็นเรื่องน่ายินดีได้เหมือนกัน (มั้ง)

สวัสดีครับ หมอ kmsabai P

อย่าเก็บกดไว้ครับ มาช่วยกันตะโกนโหวกเหวกกันดีกว่า (ซ่าวันละนิด จิตแจ่มใสนะเอ้อ)

ใช่เลยค่ะ อ.หมอ ที่กล่าวไว้ว่า

  • "hatred, anger, all negative thought มันสามารถเป็น sefl-feeder" นั้นดิฉันเคยเจอกับตัวเองมาแล้วค่ะ บางทีร้อนเป็นไฟเลยค่ะ หันกลับไปมองแล้วชัดมาก
  • มีเรื่องเล่าว่าฤาษีองค์หนึ่งไปฝึก ปฏิบัติในป่า จนตัวเองมั่นใจแล้วว่าสำเร็จแน่แล้ว ห้ามใจในกิเลสต่างๆ ได้หมดแล้ว พอออกมาจากป่า พบเห็นหญิงงาม(มากๆ) คนหนึ่ง ก็เลยรู้ตัวว่ากิเลสยังไม่หมด นิทานจบลงที่ฤาษีองค์นั้นทำตัวเองตาบอด (จำไม่ได้ว่าทำอย่างไร) จะได้ไม่ต้องเห็นอีก     แต่ดิฉันว่าแบบนั้นก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี... ที่คุณหมอว่าไว้ดิฉันว่าใช่เลยค่ะ ที่เราได้เปรียบในการปฏิบัติ และการปฏิบัติของเรายังได้ประโยชน์กับคนอื่นด้วยค่ะ (คิดว่าอย่างนั้นนะคะ)

 


อ่านจบ.. ทอดถอนใจรำพึง
อยากไปเป็นเซียวเล่งนึ่ง ที่เก็บตัวในสุสานโบราณ
ไม่ต้องไปรู้เห็นความเป็นไปของสังคมโลกภายนอกอีก

ค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป
เพราะคนมีอิสระกันมากขึ้น
อิสระที่จะคิด จะทำ อยากจะทำอะไรก็คิดว่าทำได้ตามใจ
เพราะคิดว่า นั่นคือประชาธิปไตย
แม้แต่จะด่า จะว่าใครก็ได้  พอห้ามไป..ก็หาว่าไปจำกัดสิทธิ์ของเขา
อีกอย่างหนึ่ง.. สื่อ ..ก็มีอิทธิพล และก็เป็นช่องทางสำคัญ
ที่ทำให้คนรับรู้ รับเห็น.. ว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ยิ่งทำให้เกิดค่านิยม .. บาปบุญไม่มีจริง
ถ้าคนอื่นเขาทำกันได้..ก็แสดงว่ามันไม่ผิด

ยิ่งพูดก็ยิ่งยาวค่ะ... ยิ่งคิดก็ยิ่งทอดถอนใจ
สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ...
คนอื่นจะคิด จะทำอย่างไรก็ช่าง..
เรากระทำ ในสิ่งที่มันถูกต้องทำนองคลองธรรมก็แล้วกัน
คนอื่นจะมองเราเป็นตัวประหลาดก็ช่างเขา
อย่างน้อยตัวประหลาดอย่างเรา ก็คงไม่ได้มีแต่เราเพียงคนเดียวในโลกนี้หรอก

จริงไหม ^______^

 

สวัสดีค่ะคุณหมอ

       อ่านแล้วได้แต่อึ้ง  คนเราแก่งแย่งแต่วัตถุนิยม ซึ่งไม่รู้ว่าศรัทธาจริง ๆ หรือกระแสมันพาไป  หรือการทำความผิดได้ไม่ละอายต่อบาปเลย 

      คนเดี๋ยวนี้เห็นเงินเป็นพระเจ้า บันดาลได้ทุกอย่าง  แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเขาซื้อชีวิตไม่ได้ ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้  สงสัยเราต้องให้กระทรวงวัฒนธรรม ช่วยกันรณรงค์ หรือจะต้องแก้ไขที่สังคมแรกคือครอบครัวกันแน่  ปลงจังค่ะ

      ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาให้อ่านค่ะ

ตอนนี้เริ่มสับสนมากขึ้นพอสมควร จะมี หรือ ไม่มี พุทธพิธีในการ "ปลุกเสก"

จินตนาการว่า ถ้าเกิดขึ้นในประเทศตะวันตก เช่น ประเทศ A (สมมคินะครับ) ถ้าจะมีใคร worship god of money เราก็คงจะถากถาง ประโคมข่าวกันน่าดู คนในประเทศนั้นส่วนหนึงก็คงจะพยายามตีตัวออกหาก เผลอๆถ้าเป็นประเทศอย่างอังกฤษ (ที่พยายามเน้น "ความหน้าบาง" จองตนเอง) รัฐบาลคงจะออกมาแถลงการณ์ condemn หรือ บอกว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนการ worship แบบนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวของคนเท่านั้น เราก็คงจะร่วมมือกัน และรู้สึกดีที่ได้มีโอกาสเยาะเย้ย capitalism หรือ materialism ซะทีนึง นัยว่าเราได้มีโอกาสรู้สึกว่าเรายังมีอะไรที่ดีๆเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆเหมือนกัน

แต่สงสัยว่าตอนนี้ เรายังมี "อะไร" ที่จะ feel good อย่างที่ว่าได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน

Mob เหยียบกันตายก็คงไม่ใช่ข่าวพาดหัวอะไร เป็นเรื่องทางเทคนิกการคุม mob แต่ถ้าเบื้องหลังการเกิด mob คือการการแก่งแย่ง amulet for money ก็เป้น ข่าวที่น่าสนใจสำหรับคนในชุมชนนั้นๆ ที่อาจจะนำเอามาสะท้อนว่า What the hell is going on? ในขณะนี้

นอกเหนือไปจากนี้ ผมเกรงว่ากำลังจะเกิด trend ในการทำ fund-raising โดยการขอสิทธิ์ในการ "ปั๊ม" amulet นี้ ฉวยโอกาสตีเกหล็กขณะกำลังร้อน กันทั้งจากองค์กรศาสนา องค์กร NGO ดีไม่ดีองค์กรของรัฐ เช่น เทศบาล อำภอ วัด หรือแม้กระทั้งโรงเรียน

ทีนี้สังคมจะเหลือ "ใคร หรือ องค์กรอะไร ชี้นำ??"

"เรา" ที่เชื่อมั่นในแนวทางที่ดี
"เรา"ที่เป็นตัวอย่างของการทำดี
"เรา" ที่จะไม่ยอมให้สิ่งร้ายๆเหล่านี้มาทำให้หลงทาง
"เรา"ที่เป็นพ่อแม่ พี่น้อง ครูอาจารย์ idol ของคนอื่น "เรา"ทั้งหลายนี้แหละค่ะ ที่จะช่วยกันฟื้นฟูสิ่งดีๆ
อย่าหยุดที่จะพูดดีๆ
อย่าหยุดที่จะคิดสิ่งดีๆ
และที่สำคัญ พูดให้ดัง พูดให้ถูกที่ และช่วยกันส่งเสริมคนที่พูดดี ทำดี ช่วยกันขยายผลสิ่งที่ดีๆ ค่านิยมที่ดีๆ
อย่าหยุด 
อย่าท้อ 
แนวทางที่ดีที่ถูกต้องควรจะกลับมาค่ะ เชื่ออย่างนี้และจะไม่หยุดทำเพื่อให้ความเชื่อนี้เป็นจริงค่ะ
 

สวัสดีครับ

  • เคยได้ยินท่านอาจารย์หมอประเวศ เรียกว่า  เป็นวิกฤติทางจิตวิญญาณของมนุษย์ครับ  ตอนนี้มักจะมีปรากฏการณ์มากมายในสังคมที่แปลกผิดเพี้ยนไป  แบบว่าอืม..มันเกินไปหรือเปล่านะครับ 
  • บางครั้งเราก็เพียงเห็นและรับรู้  และทำความเข้าใจกับที่มาที่ไป  กับเหตุและปัจจัย
  • และก็พยามทำ ช่วยในสิ่งที่ทำได้แบบที่ พี่โอ๋ บันทึกไว้ครับ
  • ขอบคุณครับ

มีภาพยนต์เรื่อง An Inconvenient Truth ที่ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ (หรือที่ตัวแกเองบอกว่า "I used to be the next President of the United State of America!") มีประเด็นน่าสนใจมากหลายตอน คงจะต้องนำมาพูดต่างหาก แต่ที่เกี่ยวกับ article นี้ก็คือ บางที cause and effect นั้น ถึงแม้จะชัดเจนขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีการ รับรู้ที่บิดเบี้ยว ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แสดงถึง "พลังการควบคุมความคิด" ของมนุษย์ที่สามารถเปิดรับ ปิดกั้น อะไรๆได้มากมายมหาศาล

อาจจะวิกฤติ หรือเป็นอย่างนี้มานานแล้วก็ได้ครับ บางทีเรามองเห็นเฮอริเคน ทอร์นาโด แต่ไม่เห็นขยะ การใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือยทุกวี่วัน หรือการ abuse natural resources ประจำวัน เพราะมันเล็กจนไม่น่าจะเกี่ยว (มั้ง????)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท