ชาวบ้านกำลังเรียนรู้อะไร? เป็นการคิดอย่างดังๆ ของผมครั้นเมื่อเดินทางกลับจากการไปพบท่าน ผศ.ดร.แสวง รวยสูงเนิน อาจารย์ที่ปรึกษา ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ครั้นผมเดินทางมาถึงรอยต่อของอำเภอพยัคภูมิสัย กับอำเภอชุมพลบุรี ซึ่งก็เป็นเขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ อันกว้างใหญ่ไพศาล เป็นทุ่งนาที่มีการจัดสรรแปลงนาอย่างเป็นสัดเป็นส่วนเหมือนแปลงนาแถวๆ ภาคกลาง ยังไงยังงั้น (แปลงใหญ่ คันนาตรงและยาว) ดูสภาพโดยทั่วไปเสมือนว่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
จึงนึกอยู่ในใจว่า เอ...ตอนนี้นางกุลาหยุดร้องไห้หรือยังหนอ ใครตอบได้ช่วยบอกทีครั้นมองจากรถที่อยู่บนถนนลงไปยังแปลงนาทั้งสองข้างถนนก็พบว่า บนคันนาปลูกต้นยูคาลิปตัสเต็มไปหมด บ้างก็ปลูกแถวเดี่ยว บ้างก็ปลูกแถวคู่ และบ้างก็ปลูกแบบสลับฟันปลา ซึ่งแต่ละต้นก็จะปลูกห่างประมาณ 1-2 เมตร ซึ่งผมก็มองว่าทำไมวิธีการปลูกค่อนข้างมีความหลากหลายเหลือเกิน จึงมีคำถามในใจว่าทำเกษตรกรถึงทำแบบนั้น เขาต้องการเรียนรู้อะไร แล้วแบบไหนล่ะดีที่สุด ก็คงยังไม่ด่วนสรุปนะครับเพราะนั่นคือสิ่งที่เราเห็น แต่ที่เห็นแบบไม่ต้องสงสัยก็คือว่าต้นยูคาลิปตัสที่ปลูกบนคันนาล้วนให้ความสุขทางจิตใจที่ไม่ห่อเหี่ยว
ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันผมขอย้อนกลับมาตั้งหลักสักนิดนะครับว่าในสิ่งที่เราเห็น ในสิ่งที่เราสงสัยนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไรชาวบ้านคิดอะไร และเรียนรู้อะไรอยู่ และจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างไร
จึงมีคำถามว่า การเรียนรู้คืออะไร ? เรียนรู้แล้วได้อะไร ? ผมจึงต้องขอมองต่อนะครับว่าก่อนที่คนเราจะเรียนรู้นั้นน่าจะมาจากการรู้ หรือการรับรู้ (Perception) ซึ่งเป็นสภาวะของการรับรู้จากการสัมผัส และสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง นั่นแสดงให้เห็นว่าพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกยูคาลิปตัสบนคันนาของตนเองในเขตพื้นที่ทุ่งกุลา ได้เคยไปเห็น ที่อื่นๆ เขาปลูกและประสบผลสำเร็จ จึงได้นำมาปลูกบนคันนาของตนเอง
การเรียนรู้ (Learning) หมายถึงอะไร จึงใคร่ขอขยายความดังนี้ครับ การเรียนรู้หมายถึง การปรับเปลี่ยนทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรมอันได้มาจากประสบการณ์ และส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันเกี่ยวกับการปลูกยูคาลิปตัสซึ่งก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เนื่องจากการเชื่อข่าวลือว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้แต่ไม่เคยเรียนรู้ และไม่เคยปลูก แต่ก็มีพี่น้องที่ไม่ยอมหยุดยั้งการเรียนรู้จึงได้มีการใช้ข้อมูลจากการรับรู้ แล้วมาผ่านกระบวนการเรียนรู้ และเห็นผลว่าดี เป็นประสบการณ์ ไม่มีผลเสียหรือผลกระทบใดๆ จึงปลูกต่อๆ กันมาดังเช่นทุ่งกุลาแห่งนี้
ดังนั้นจากการรับรู้ ผ่านการเรียนรู้ จึงเป็นกระบวนการเรียนรู้ (Learning Process) ซึ่งหมายถึง การดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน หรือการใช้วิธีการต่างๆ ที่ช่วยให้บุคคลหรือกลุ่มคนเกิดการเรียนรู้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในการที่เราจะทำอะไรนั้นเราต้องมีการเรียนรู้ อันจะส่งถึงผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
ตั้งแต่ที่เรารับรู้ เรียนรู้ และผ่านกระบวนการเรียนรู้ ก็จะเกิดผลลัพธ์ คือ "ผลการเรียนรู้" ((Learning Outcome) เป็นความรู้ความเข้าใจในสาระ วิธีการต่างๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานของตนเองได้อย่างเหมาะสม ดังเช่นการปลูกยูคาลิปตัสไงครับ
จากกระบวนการเรียนรู้การปลูกยูคาลิปตัสบนคันนาดังกล่าวนับเป็นการจัดการความรู้ (KM) แบบธรรมชาติ เพื่อค้นหาคำตอบให้กับการดำเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว การใช้ประโยชน์จากคันนาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกักเก็บน้ำในนาข้าวอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ ณ เวลานี้เราต้องใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการปลูกยูคาลิปตัสเพื่อใช้ไม้ อีกทั้งเป็นการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากใบที่ร่วงหล่น ซึ่งจะเป็นการทดแทนการสูญเสียธาตุอาหารที่พืชใช้ไปได้ในระดับหนึ่ง นับเป็นการจัดการความรู้อย่างเก้อกูลเพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ในสังคมโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
11 มีนาคม 2550
ขออนุญาติตอบท่านที่อยู่ไกลก่อนนะครับ ขอบคุณคอาจารย์เม้งมากครับ ที่กรุณาให้ความสนใจ และแลกเปลี่ยนด้วยดีตลอดมา
การปลูกยูคาลิปตัสบนคันนานั้นมีการปลูกกันมาค่อนข้างยาวนาน และสำหรับท่านที่ปลูก และผมคุ้นเคยนั้นมีการปลูกมาแล้วประมาณ 10 ปีลงมา และทุกคนที่ปลูกนั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันครับว่า ผลผลิตข้าวไม่ได้ลดลงเลย หากแต่ว่าเรามีการจัดการที่ถูกต้อง
ในป่ายูคาฯ นั้นมีสิ่งที่มีชีวิตต่างๆ เช่นเดียวกับในป่าทั่วๆ ไป โดยเฉพาะไส้เดือนมีแต่ตัวเบ้อเร่อเลยครับ และนอกจากนั้นพวกแมลง และอินทรีย์วัตถุก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้กระทั่งที่มีความเชื่อกันว่าในสวนป่ายูคาจะไม่มีผึ้งมาอาศัยนั้น "ไม่จริงครับ"
สำหรับในประเด็นอื่นๆ รับทราบครับ แต่ขอนำไปแลกเปลี่ยนในคราวหน้าครับ
ขอบคุณมากครับ
"ผลประโยชน์งอกเงย ในแง่องค์ความรู้ของยูคาบนคันนาจะมีอะไรบ้าง"
เป็นคำถามที่ต้องแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อไปครับ
ขอบคุณมากครับอาจารย์ย่ามแดง
อาจารย์อุทัยค่ะ
ขอบคุณค่ะ