ปัญหาเรื่องการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธรราชาติอยู่ตรงไหน คงต้องถามใจคนไทยทุกคนแล้วละครับ ว่าวันนี้มีสำนึกรักป่าไม้ ภูเขา ลำเนาไพร สักแค่ไหน ถ้าถามผมเมื่อก่อนก็จะตอบว่า ผมรักต้นไม้เท่ากับน้องเมีย แต่วันนี้ขออนุญาตเปลี่ยนว่ารักต้นไม้เท่ากับ ลูกหว้า ราณี รัตติยา หนิง สมพร รักหมดหัวใจทั้งก๊วนนั่นแหละ เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่น ที่ส่งเสริมรณรงค์ปลูกป่าไม่สำเร็จเพราะกระบวนการมันไปไม่ถึงความรัก ถ้าเรารักที่จะปลูกต้นไม้แล้ว ไม่ต้องพูดกันมาก นั่นดอกอะไรเสียบไว้ในรูฮู้ ก่อนหน้านี้เคยลองใจรำพัน .. “ดอกรักบานในหัวใจใครทั้งโลก แต่ดอกโศกบานในหัวใจฉัน” .
.ทุกคนค้านเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ปลูกต้นโศกเป็นอันขาด แย่งกันส่งภาพดอกไม้ ต้นไม้สวยๆมาประชันกันอย่างสนุก แสดงว่ายังพอมีหวังที่จะปลูกฝังต้นไม้ลงในหัวใจน้อยๆของสาวสวยและหนุ่มเน้าเหล่านื้ โดยเฉพาะอีตาเม้ง คงจะอาศัยตั้งให้เป็นหัวหน้าสาขาปลูกป่าเชิงรุกได้ เพราะเห็นหลุด Key Word ออกมา ..ไม่มีป่าไม้ จะมีปัญหา มีความตาย หายนะกันอย่างทั่วหน้า
สมัยหนึ่ง มีการออกคำโฆษณาปลุกกระแสปลูกต้นไม้ ออกมาว่า “ ปลูกต้นไม้วันละต้น ทุกแห่งหนจะร่มเย็น” ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดหรอก แต่มันไม่เข้าท่าในทางปฏิบัติ ถ้าคิดไม่ออกน่าจะจัดประกวดคำขวัญ แทนที่จะหลุดคำโฆษณาชวนเชื่อเสร่อๆออกมา เมื่อสัก 3-4 ปีที่แล้ว รัฐบาลเห็นว่าน่าจะเร่งส่งเสริมการปลูกป่าไม้ให้มีพื้นที่สีเขียว40%ของพื้นที่ จึงรณรงค์ปลุกไม้โตเร็วขนาดใหญ่ เร่งมากเท่าใดกระแสต่อต้านก็มากเท่านั้น
สุดท้ายแก้ลำด้วยการให้เงินอุดหนุนชาวบ้านให้ปลูกต้นไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเอง ในอัตราไร่ละ3,000บาท ขนาดให้เงินฟรีปลูกต้นไม้ของตนเอง โตแล้วจะเอาไปทำอะไรก็ได้ สุดท้ายก็พบว่าโครงการนี้หงายท้องไม่เป็นท่า เสียเงิน แต่ไม่ได้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นตามที่วาดหวังไว้ มีเรื่องร้องเรียนทุจริต ป่าไม้โดนอับเปหิออกไปหลายคน ที่อกหักกองระเนระนาดอยู่ในกรมก็ไม่น้อย ทนเจ็บปวดกับฉายาที่ชาวบ้านตั้งชื่อให้ใหม่ว่า กรมป่าม้วย ถูกจับแยกออกไปเป็น 2 กรม แยกบทบาทกันชัดเจน พวกอนุรักษ์และส่งเสริมแยกไปตั้งกระทรวงสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ พวกดูแลป่า ไล่จับมอดไม้ เฝ้ากฎหมายป่าไม้ ยังอยู่ในสังกัดเดิมนามกรมป่าไม้ต่อไป สรุปว่าวันนี้เมืองไทยยังไม่มียุทธศาสตร์ที่สีเขียวที่หวังผลได้ ตรงกันข้ามกลับรุกป่าออกกรรมสิทธิ์ ใช้พื้นที่ป่าไม่เหมาะสม ทุจริตเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทั่วประเทศ
ผลกระทบความขลาดเขลาของคนในชาติ ทำให้คนไทยประสบเคราะห์กรรมทั่วหน้า น้ำท่วมกับฝนแล้งเกิดขึ้นสลับกันทั้งปีทั้งชาติ เล่นตลกจ่ายเงินชดเชยทั้งขึ้นทั้งล่อง ก่อนหน้านี้ก็ออกนโยบายเพาะกล้ายางพาราจำหน่าย ขนาดว่ามีชาวบ้านขานรับก็ยังกลืนยากจนขื่นคอ ฟ้องร้องกันอีก เพราะหมกเม็ดให้พวกพ้องประมูลงานทำเจ้าเดียว จะได้หักหัวคิวที่เดียวสะดวกดี ที่พูดเรื่องนี้ก็เพราะไม่มีโครงการอะไรที่หน่วยงานส่งเสริมทำแล้วไม่มีปัญหา
สมัยหนึ่งแค่เรื่องแจกเมล็ดพันธุ์ผักช่วยสร้างงานเร่งด่วนหลังน้ำท่วม นี่ก็แด-อีกมิได้ละเว้น เมล็ดบวบพ่อมั-กระป๋องละเป็นพัน พูดกับอย่างหนาตราช้างก็อย่างนี้แหละ ไม่ต่างกับหมาเห่าเครื่องบิน เห่าบ่อยๆก็หาว่าปากไม่มีคุณสมบัติผู้ดีอีก โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง สงสัยว่าคงจะต้องชวนเจ้าเม้งไปเห่าอย่างอื่นจะสะดวกใจกว่า ไม่เมื่อยคอด้วย ตอนนี้ยุให้รวมกรมส่งเสริมการเกษตรเข้ากับกรมวิชาการเกษตร จะได้ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ อีกทั้งสามารถจัดความซ้ำซ้อนงานบุคคลและภาระงานได้มาก
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ใน KM ในมหาชีวาลัยอีสาน
พ่อครู
กระตุกเป็นระยะ ๆ กินขนมจีน มือไม้สั่น หน้าแดง(คิดว่าเพราะเผ็ด) จริง ๆ มีพ่อครูมา(แอบ)บอกรักนี่เอง
เชื่อในอานุภาพแห่งความรักค่ะพ่อ
ทุกอย่างถ้าทำด้วยความรัก ทำด้วยใจรัก เกือบร้อยเปอร์เซ็น ประสบผลสำเร็จ (เช่นวันดีเดย์ 5 - 7 เมย. ที่เราจะพบกันเพราะมาจากความรักที่เรามีต่อกันนั่นเอง) เปอร์เซ็นที่เหลือมาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ที่ทำให้เราทำอะไรไม่ประสบผลสำเร็จ แต่บางครั้งมันก็เป็นปัจจัยที่สามารถบั่นทอนการทำงาน บั่นทอนชีวิต บั่นทอนกำลังกาย กำลังใจ ที่จะทำอะไรให้ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งไว้
แต่ตอนนี้นะพ่อนะ..........ตั้งความหวังให้น้อยลง ทำให้มากขึ้นบนพื้นฐานความถูกต้อง อย่างไรก็ต้องทำ ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ ชอบก็ทำ ไม่ชอบก็ทำ (ยืมน้องกะปุ๋มมา)
ใช้ได้ดีจริง ๆ นะพ่อ มีความสุขดี มีความสุขที่จะรักทำในสิ่งที่ดี ๆ ทุกวันค่ะพ่อ
ทานข้าวหรือยังคะพ่อ (อย่าลืมทานข้าวกับน้ำพริกนะคะ จะได้หล่อ รอรับลูก ๆ ฮา........)