อนงค์ศิริ
รองศาสตราจารย์ อนงค์ศิริ วิชาลัย

ครูใหญ่คนนั้น ท่านชื่อสมควร


ท่านชื่อสมควร อินเล็ก ข้าพเจ้าอยากกราบเรียนท่านว่า ถ้าท่านอยู่ในยุคนี้ท่านคือผู้บริหารพอเพียงที่แท้ๆจริงๆ

เมื่อข้าพเจ้าได้เข้ารับราชการครูและเดินทางไปรายงานตัววันแรก

ความตื่นเต้นที่จะได้เป็นครูจริงๆแล้ว  มันยากที่จะบรรยาย

ข้าพเจ้าไปรับหนังสือส่งตัวที่อำเภอ  ท่านหัวหน้าหมวดการศึกษา(สมัยนั้น)  ให้โอวาท ให้ข้อคิดเล็กน้อย แล้วปล่อยตัวไปโรงเรียน

คุณครูใหญ่ท่านให้การต้อนรับ ถามประวัติความเป็นมาจนท่านพอใจแต่ท่านบอกข้าพเจ้าว่า  แต่......วันนี้ผมยังรับคุณเข้าทำงานไม่ได้ !!

เพราะผมฟังพยากรณ์ โหรทักเช้าวันนี้ว่าอย่ารับใครมาทำงาน จะเกิดเรื่องเดือดร้อน เพราะฉะนั้น  คุณกลับบ้านไปก่อน  ให้หาฤกษ์งามยามดีแล้ว ค่อยมารายงานตัว  ข้าพเจ้าอ้าปากค้าง สายตาสำรวจครูใหญ๋  ท่านแปลกผู้แปลกคนจริงๆ  เพราะท่านแต่งชุดข้าราชการแขนยาว  มีหมวกข้าราชการวางอยู่บนโต๊ะ  ถูกต้องตามระเบียบทุกประการ

แต่...เหตุไฉน กลับไม่ยอมรับเข้าทำงานในวันแรกที่รายงานตัว

พอเตรียมตัวจะกลับบ้าน พี่ๆ ที่สอนอยู่ก่อนก็เข้ามาทักถาม ต้อนรับพอทราบว่า วันนี้ครูใหญ่ยังไม่รับตัวเท่านั้น  พี่ๆ (ผู้หญิงล้วนๆ)ก็ช่วยกันรุมครูใหญ่  ว่าปฏิบัติไม่ถูกต้อง   ในที่สุดครูใหญ่ก็ยอมแพ้ในเหตุผลรับข้าพเจ้าเข้าทำงานในวันนั้น

เมื่อทำงานอยู่โรงเรียนนั้น  หลายปีมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะครูใหญ่  ซึ่งท่านเป็นข้าราชการคนเดียวของประเทศไทย

ที่   1 .  แต่งกายด้วยชุดข้าราชการสีกากี เสื้อแขนยาว สวมหมวกข้าราชการมาทำงานทุกวัน

      2.  มาทำงานตรงเวลา มาก่อนโรงเรียนเข้า  07.30 น. ครูใหญ่ถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว  และกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายรอให้เด็กทุกคนกลับบ้านหมดทุกคน

       3.  ขีดเส้นใต้ข้าราชการครูที่มาทำงานสาย หลัง 08.30 น  ทุกคนและรายงานให้อำเภอทราบ

       4.  ไม่รับเลี้ยงจากใคร และไม่เลี้ยงใคร  ทานเสร็จท่านก็ควักเงินจ่ายแบบอเมริกันแชร์

       5.  ไล่นักเรียนเข้าเรียนเมื่อถึงเวลาฉันใด  ท่านก็ไล่  ใช้กำปั้นทุบศีรษะครู(เบาๆ)  ที่ยังไม่เข้าสอน  ฉันนั้น

       6.  พิจารณาความดีความชอบ  ให้ซ้ำคน ซ้ำปี ถ้าเห็นว่าครูคนนั้นตั้งใจทำงาน  บางปีท่านสละสิทธิ์  บอกว่าครูโรงเรียนนี้ไม่มีใครควรได้สองขั้น  คนละขั้นก็นับว่าได้มากแล้ว

ด้วยความประพฤติที่ไม่เหมือนใคร ดังที่กล่าวมาแล้ว  ท่านถูกกล่าวติฉินนินทา ว่ากล่าวสารพัดจากครูในโรงเรียน  และเพื่อนครูภายในกลุ่มภายในอำเภอ  เดือดร้อนกันหนัก  ท่านได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่อำเภอ

ลองนึกภาพดูเถิด.......เมื่อท่านไปทำงานที่อำเภอ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร

เกิดเรื่องแน่ๆ  เมื่อท่านเดินทางไปถึง เวลาใดท่านก็ลงเวลาตรงตามที่ท่านไปทำงาน   บางวันท่านไปถึงคนแรกแต่เป็นเวลา  08.00 น.ท่านก็ลงเวลา  08.00 น.  แล้วข้าราชการทั้งหมดมีกี่คน 

ในที่สุดท่านถูกเรียกตัวไปว่ากล่าว  ตักเตือน ที่ปฏิบัติตนไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองกะเขา

ณ   วันนี้  คุณครูใหญ่คนดีเสียชีวิตแล้ว  ชีวิตข้าราชการของท่านไม่สมหวัง  ไม่ก้าวหน้า  เพราะอยู่ๆท่านก็ถูกลดตำแหน่งเป็นผู้ช่วยครูใหญ่และถูกกลั่นแกล้งทุกๆอย่าง  จนทนไม่ได้และขอย้ายกลับไปอยู่รวมกับครอบครัว

วันที่ท่านย้าย  ข้าพเจ้ารู้สึกใจหาย และรู้ว่าครูใหญ่เป็นคนดีจริงๆ ไม่มีข้าราชการคนใดที่ทำได้เหมือนท่านแต่....  ท่านก็อยู่ในสังคมนี้ไม่ได้

ข้าพเจ้าคิดเล่นๆ  ว่าที่ครูใหญ่เดือดร้อน.....เป็นเพราะรับข้าพเจ้าทำงานวันแรก...วันนั้น  ทั้งๆที่โหรทำนายแล้ว  แต่พวกเราไม่เชื่อ รึเปล่านะ

แต่  ท่านก็เป็นครูใหญ่ที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าพบมา  ท่านชื่อสมควร  อินเล็ก ข้าพเจ้าอยากกราบเรียนท่านว่า  ถ้าท่านอยู่ในยุคนี้  ท่านคือผู้บริหารพอเพียงที่แท้ๆ  จริงๆ

คำสำคัญ (Tags): #ครูผู้ยิ่งใหญ่
หมายเลขบันทึก: 80473เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2007 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 17:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอสดุดีในการเป็นคนซื่อตรงต่อหน้าที่อย่างครูใหญ่ ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงครับ บ่อยครั้งบนถนนความเป็นสุภาพบุรุษคนดีถูกรังแกจากกลุ่มคนไม่ดีที่มีมากกว่า แต่อย่างน้อยความดีก็สัมผัสได้ในใจของคนที่เป็นเมล็ดพันธ์แห่งความดี

อาจารย์...

อ่านจบก็นึกถึงกลอนที่ท่องจำไว้เล่นๆ บทหนึ่งว่า...

ถ้าแคบนัก มักคับ ขยับยาก

ถ้ากว้างนัก มักไม่มี ที่ใส่สม

ถ้าเบานัก มักปลิว ไปตามลม

ถ้าหนักนัก มักจม ลงบาดาล....

เจริญพร

สวัสดีครับ อ.อนงค์ศิริ

ที่จริงเรื่องนี้เป็นข้อคิดที่เคยคิดมาตลอดว่า... ทำไมสังคมไทยเราจึงนิยมแต่ข้อเท็จ มาทำงานเก้าโมง สิบโมง แต่ลงเวลากันแปดโมง ข้อจริงไม่ค่อยชอบกัน

ผมเคยถูกด่า ถูกตำหนิจากคนหลายระดับมาแล้ว (ไม่เฉพาะปัจจุบันนี้)ต่อเรื่องการลงเวลามาทำงาน บ้างก็ว่า จะอะไรกันนักหนา...ทำไมไม่เอางานเป็นตัวตั้ง...บ้าเวลา เป็นทาสเวลา โอ้ยจิปาถะครับ

จึงมีความเชื่อว่า...คนชอบแก้ไข (ไม่แก้ต้ว) ปรับปรุง สร้างสรรค์ รับผิดชอบน่าจะเป็นอย่างครูสมควรครับ ...ส่วน คนเอาเปรียบมนุษย์ เอาเปรียบสังคมน่าจะเป็นครูภายในกลุ่มอำเภอ ที่มักหาเหตุผล(ดันทุรัง)มาแก้ตัว หาเรื่องกลั่นแกล้งครูสมควรอยู่เรื่อยตลอดมา

อย่างนี้แหละครับคือ ปัจจัยของการคิดแบบทาสเมืองขึ้น  ของกลุ่มคนไทย(บางกลุ่ม)

ขออภัยครับถ้าแรงไป

 

กราบสวัสดีอาจารย์

หนูอ่านข้อความแล้วรู้สึกว่าในเมืองไทยจะมีหัวหน้าในสถานที่ทำงานเป็นแบบนี้ซักกี่ที่ เพราะที่หนูทำอยู่เคยถามคนที่มาสายเขาบอกว่าหัวเป็นอย่างไรหางก็เป็นแบบนั้น อย่าฝืนทำอะไรที่ไม่เหมือนเขาเลยเดี๋ยวอยู่ไม่ได้ แต่หนูก็ทำปกติให้ถูกต้องตามกฎ เพราะว่าเราทำดีก็ไม่ละอายใจ และก็มีความสุข

เฉลิมชาติ สายธารทิพย์ พล 49 ค5.2 รหัส 49161204

กระผมเป็นนักศึกษาคนหนึ่งของ อ. และได้เข้ามาอ่านข้อความข้างต้นนี้ตอนแรกคิดว่า อ. ใหญ่ คนนั้น ทำไมเชื่อหมดดูมากไปงมงายมากไปไม่เหมาะกับการเป็นครู แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่าท่านเป็นคนดีที่สังคมไทย เราในปัจจุบันเราต้องการมากที่สุด..

ผมเองก็เรียนด้วยเป็นครูสอนเทควันโดด้วยทุกวันนี้ก็ค่อนข้างเหนื่อยมากไหนจะเรียนไหนไหนจะทำงานไหนจะต้องคิดแผนการสอนต้องรบกับเด็กๆนักเรียนมากมายที่มีอายุตั้งแต่ 5 ขวบ ไปเรื่อยๆมันเหนื่อยมากนะคับการเป็นครูที่ต้องสอนและให้ความรู้เด็กๆทุกคนต้องใจเย็นต้องทำให้เด็กรักเรา...

สุดท้ายนี้ก็แค่อยากจะบอกว่าใครที่เป็นครูได้คนนั้นเป็นคนที่เก่งมากในสายตาของผมเพราะผมเข้าใจในความเหนื่อยล้าครับ

  • ปัจจุบันคงหาอาจารย์แบบนี้ยากแล้วครับ
  • น่าเสียดายจังเลยครับ
  • ขอบคุณครับผม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท