และแล้ววันเวลาแห่งความสำเร็จของศิษย์รุ่น 22 ก็มาถึง ครูขอร่วมแสดงความยินดีแก่ศิษย์ทุกคนด้วย
จากนี้ไป ชีวิตของศิษย์ในแต่ละวันจะไม่เหมือนเดิม เราจะไม่ต้องนั่งทำแล็บจนรุ่งเช้า เราจะไม่ต้องอดนอนเพื่ออ่านหนังสือสอบ เราจะไม่ต้องรีบกุลีกุจอตื่นขึ้นมาแต่งตัวเพื่อจะได้ไปนอนต่อในห้องเรียนในชั่วโมงเช้า เราจะมีเวลากินข้าวเที่ยงได้นานขึ้น หลายคนจะไม่ต้องร้องไห้กับคำว่ากล่าวของอาจารย์ ที่สำคัญ เราจะไม่ต้องพะว้าพะวงกับจำนวน requirement อีกต่อไป
ชีวิตของศิษย์จะไม่เหมือนเดิม เพราะจะไม่มีเพื่อนๆ ที่นั่งทำแล็บด้วยกัน ไม่มีเพื่อนๆ ที่เมาท์กันถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในแต่ละวัน จะไม่มีเพื่อนที่เก่งที่สุดในชั้นติวเนื้อหาที่แม้อาจารย์ก็ยังสอนให้เราเข้าใจไม่ได้ จะไม่มีท้ายมอเตอร์ไซต์ที่ให้เรากระโดดขึ้นซ้อนไปเรียนในตอนเช้า จะไม่มีงานปีใหม่ที่เราได้ทำบุญใส่บาตรร่วมกับอาจารย์ที่เรารัก จะไม่มีเสียงอาจารย์ผู้หวังดีที่คอยเตือนเมื่อเราทำผิด หรือเสียงที่ให้คำแนะนำและคำตอบเมื่อยามที่เราสงสัย
ชีวิตของเรามีทั้งด้านบวกและลบ มีทั้งด้านที่อยากจดจำและที่อยากลืม ครูเชื่อว่าคณะทันตแพทย์ของเราได้ให้ทุกรสชาติของชีวิตแก่ศิษย์ และอยากให้ทุกเรื่องราวที่ผ่านมาเป็น “บทเรียน” ชีวิตที่สอนให้ศิษย์เป็น “คน” ที่สมบูรณ์ในวันข้างหน้า แน่นอนว่า บทเรียนส่วนใหญ่จะสอนให้เราเป็น “ทันตแพทย์” แต่ยังมีหลายบทเรียนที่อาจสอนให้เรามีความอดทนและอดกลั้น สอนให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นๆ มากขึ้น บางบทเรียนสอนให้เรารู้จักการแก้ปัญหา สอนให้รู้ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข หากเรามีสติและมีความกล้าพอ
สิ่งที่จะทำให้ครูทุกคนภูมิใจ มากกว่าคำขอขมาใดๆ ก็คือการที่ได้เห็นศิษย์ทันตแพทย์มข. เป็นคนดีของสังคม และเป็นคนเก่งของวิชาชีพ แต่สำหรับตัวครูแล้ว ไม่เคยคาดหวังให้ศิษย์เป็นคนเด่นคนดัง ขอเพียงเห็นศิษย์เป็นคนดีก็พอใจแล้ว เพราะมั่นใจว่าความรู้ที่ครูทุกท่านได้ประสิทธิ์ประสาทให้นั้นเพียงพอกับการประกอบวิชาชีพนี้ได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร ความเป็นคนดีต่างหากที่จะทำให้ทันตแพทย์ขอนแก่น “แตกต่าง” ความเป็นคนดีนี้จะทำให้เราไม่เศร้าหมอง ไม่ทำให้ตนเอง ครอบครัว และสังคมต้องเดือดร้อน ความเป็นคนดีจะทำให้เราอยากเรียนรู้ และความเป็นคนดีจะทำให้เราปฏิบัติหน้าที่ของตนได้เต็มที่ สามารถใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด ครูไม่ต้องการเห็นศิษย์เป็นคนเก่ง มีความรู้มากมาย แต่ไม่สามารถทำให้ความเก่งและความรู้เหล่านั้นเกิดประโยชน์เลย
ชีวิตของศิษย์อาจจะเปลี่ยนไป แต่ชีวิตครูก็คงยังเหมือนเดิม ยังคงจะว่ากล่าวตักเตือนเมื่อเห็นศิษย์ทำผิด ยังพร้อมที่จะให้คำตอบเมื่อศิษย์สงสัย ยังเป็นกำลังใจให้ศิษย์สร้างสรรค์สิ่งดีงาม และยังคอยเฝ้าดูความสำเร็จของศิษย์ทุกคน ไม่เปลี่ยนแปลง ...
ขอบคุณครับ
วันรับปริญญา
ไม่น่าเชื่อเลยว่า เวลาได้ผ่านไปแล้ว 6 เดือนอย่างรวดเร็ว วันนี้อาจารย์หลายท่านได้มีโอกาสร่วมงานถ่ายภาพรับปริญญา และพิธีรับมอบใบประกอบวิชาชีพฯ ของศิษย์รุ่นที่ 22 กัน บรรยากาศในช่วงเช้าเป็นไปอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของทุกๆ คนที่อยู่ในบริเวณ "ลานแดง" เสียงเพลง "ลานแดงในฝัน" ของท่านอาจารย์นิธิภาวี ศรีสุข เปิดคลอช่วยสร้างบรรยากาศของพี่ๆ น้องๆ ได้เป็นอย่างดี
อาจารย์หลายท่านอดสังเกตการเปลี่ยนแปลงของศิษย์หลายๆ คนไม่ได้ บางคนดูหล่อ ดูสวยขึ้น หลายคนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น (มีฟอร์ม) บางคนแอบกระซิบกันว่า จำศิษย์ไม่ได้ว่าเป็นใครก็มี
วันเวลาที่ผ่านไปกับการทำงานในช่วง 6 เดือนนั้นเป็นการพิสูจน์ว่า ศิษย์แต่ละคนมีความสามารถในการประยุกต์เอาความรู้ที่ได้จากคณะ ได้จากมข. ได้จากประสบการณ์ระหว่างเรียนไปใช้ในการแก้ปัญหาได้ดีเพียงใด อาจารย์เชื่อว่าศิษย์แต่ละคนประสบปัญหาไปคนละแบบ ไม่มีใครหรอกในโลกใบนี้ที่จะไม่มีปัญหา คนที่บอกว่าไม่มีปัญหานั้น ส่วนน้อย คือคนที่บรรลุธรรม ส่วนมากคือคนที่ไม่ได้ทำ หรือไม่กล้าทำอะไร
เมื่อสองเดือนก่อนได้ฟังเทปบรรยายธรรมของท่าน ป.อ. ปยุตโต ก็รู้สึกชอบคำสอนของท่านที่มีใจความว่า "การที่เรามีความทุกข์ในทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะเราสวนกระแสของกฎธรรมชาติ มนุษย์พยายามสร้างกฎของมนุษย์ขึ้นมา ซึ่งมักจะไม่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ"
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ชาวสวนตั้งใจปลูกต้นไม้ หากเป็นไปตามกฎธรรมชาติแล้ว ก็ต้องหวังจะเห็นต้นไม้เติบโตงอกงาม ให้ดอกผล ดังนั้นเมื่อได้เพียรรดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ยจนต้นไม้ที่ปลูกงอกงามดี ก็จะเกิดความสุขขึ้นภายในใจได้ทันที แต่ถ้าชาวสวนคิดว่าปลูกต้นไม้เพื่อหวังขายให้ได้ราคาดี หวังค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน ก็อาจจะทุกข์ เพราะเอาความสุขไปแขวนไว้กับเงื่อนไขที่เป็นกฎที่มนุษย์กำหนดเอาเอง
ทำนองเดียวกัน ในการทำงาน หากเราเข้าใจกฎของธรรมชาติ ความสุขจากงานก็จะเกิดขึ้นได้ทันทีเช่นกัน เมื่อเราเห็นผลของงาน แต่ถ้าเราตั้งเงื่อนไขเอาเองว่างานจะได้ผลก็ต้องสำเร็จอย่างสวยหรู มีคนมาชื่นชม ต้องได้เลื่อนขั้น อย่างนี้ เราก็อาจจะได้ความทุกข์แทน เพราะธรรมชาติไม่ได้บอกว่าอย่างนั้น
ลองคิดดูแล้วก็จะพบว่าเป็นจริงอย่างที่ท่าน ป.อ. ปยุดโตสอนไว้ หลายครั้งที่เราเกิดความทุกข์เป็นเพราะเรากำลังฝืน หรือ ลืมกฎของธรรมชาติ แล้วพยายามสร้างกฎของเราเองมาใช้แทน
อาจารย์จึงอยากฝากถึงศิษย์ทุกคนไว้ว่า หากอยากจะเป็นผู้ที่มีความสุขได้ง่าย มีความสุขกับชีวิตในแต่ละวัน มีความสุขกับงานที่ทำ ก็ขอให้อย่าลืมกฎของธรรมชาติ จงทำงานตามหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด อะไรที่จะเกิดขึ้นนั้นปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้กำหนดดีกว่า
ท้ายนี้ ในนามของอาจารย์ทุกท่าน อาจารย์ขอให้ศิษย์พบความสุขในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ของหมอ หน้าที่ของสมาชิกในครอบครัว และหน้าที่ของการเป็นพลเมืองของสังคมนี้กันทุกคน
ขอบคุณอาจารย์มากๆค่ะ