ไม่เอาหูไปรองเกี๊ยะ(๒)


เป็นชะนีแล้วหลงผิดเข้าไปเที่ยวในผับชาวสีม่วง...ต้องตั้งสติให้ดีแล้วค่อยๆถอยออก..

เคยไหมที่บางครั้งเราอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ผิดที่ผิดเวลาแต่เมื่อเราได้ไปอยู่แล้วทำไงที่จะไม่เกิดเรื่องนั่นก็คือการหาข้อคิดและสติพิจารณาประเมินกำลังตัวเอง..ถ้าสู้ได้ก็สู้แต่ถ้าสู้ไม่ไหวก็ค่อยๆเลี่ยงอย่าไปมีเรื่องอะไรกับเขา...

เมื่อก่อนเวลามีฟุตบอลประเพณีหลังเสร็จงานบอลเราก็มักจะหาที่ไปเที่ยวต่อและนอนค้างบ้านเพื่อนก่อนตอนเช้าจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน...ความที่เราอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ๆเจ็ดถึงสิบคนก็ออกจะซ่าๆ/ไม่ค่อยกลัวอะไรอีกทั้งเพื่อให้สมกับฉายา"กลุ่มโต๊ะอธรรม-โต๊ะมาร"...หลังจากเที่ยวนาซาและผับแถวๆราชเทวีมาจนชินๆแล้ว...เราเกิดไอเดียว่าสมควรไปดวลไมค์(คาราโอเกะ)กันแถวผ่านฟ้าหรือสะพานวันชาติกันดูบ้าง...เนื่องจากเพื่อนสาวคนหนึ่งเห็นป้ายบอกว่าจะมีการประกวดคาราโอเกะกัน...เราตกลงไปกันได้สี่คน...ผับนี้ซ่อนอยู่แถวแยกวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเข้าไปในซอยไม่ลึกมากหน้าร้านก็ตกแต่งดูปกติดีแต่เมื่อเข้าไปในนั้นแล้วเราจึงรู้ว่าที่นี่เป็นผับของชาวสีม่วงที่เขาไม่แต่งหญิง...บางคนเขาก็มองเราไม่ค่อยดีนัก(มาคุยกันทีหลังจึงรู้ว่าเขาคิดว่าเรามาหาผู้ชาย...)แต่บางคนก็บอกว่ามาครั้งแรกใช่ไหมไม่เป็นไรที่นี่ยินดีต้อนรับ...เบ่เบ๊เพื่อนต้นคิดบอกว่าเห็นมีป้ายบอกว่าจะมีการประกวดร้องคาราโอเกะเรานึกว่าได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายก็เลยเข้ามา...เขาก็บอกว่าอยากร้องแข่งด้วยหรือ...เอาซิแล้วจะได้รู้กัน....

ตอนนั้นอีโก้เราคงเพี้ยนๆเมื่อเขาท้ามาเราจะรีบถอยไปมันก็เสียศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง..มองหน้ากันในกลุ่มว่าสู้สักสามสี่เพลงแล้วออกไปน่าจะดูดีที่สุด...ศึกประชันไมค์ระหว่างทีมเรากับทีมชายไม่รักหญิงจึงปะทุขึ้น...พี่เขาใจดีมากให้เราเริ่มก่อน...เท่าที่มีข้อมูลจากรุ่นพี่บอกว่าเพลงที่ดูจะได้รับการยอมรับจากMSMควรเป็นเพลงพี่เบิร์ด คริสติน่า ตั๊กลีลา มาลีวัลย์(ถ้าสมัยนี้เป็นลิเดีย) และไม่ควรเต้นยั่วเดี๋ยวจะถูกด่าจากบางคนที่เขาไม่ชอบให้มีผู้หญิงหลงมาอยู่ในผับของพวกเขา...แต่ก็ไม่ใช่ร้องยืนนิ่งๆแบบร้องเพลงมาร์ช...เราเลือกเพลงเร็วๆของคริสตินาเพราะตอนนั้นฮิตมากและพอจำเนื้อได้...ได้รับเสียงปรบมืออยู่บ้าง...พี่MSMเขาเล่นร้องMY Way เสียงดีมากยังจำหน้าคนร้องได้ว่ามีหนวดแต่ทาปากสีชมพู...แน่นอนเสียงกรี้ดกร๊าดดังกว่าเราแน่นอน...เขาร้องเพลงที่สองต่อแต่เปลี่ยนอารมณ์มากเพราะดันมาร้องเพลงของชาย เมืองสิงห์เสียงเหมือนอีก...เรามองหน้ากันและคิดว่าน่าจะออกไปจากผับนี้ดีกว่า

...ปรากฏว่ามีไมค์ยื่นจ่อมาให้บอกคิวต่อไปเป็นของเธอแล้ว...กล้าหรือเปล่าน้องชะนี(น้ำเสียงมันฟังดูเยาะหยันมาก...เลือดขึ้นหน้ายอมไม่ได้)เลยรับไมค์มาดวลต่อด้วยเพลงกอดฉันของวารุณี...มีเสียงเป่าปากให้พอเป็นกำลังใจแต่ก็มีเสียงลอยมาจากบางมุมว่าเหม็นเบื่อชะนีและอื่นๆอีกมากมายที่จะตัดทอนกำลังใจพวกเรา..

.ถ้าเดี่ยวๆก็คงตอบโต้กลับแล้วแต่ดูแล้วกลุ่มเขาสิบกว่าคน...ไม่คุ้มอีกทั้งพี่คนที่ดวลไมค์กับเรา..เขาก็เข้าใจว่าเราแค่เด็กผู้หญิงซนๆที่อยากมาร้องเพลงแต่เราเข้าสถานที่ผิด...เขาก็บอกว่าอย่าสนใจเลยคนนั้นเวลาเมาแล้วชอบพูดจาหาเรื่อง...เราขอร้องเพลงสุดท้ายเป็นเพลงนาฬิกากับก้อนหินของธงชัย...พี่เขาก็ร้องเพลงชาย เมืองสิงห์ตอบกลับให้...ก่อนกลับก็ยกมือไหว้ขอบคุณพี่ๆที่อนุญาตให้เราเข้ามาร่วมแจมด้วย...หลายคนก็ยิ้มๆบอกว่าวันหลังจะกล้ามาอีกไหม...เราได้แต่ยิ้มๆไม่ตอบและทุกครั้งที่ผ่านซอยหน้าผับนี้ก็จะอดขำไม่ได้แต่ก็ไม่เคยกลับเข้าไปอีกเพราะกลัวปากMSMบางคนจริงๆ..ซึ่งหากเราเอาคำพูดทุกคำของเขามาใส่ใจมีหวังเป็นเรื่องทะเลาะกันแน่ๆ....ที่รอดได้เพราะนึกถึงคติที่ว่าอย่าเอาหูไปรองเกี๊ยะซึ่งถ้าขาดสติยั้งใจไว้คาดว่าที่รองหูของพวกเราน่าจะเป็นบู้ท(รองเท้าทหาร)มากกว่าเกี๊ยะแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 77783เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2007 14:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

มาเยี่ยม...

อ่านแล้ว...เป็นเส้นทางเดินที่ผมไม่คุ้นเคยเลย...แต่ยินดีที่ได้อ่านเรืองเล่านี้...ผมชอบน้ำเสียงของคุณวารุณีเหมือนกันครับ  ขณะเดียวกันผมเคยร้องแนวเพลงของชาย  เมืองสิงห์ด้วยครับเช่นเพลงจ้ำม้ำ...

ขอบคุณครับ

อจ.Umi

อจ.อยู่ทางบุญอย่างตลอดสายน่ะดีแล้วค่ะหนูจะได้มีโมเดลไว้เตือนสติว่ายังมีคนทำดีเสมอต้นเสมอปลาย..

สมัยก่อนขอสารภาพว่าทำบาปเยอะอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะข้อน้ำเมาถือว่าเป็นเซียนคนหนึ่ง..ชอบมากขนาดไปเรียนผสมค็อกเทลมาพักหนึ่ง..แต่พอเข้าคอร์สคุณแม่สิริ กรินชัย หนูเวียนหัวดิ่งมากๆและนึกเห็นภาพร้านที่บ้านเก่าของยายเราเคยขายเหล้าโรงค่ะ...นึกขออโหสิและตัดใจเลิกดื่มนับสิบปีได้แต่บางทีเจอเพื่อนเผลอผสมเหล้าให้ก็มี..หนูจะบาปเท่าเดิมอีกไหมหนอ

อ่านแล้วนึกถึงอดีต ตัวเองเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก เพราะเพื่อนเยอะ เจอกันทีก็ในร้านอาหารของเพื่อนของเพื่อน มีเพื่อนของเพื่อนมาช่วยร้องเพลงเพื่อชีวิตเฉพาะสุดสัปดาห์   มีเบียร์ช่วยให้ใจเปิด คุยคล่อง ติดเบียร์ กระทั่งต้องมีติดไว้ในตู้เย็น เวลาเลิกงานเครียดๆ ก็มานั่งกินเบียร์คนเดียว

ตั้งแต่มาสนใจศึกษาด้านพุทธศาสนา ก็เลิกติดเบียร์และเลิกติดเพื่อนมาหลายปี   เดี๋ยวนี้ชักจะมาติดบล็อคแทนซะแล้วซิ ฮิ ฮิ 

มาเยี่ยม...

หนูจะบาปเท่าเดิมอีกไหมหนอ...อ่านแล้ว

ผมนึกถึงองคุลิมาลโจร...เป็นต้นคตปลายตรงครับ

สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่ที่เจตนา...นะครับ

คำพระท่านว่า กัมมุนา วัตตะตี โลโก  แปลว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกฏแห่งการกระทำของตนเอง

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท