เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเยี่ยม “โรงเรียนกุ้งชีวภาพ” แห่งหนึ่ง ที่ อ.บ้านสร้าง จ. ปราจีนบุรี (ใช้สถานที่ฟาร์มของคุณบังอร มั่งมี, มีนักเรียน 7 คน) ซึ่ง ธกส. ได้ริเริ่มขึ้นมาและจัดงบสนับสนุน คุยไปคุยมาทำให้นึกเชื่อมโยงถึงเหตุการณ์ในวงการกุ้งที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการรวมกลุ่มเรียนรู้ของกลุ่มเกษตรกรที่เห็นในวันนี้
ถ้าใครอยู่ในวงการกุ้ง หรือติดตามข่าว ก็จะรู้ว่ากุ้งไทยเจอ “วิกฤต” มากแค่ไหนเมื่อ 4-5 ปีก่อน ตั้งแต่ยุโรปสั่งงดนำเข้ากุ้งไทย เพราะตรวจพบว่ามีสารพิษตกค้างเกินกำหนดในปริมาณสูง(สารปฏิชีวนะ, ไนโตรฟลูแรน, ฯลฯ) ซึ่งเหล่านี้ก็หลงเหลือมาจากการใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะในกระบวนการเลี้ยงทั้งนั้น แถมยังเจออเมริกาฟ้องข้อหาไทยทุ่มตลาดกุ้งเข้าไปอีก ผลกระทบทำให้กุ้งราคาตกต่ำมาก ส่งออกไม่ได้ เกษตรกรขาดทุนจนต้องกู้หนี้ยืมสิน ห้องเย็น บริษัทขายอาหาร-ยากุ้ง เสียหายขาดทุนไปตามๆ กันเป็นลูกโซ่ ต้องปรับตัวกันยกใหญ่มาใช้ระบบชีวภาพ ทั้งเกษตรกรก็เปลี่ยนมาเลี้ยงกุ้งแบบชีวภาพ บริษัทขายอาหารและสารเคมี ก็หันมาวิจัย, ผลิตจุลินทรีย์ชีวภาพขายแทน แต่กระนั้นการเลี้ยงกุ้งชีวภาพก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเลี้ยงกุ้งอย่างหนาแน่นในฟาร์มจะเจอกับปัญหาโรคกุ้งสารพัด, กุ้งตาย, กุ้งไม่โต (นี่เป็นสาเหตุหนึ่งของการใช้ยาสารเคมีต่างๆ) ต้องหาทางแก้กันไม่หวาดไม่ไหว ดังนั้นการสามัคคีกันรวมกลุ่มกันเรียนรู้ จึงเป็นทางรอดทางออกที่สำคัญของกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้ง
และด้วยเหตุนี้ ธกส. เองซึ่งเป็นนายทุนปล่อยกู้ให้กับกลุ่มเกษตรกร ก็ได้เห็นแล้วว่า การสนับสนุนให้เงินทุนกับเกษตรกรอย่างเดียวคงไม่พอ ในเมื่อเกษตรกรลงทุนทำฟาร์มกุ้ง แล้วขาดทุนอยู่เรื่อย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ธกส. จึงหันมาใช้แนวคิดของ “โรงเรียนชาวนา” มาทำกับเกษตรกรกุ้งบ้าง โดย ธกส. ได้เปิดรับกลุ่มอาสาสมัครในแต่ละพื้นที่เข้าร่วมตั้ง “โรงเรียนกุ้งชีวภาพ” ขึ้นมา ให้งบสนับสนุนเป็นอาหารเลี้ยงกุ้ง มีการจัดประชุมกลุ่มหรือมาเรียนกันเดือนละ 2 ครั้ง ห่างกัน 2 อาทิตย์ โดยมาเล่าสถานการณ์, ปัญหาของฟาร์มกุ้งตนเองที่เจอ และร่วมกันหาทางแก้ปัญหาจากกลุ่ม มีบ่อตัวอย่างทดลองของโรงเรียนให้นักเรียนเกษตรกรร่วมกันเลี้ยง, ดูแล, ทดลองและเรียนรู้ นอกจากนี้ ธกส. ได้จัดพากลุ่มนักเรียนเกษตรกรไปดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงกุ้งชีวภาพและฟาร์มกุ้งอื่น เพื่อเอากลับมาปรับใช้เอง โดยอาหารกุ้งที่ให้แทนงบสนับสนุนก็ได้จากการไปดูงานแล้วกลับมาตั้งโรงงานทดลองผลิตทดลองใช้กันเอง
โครงการนี้ของ ธกส. เพิ่งเริ่มมาไม่นานในพื้นที่เลี้ยงกุ้งต่างๆ (รร. ที่ไปดูเป็นรุ่น 2) แม้ยังมองไม่เห็นผลสำเร็จที่ชัดเจน และยังต้องแสดงผลงานให้เกษตรกรกุ้งมั่นใจว่า การรวมกลุ่มกันเรียนรู้เป็นโรงเรียนกุ้งชีวภาพจะทำให้เขาได้ความรู้ดีๆ ไปใช้ในการทำฟาร์มกุ้งให้ประสบความสำเร็จ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการใช้พลังการเรียนรู้ของกลุ่มเพื่อข้ามวิกฤตที่เกิดขึ้น แล้วมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งก็ยังคงมีความหวังว่าธุรกิจกุ้งจะกลับมาดีและทำกำไรให้มากเหมือนเดิม
จากเรื่องราวที่ได้พูดคุยในวันนั้น แล้วลองย้อนกลับมานึกดู ก็พบว่า ในหลายๆ คน, กลุ่มคน, ชุมชน หรือองค์กร ที่มี “การจัดการความรู้” ก็เพราะต้องเจอกับ “วิกฤต” มาก่อนซึ่งนับได้ว่าเป็นแรงผลักดันสูง และต้องใช้พลังของกระบวนการเรียนรู้เป็นกลุ่ม/ เครือข่าย เพื่อสร้างความอยู่รอด จนกระทั่งประสบความสำเร็จ เอ! แต่ถ้ากลุ่มที่ยังไม่เกิดวิกฤตหล่ะ เขาจะรู้สึกว่าต้องใช้ “การจัดการความรู้” หรือไม่ หรือจะต้องรอให้เกิดภาวะวิกฤตขึ้นเสียก่อน ซึ่งคงไม่ดีแน่ค่ะ