ตอนนี้ก็เป็นอันว่าลูกสาวผมก็ตัดสินใจเรียน “หมอ” ค่อนข้างแน่นอนแล้ว โดยไม่ได้ไปมอบตัวเข้าเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ในวันที่ ๑๗ ที่ผ่านมา และยังคงรักษาสถานะของการเป็นนักศึกษาแพทย์ไว้ตามเดิม
ในการเรียนนั้นความสามารถที่ลูกสาวและลูกชายของผมภาคภูมิใจและมั่นใจในการสอบก็คือวิชาภาษาอังกฤษ
เบื้องหลังของเรื่องนี้ผมกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า เป็นผลของความทุ่มเทในการลงทุนกันทั้งครอบครัว ในทุกมุม ที่เมื่อเทียบกับครอบครัวอื่นๆที่มีความพยายามในทิศทางเดียวกัน ผมลงทุนเป็นตัวเงินน้อยกว่า แต่ใช้ความพยายามเอาใจใส่มากกว่า
ผมเริ่มตั้งแต่สอนลูกให้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เมนูเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่ ๓ ขวบ ให้เล่นเกมส์การ์ตูนสอนภาษา ให้มีเสียงไว้เลียนคำพูด มีรูปไว้ดูและจินตนาการถึงความหมายของคำ
ลักษณะเกมส์ทั้งหมดก็มีตั้งแต่เติมคำ จับคู่คำ และทายคำภาษาอังกฤษ และถ้ามีโอกาสผมจะเล่าเรื่องตลก ที่สะท้อนแนวคิดพื้นฐานของที่มาของภาษาอังกฤษ ให้เขาได้ตระหนักว่า การแปลภาษานั้นต้องมีบริบท และความหมาย จะแปลคำต่อคำไม่ได้ ส่วนใหญ่ต้องแปลทีละย่อหน้าจึงจะได้ความหมายที่ใกล้เคียงสภาพจริงๆของการสื่อความหมาย
ดังนั้นผมจึงแนะให้เดาความหมายไปก่อน ติดคำไหนก็เดาหรือข้ามไปก่อน แล้วค่อยย้อนมาดูความหมายที่น่าจะเป็น สุดท้ายจึงไปเปิดพจนานุกรม วิธีนี้จะทำให้เขาชินกับบริบทของคำที่อยู่ในภาษา ดีกว่าการเปิดพจนานุกรมคำต่อคำ
การฝึกแบบนี้ทำให้เขากล้าที่จะนำคำต่างๆมาใช้ในบริบทต่างๆ อย่างใกล้เคียงมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้างก็ปล่อยไป ถือเป็นบทเรียน เอามาล้อกันเล่นแบบเจ็บๆคันๆ แต่สร้างสรรค์
ประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เราต้องใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน และทำให้เป็นเรื่องสนุก ไว้ล้อกันเล่นแบบสร้างสรรค์ การเล่าเรื่องตลกทางภาษาที่สมมติบ้าง จริงบ้างในโอกาสต่างๆ ก็เป็นการสอนบริบทของภาษาในสังคมที่เขาใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ตอนแรกๆอาจจะไม่ค่อยขำ แต่พอนานๆไป ก็จะเริ่มขำได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นจึงต้องมีการจัดลำดับเรื่องตลก แบบขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง เพราะไม่งั้นจะเป็นตลกด้านๆ ที่อาจได้ผลตรงข้ามก็ได้
ในกระบวนการทั้งหมด ถ้ามีโอกาส ผมจะเชิญเพื่อนต่างชาติมาทานข้าวที่บ้านให้ทั้งลูกสาวและลูกชายได้ฝึกการพูด ที่ทำให้เขากล้าแสดงออก และรู้สึกว่า “อังกฤษ” ก็เป็นอีกภาษาหนึ่งที่ใช้สื่อสารกันได้ ถูกบ้างผิดบ้างก็เป็นธรรมดา ผิดก็แก้ไขครั้งต่อไป
และที่สำคัญ ผมจึงไม่เน้นการสอนไวยากรณ์ ให้อึดอัด แต่จะเริ่มอธิบายเชิงไวยากรณ์ ตามบริบทของภาษาเทียบเคียงกับภาษาไทย เฉพาะเมื่อเขาเริ่มใช้คำบางคำเป็นแล้วเท่านั้น
ประมาณว่าให้เขามีและเข้าใจจุดยืนในการใช้ภาษาเสียก่อน แล้วจึงนำจุดยืนที่เข้าใจนั้น เป็นจุดเริ่มต้นในการจัดระเบียบของการใช้ภาษาในเรื่องอื่นๆต่อไป
ดังนั้น ผมจึงเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ในบรรยากาศของการใช้ภาษา ฝึกการใช้คำ ฝึกการสร้างประโยค แล้วจึงฝึกทักษะในการสร้างประโยค
ที่สำคัญ ผมจะให้เขาเรียนตามที่เขาชอบ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ ที่มีทั้งเสียงและคำบรรยายไปพร้อมกัน
ต่อมาก็ดูภาพยนตร์ ที่เขาชอบตามวัยของเขา ในรูปแบบเดิม ก็คือมีเสียงในฟิล์ม และตัวหนังสือ
ดังนั้น ไม่น่าประหลาดใจว่าที่บ้านผมมีทั้งคอมพิวเตอร์เด็กเล่น เครื่องเล่นวีดีโอตั้งแต่รุ่นแรกๆ เรื่อยมา จนกลายมาเป็นดีวีดีในปัจจุบัน
นี่คือ “ทุน” ที่ผมลงให้กับลูกทั้งสองคน
ผลลัพธ์หรือครับ
ลูกชายของผม พูด อ่าน ฟัง และเขียนภาษาอังกฤษในระดับที่เขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโทได้ บรรยายผลงานเป็นภาษาอังกฤษได้
ลูกสาวผม อ่าน พูด ฟัง และเขียนบันทึกของตนเองเป็นภาษาอังกฤษทุกวันและสามารถโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่มัธยมต้น
โดยรวมผมคาดว่าลงทุนให้ลูกทั้งสองไม่เกินสองถึงสามแสนบาท ตลอดเวลา ๑๐ กว่าปี ที่น่าจะดีกว่าบางคนที่ส่งลูกไปเรียนภาษาในต่างประเทศหมดไปเป็นล้านบาทก็ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่องเลย และดูเหมือนจะได้ภาษามาแบบลวกๆ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ผมยังรู้สึกว่า วิธีที่ผมทำนี้เป็นธรรมชาติและคุ้มค่ากว่าครับ
ไม่ทราบว่าปรมาจารย์ด้านสอนภาษาอังกฤษอย่าง “ครูอ้อย” จะให้คะแนนพอผ่านกับวิธีการ “อำนวยการเรียนรู้” ของผมได้ไหมครับ
ขอแค่ไม่เป็น “๐” หรือ “ร” ก็พอใจแล้วครับ อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าสิ่งที่ผมทำไปอาจเป็นประโยชน์กับครูสอนภาษาอังกฤษ และพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกได้เรียนภาษาต่างประเทศ โดยการสอนด้วยตนเอง
ขอบคุณครับ
ลูกทั้ง 2 คน ของ อาจารย์โชคดี ที่มีคุณพ่อที่มีทั้งทุนทางความคิด และทุนเพียงพอที่จะสนับสนุนในสิ่งที่จะส่งเสริมในด้านการเรียนของลูก ๆ ซึ่งพ่อแม่หลาย ๆ คน คงจะมีและเป็นอย่างอาจารย์น้อยมาก (ดิฉันเปรียบเทียบกับสมัยเมื่อสิบกว่าปี ที่อาจารย์เล่ามานะคะ)
ขอบคุณมากคะสำหรับเทคนิคดี ๆ ที่นำมาเล่า ลูก ๆ 2 คนของดิฉันยังไม่โตมากนัก วันนี้ดิฉันได้เทคนิคดี ๆ ในการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกสาวแล้วค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ด้วยความเคารพ
อุทัย
อาจารย์มาแบ่งปันความรู้ ระดับประสบการณ์ชีวิต ที่ใช้ชีวิตตัวเองเป็นแบบอย่างแบบนี้ เป็นประโยชน์กับสมาชิก และผมได้รับความรู้ไปเต็มๆ
ประสบการณ์ของอาจารย์ อ่าน และคิดตามง่ายครับ แต่ผมคงต้องสะสมประสบการณ์อีกมากถึงจะสามารถปฏิบัติได้จริง
ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ
ขอบคุณครับ
จะพยายามเขียนประสบการณ์ตรง แต่เกรงว่าจะมีคนหมั่นไส้ครับ
เลยนานๆ หยอดมาสักที
ขออนุญาตทำบันทึกนี้ไปเผยแพร่ต่อกับนักศึกษาครูวิชาเอกภาษาอังกฤษที่ learners.in.th หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
จะนำเทคนิคนี้ไปบอกน้าให้สอนให้สอนลูกของน้าเพราะลูกชายของน้าสาวพึ่ง3ขวบยังเป็นไม่แก่อ่อนอยู่คงจะดันง่ายกว่าไม่แก่ที่เรียนมหาลัยแล้วภาษาอังกฤษยังอ่อนมาก
เป็นเทคนิคที่ดีนะค่ะ แต่พวกเขาเริ่มเรียนกันตั้งแต่เด็ก อยากขอคำแนะนำว่า ถ้าแก่แล้วจะมีเทคนิคอื่นรึป่าวค่ะ ----- *.*
- ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
- ขออนุญาตนำเคล็ดลับดีๆ มาใช้ในการฝึกฝนทักษะทางภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นด้วย
- หากมีความสงสัยในการเรียนภาษาอังกฤษ ขออนุญาตเข้ามาเรียนปรึกษานะค่ะ
ขอความอนุเคราะห์ด้วยค่ะ
เป็นวิธีการปลูกฝังทางภาษาที่ดีมากค่ะ เราควรจะปลูกฝังเด็กตั้งแต่ต้นเพื่อให้เขานำไปปรับใช้ในชีวิตจนเกิดเป็นนิสัย และขอนำแนวทางในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนี้ไปปรับใช้ด้วยอีกคนนะคะ
หนึ่งในนักศึกษาครูวิชาเอกภาษาอังกฤษที่ learners.in.th ของป้าเจี๊ยบค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ ขอเอาไปให้พี่สาวดูด้วยนะคะ อิอิ อยากมีหลานเก่งๆภาษาอังกฤษค่ะ กลัวเหมือนน้า..
สวัสดีค่ะ..ดรแสวงที่เคารพ
ขอบคุณค่ะ กับบทเรียนการอ่านบันทึกอย่างละเอียด...และ.....การตั้งชื่อบันทึกค่ะ
ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ
เทคนิคการสอนของอาจารย์เป็นวิธีที่ดีมากเลยค่ะ ขอนำไปใช้ด้วยนะคะ
ครูอ้อยไปตอบในบันทึกชื่อ ประโยชน์ของการตั้งชื่อบันทึกและการใส่ป้ายคำหลัก
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับทุกท่านที่มาแลกเปลี่ยน
ผมจะนำเสนอประเด็นคล้ายนี้ในระยะต่อๆไปครับ
ผมเห็นด้วยกับท่านครับ เพราะผมก็ใช้กับลูกชายได้ผลมาแล้ว .......ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อ่านนิยาย (ภาษาอังกฤษ)
ตอนเรียนมัธยมต้น เคยโดนครูตี เพราะไม่ท่องศัพท์มาแล้วด้วยครับ
ตอนเอ็นทรานส์ ได้ ภาษา อ. 81 คะแนน
ขณะนี้เขาเรียนแพทย์ ปี 4 อ่านตำราต่างประเทศทั้งหมด ไม่ท่องชีท ไม่อ่านตำราภาษาไทย
เด็กไทยเราส่วนใหญ่ เรียนผิดวิธีครับ ผมอยากให้ท่าน เผยแพร่วิธีเรียนที่ถูกต้องนี้ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นครับ
ด้วยความเคารพครับ
สวัสดีค่ะ
มาตามที่คุณแว้บส่งlinkมาให้ค่ะ
วิธีที่อาจารย์สอนลูก เป็นวิธีเดียวกับที่ดิฉันสอนค่ะ จะมาบอกว่า ได้ผลค่ะ
ให้เดาความหมายไปก่อน ติดคำไหนก็เดาหรือข้ามไปก่อน แล้วค่อยย้อนมาดูความหมายที่น่าจะเป็น สุดท้ายจึงไปเปิดพจนานุกรม
ทั้งตัวดิฉันเองและลูก ก็ไม่ชอบท่องศัพท์
ลูกเรียนที่เซ็นต์คาเบรียล ก็โดนครูทำโทษมาแล้ว เรื่องไม่ท่อศัพท์ แต่เขาทำคะแนนภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ
สมควรเผยแพร่ค่ะ วิธีนี้ ได้ผลค่ะ
ขอบคุณครับเพื่อนสมาชิก
ที่มองเห็นประโยชน์ของการสอนแบบนี้ เพื่อการพัฒนาการศึกษาครับ