ชนบท ชนหน้า ชนหลัง


เรากำลังเข้าสู่ยุคการศึกษาใหม่อย่างแท้จริงแล้วกระมัง ใครใคร่เรียน เรียน ใครใคร่รู้ รู้ ใครอยากตกรุ่น ก็เชิญเล่นตลกกับการศึกษาต่อไป

  ช่วงนี้มหาชีวาลัยอีสาน อบอุ่นด้วยมิตรไมตรีที่มากับคณะต่างๆ เมื่อวานนี้เราต้อนรับอาจารย์อุทัย อันพิมพ์ พี่ใหญ่ของน้องๆชาวพัฒนาบูราณาการศาสตร์ เป็นบรรยากาศที่ทุกคนเป็นผู้เรียน เริ่มที่เสียงทักทายกันอย่างชื่นมื่น ช่วยกันจัดโต๊ะเก้าอี้แล้วหยิบโน้ตบุ๊กออกมาวาง นั่งเรียงกันเป็นพระอันดับ เปิดอ่านข้อความบล็อก นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าเรียนตามอัธยาศัย เรากำลังเข้าสู่ยุคการศึกษาใหม่อย่างแท้จริงแล้วกระมัง ใครใคร่เรียน เรียน ใครใคร่รู้ รู้ ใครอยากตกรุ่น ก็เชิญเล่นตลกกับการศึกษาต่อไป 

  พี่ใหญ่เปิดประเด็นถามน้องนุ่งแต่ละคนว่าใครทำการบ้านไปถึงไหนแล้ว แสดงความห่วงหาอาทร เรียกความเป็นพี่น้องในครอบครัวกลับคืนมา ตรงจุดนี้จะแตกต่างจากเด็กยุคใหม่ ที่มีรูปแบบการใช้เวลาแบบแยกส่วน อ้างการบ้าน การงาน ใช้เวลาหมดไปกับความชอบส่วนตัวจนไม่เหลืออะไรไว้ในส่วนของครอบครัว ความสัมพันธ์กองกลางจึงกลวงและนับวันจะจืดชืด  ดำเนินชีวิตเริงสาธารณะ สารณัง กาละมังแตก  

   ช่วงกลางวันบางคนถนัดเข้าครัว ไปเด็ดถั่วฝักยาว คะน้าต้นอวบ เก็บไข่ไก่ มาใส่กระทะ ใส่เครื่องปรุง ชั่วไม่นานอาหารจานร้อนหอมฉุย ทยอยออกมาเรียงบนโต๊ะอาหาร เราวางตา มาใช้ช้อน เริ่มงานโภชนาการเข้าสู่กระเพาะ นี่คือการจัดการเรียนการสอนที่อร่อย สะอาด และสมานฉันท์ ที่มหาวิทยาลัยในระบบยากจะเห็นภาพแบบนี้  

    

  ตะวันรอนตอนบ่ายมาพร้อมกับท่านที่ปรึกษาของเรา ดร.แสวง รวยสูงเนิน ท่านไม่ได้มาคนเดียว มีสุภาพสตรีชาวต่างชาติมาด้วย อ่านตามนามบัตรที่ฝรั่งแจกตามธรรมเนียม ก็ทราบว่าเรากำลังต้อนรับแขกระดับวีไอพี. Dr.Barbara van Koppen IWMI International Water Management Institute เกิดอะไรขึ้นรู้ไหมครับ ท่านที่ปรึกษางัดเอาตำราการศึกษาแนวใหม่ ที่บอกว่าให้เอาสิ่งรอบข้างเป็นครู 

   ให้นักศึกษาทุกคนแนะนำตัวเอง และเล่าถึงหัวข้อที่ทำวิทยานิพนธ์ให้แขกฝรั่ง ไล่เรียงไปตามลำดับ ผมว่าตรงจุดนี้เป็นการสร้างความตระหนักแบบทันทีทันควัน ว่าการใช้ภาษาอังกฤษของบัณฑิตนั้นอย่างน้อยควรจะสื่อสารเบื้องต้นได้ ด้วยความสามัคคีเป็นพลังที่ช่วยให้ผู้ที่นั่งรอบโต๊ะ ช่วยกันแนะนำตัวเองผ่านไปได้อย่างน่ารัก  

  ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่า นักศึกษาบูรณาการศาสตร์นี่ไม่จิเจ้ยเลยนี่หว่า ถูกต้องแล้วครับ เขาเหล่านี้ไม่ได้เป็นนักศึกษาที่มีภูมิหลังดีเด่นหรือมีผลการศึกษาชั้นยอด แต่เป็นนักศึกษาธรรมดาๆแถมยังตาดำๆ ที่เราจะมายกชั้นความรู้ความสามารถ ด้วยการทำเรื่องธรรมดาให้มีคุณภาพแน่นเปรี๊ยะเล็กๆแบบพริกขี้หนู .ดร.อภิชัย พันธเสน กล่าวว่า คนเก่งๆเขาไปอยู่ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหมดแล้ว เหลือแต่ที่ธรรมดาๆนี่แหละที่เราจะปั้นดินให้เป็นดาว ..มหาวิทยาลัยทั่วไปผลิตนักศึกษาที่เก่งอยู่แล้วให้เก่งยิ่งขึ้น ของเราผลิตนักศึกษาที่ธรรมดาให้มีความสามารถมากขึ้น สิ่งนี้ใช่ไหมเล่าที่ .เสน่ห์ จามริก เคยบอกว่าการศึกษาเลิกสร้างยักษ์สร้างมาร แต่ควรจะหันมายกสถานะการศึกษาขึ้นเป็นแผงให้เท่าเทียมกัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 

   ช่วงบ่ายเราคุยเรื่องการจัดการน้ำอย่างกว้างขวาง หยิบกรณีการจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่าไม้ ในแต่ละส่วนมาพิจารณา ทำให้ทราบว่ามีไม่กี่ประเทศที่ยังคงเหลือรูปแบบการประกอบอาชีพแบบรายเล็กรายน้อยอย่างประเทศไทย แม้แต่ในอัฟริกา ยุโรป อเมริกา เปลี่ยนไปเป็นระบบการเกษตรขนาดใหญ่หมดแล้ว  

 คำถาม จากประธานสถาบันจัดการน้ำนานาชาติ สงสัยว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ เราเชื่อมั่นแค่ไหน เราเข้าใจการส่งเสริมการเกษตรรายย่อยอย่างไร อะไรเป็นจุดแข็งที่เราคิดว่าระบบการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงจะยืนหยัดอยู่ได้ ท่ามกลางระบอบการเกษตรเชิงอุตสาหกรรม 

  วิธีคิดชาวต่างชาติ เขาจะเริ่มวิเคราะห์โครงการภายใต้คำถามที่ว่า  วิทยาการเป็นอย่างไร ปัจจัยการผลิต น้ำ ปุ๋ย พันธุ์ พร้อมไหม ระบบการบริหารจัดการดีไหม ถ้าตอบคำถามหลักไม่กระจ่าง เขาจะฟันธงทันทีว่าเป็นไปไม่ได้ ต่อเมื่อเขามาเห็นคนอีสานปลูกอ้อย ปลูกมัน ทำนาข้าว ทำไร่ โดยที่ไม่มีระบบ เขาจึงแปลกใจมากว่ามันเป็นอย่างไร ทำไมถึงทำเช่นนี้  

  พวกเราช่วยกันอธิบายว่า การเกษตรแผนไทยใช้ภูมิปัญญาไทยเป็น ที่เราปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลังได้ โดยที่ไม่มีระบบการผลิตรองรับเช่นในประเทศของเขา เราใช้ศักยภาพของสิ่งแวดล้อมในเขตมรสุม เราใช้พืชพันธุ์ที่ทนแล้ง ต้องการน้ำน้อย ทำให้เรายังใช้วิธีทำเกษตรแบบอาศัยน้ำฝนได้ 

สรุป 

  1. นักศึกษาจะได้เรียนรู้จากผู้มาเยือน อธิบายความหลากหลายของสิ่งรอบข้างเป็นครูได้ชัดขึ้น เป็นโจทย์การเรียนรู้ที่มีเสน่ห์ ต้องหาเหตุผลมาตอบคำถามสดๆร้อนๆ
  2. ได้ทดสอบประสิทธิภาพการรู้และใช้ภาษาอังกฤษในสภาพจริง ถูกประเมินแบบไม่อ้อมค้อม
  3. ได้ตระหนักถึงปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ ในขณะเดียวกันก็มีมุมมองและวิธีคิดที่กว้างไกลยิ่งขึ้น
  4. ได้กระตุ้นให้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพราะไม่ทราบว่าจะมีใครมาทดสอบความรู้อีก

   พวกเรานำอาคันตุกะจากแดนไกล ไปชมระบบการจัดการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแบบต่างๆรอบบริเวณบ้าน แล้วจบลงด้วยการรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ดร.แสวง รวยสูงเนิน บอกว่า เขามาเชิญครูบาเป็นที่ปรึกษาโครงการ IWMI International Water Management Institute ครูบาจะรับไหมครับ 

  ในระหว่างรับประทานอาหาร มิตรประเทศจากแดนไกลสงสัยและเข้าใจไม่ได้ว่า ทำไมคนไทยถึงเอาสะเดาที่ขมปี๋ มาทำเป็นสูตรปลาเผาสะเดาลวกน้ำปลาหวาน ก็นี่ไงละภูมิปัญญาไทยแท้ แท้ทั้งแท่งเลยเชียวละ ดมก็ได้ กินก็ได้ ทำยาก็ได้  หมายเหตุ  ตำราอินเดียบอกว่า  กลิ่นหอมเย็นจากดอกสะเดา นอกจากช่วยให้สดชื่นแล้ว ยังทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายดีขึ้นด้วย        

 

หมายเลขบันทึก: 73704เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2007 06:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ดีใจที่นักศึกษาของครูบาได้ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย ระบบความคิดของฝรั่งในหลายอย่างน่าสนใจครับ
  • ผมได้ยินครูบาเล่าแบบนี้ชักอยากกินสะเดาซะแล้ว เขาว่าใบสีแดงสดจะขมมากใช่ไหมครับ
  • ขอบคุณมากครับผม

ผมแอบภูมิใจแทนมหาชีวาลัยแห่งภาคอีสาน จริงๆครับ

เป็นการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ภายใต้บรรยากาศที่ม่วนซื่น ที่แท้จริงครับ

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

ตอบ ครับ

- ตั้งแต่สมัยไหนมาแล้ว คนจัดการศึกษาจะต้องอธิบายเสียก่อน ว่าทำไมเราถึงต้องเรียน วิชาที่เรียนสำคัญและมีความหมายต่อผู้เรียนอย่างไร เมื่อผู้เรียนเข้าใจ การออกแบบการเรียนจะไม่เครียด สนุก เพราะผู้เรียนอยากเรียน ผู้สอนอยากถ่ายทอดความรู้  มันไม่หวานอมขมกลืน และเป็นทุกข์กับการเรียนสมัยนี้ ผมสงสารนักศึกษา เพราะไม่ทราบว่าวิชาที่เขาเรียนๆไปนั้น จะเอาไปสร้างประโยชน์ หรือมีประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างไร โดยเฉพาะภาควิชาพัฒนาสังคม ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีเรียน ประเด็น เนื้อหาสาระ อาจารย์บาส่วนยังงมโข่งอยู่กับกรอบความคิด และทฤษฎีพระเจ้าชเหา เด็กคนไหนไปเรียนด้วย ซวยโดยไม่รู้ตัว จบมาก็เบอะบะ บางคนต้องเปลี่ยนไปเรียนสาขาใหม่ ได้ปริญญามาเต็มข้างฝา  

  สะเดานี้ดีนะครับ กินแล้วสะเด่าสะเด็ดญาติ

จะเอายอดสีแดง สีเขียว สีช้ำเลือดช้ำหนอง มีให้ชิมทั้งนั้น ที่นี่ปลูกสะเดาไว้หลายพันต้น

เอาน้ำพริกน้ำปลาหวานไปหาต้นสะเดาที่มีร่มเงาเหมาะ  ก่อไฟเผาปลา เอาไม้สอยดอกสะเดาลงหม้อลวก เรียบร้อยแล้ว จัดการเติมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีพลังต้านโรคไข้หัวลม แถมยังเป็นยาระบายอ่อนๆ  นอนหลับง่าย

  ยังแปลกใจอยู่เรื่องเดียว ถ้าคนไหนมีพยาธิในท้อง พยาธิมันจะชอบความขมหรือเป่านะ

"นักศึกษาบูรณาการศาสตร์นี่ไม่จิเจ้ยเลยนี่หว่า"

จิเจ้ย แปลว่าอะไรครับ

เคยอ่านกลอนของนายผี (อัศนี พลจันทร) ท่านใช้คำว่า ไม่ยี่เจ้ย ในกลอนบทหนึ่งไม่ทราบว่า เป็นคำเดียวกับคำว่า จิเจ้ย นี้หรือเปล่าครับ






พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท