บันทึกนี้ได้รับแนวคิดจากการอ่านบันทึกของ ดร.แสวง รวยสูงเนิน ชือบันทึก ระบบนิเวศน์ต้องกลับคืนมา : เป็นคำตอบสุดท้าย(http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/72171)
ซึ่งทำให้ผมคิดว่าหากเราค้นหาและนำเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการรักษาระบบนิเวศน์มาบอกต่อ ย่อมส่งผลต่อการขยายผลหรือส่งเสริมให้เกษตรกรทั่วไปได้ทำการเกษตรที่คำนึงถึงระบบนิเวศน์ ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในแปลงเกษตรมากยิ่งขึ้น สิ่งดีๆ อื่นๆ ย่อมจะตามมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแมลงศัตรูธรรมชาติเพิ่มขึ้น สภาพของดินที่ดีขึ้น การใช้สารเคมีในการเกษตรลดลงจนเลิกใช้ ผลผลิตปลอดภัย คนปลูก-คนกินก็สุขภาพดีตามมาอย่างแน่นอน
วันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและพี่วิโรจน์ พ่วงกลัด และคุณดรรชนี เมธเศรษฐ ได้ไปนิเทศงานที่สำนักงานเกษตรอำเภอคลองลาน ขากลับเราแวะเยี่ยมเกษตรกรผู้นำที่ตำบลคลองแม่ลาย อำเภอเมืองกำแพงเพชร เกษตรกรท่านนี้คือพี่อุดม ทองช้าง อดีตหัวหน้าฝ่ายบริหาร สำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ที่เกษียณตัวเองก่อนกำหนดตามโครงการเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และปัจจุบันทำการเกษตรตามที่ตั้งใจไว้
เมื่อพบปะพูดคุยกันเกี่ยวกับการเกษตรโดยทั่วๆ ไป มีอยู่ตอนหนึ่งพี่อุดมได้บอกกับพวกเราทีเล่นทีจริงว่า การตัดสินการประกวดเกษตรกรดีเด่นสาขาการทำสวนของพวกเราน่าจะตัดสินไม่ถูกต้อง เพราะเรามักจะให้คะแนนแปลงปลูกที่สวนเตียน และสวยงามมากกว่าแปลงที่ดูรกๆ แต่ที่ถูกต้องในการตัดสินว่าเกษตรกรสาขาทำสวนที่เก่งและควรจะได้คะแนนมากๆ น่าจะเป็นสวนที่รกๆ เพราะจากการสังเกตจากการปฏิบัติจริงในสวนลำไยของพี่อุดมบอกว่าหากปีไหนเราตัดหญ้าให้เตียนตลอดเวลา ปีนั้นใบลำไยอ่อนจะถูกรบกวนจากแมลงมาก แต่หากปล่อยให้รกๆ กลับพบว่า การทำลายของแมลงลดลง เพราะมีพืชอาศัยและพืชอาหารเพียงพอนั่นเอง
เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ง่ายๆ และไม่ยากในการปฏิบัติ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ได้จากการสังเกต และปฏิบัติจริงที่อยากนำมา ลปรร. ที่ทำให้พวกเราถึงบางอ้อว่า ทำไมเกษตรกรดีเด่นสาขาไม้ผลที่ปล่อยให้สวนรกน่าจะได้คะแนนมากกว่าสวนที่เตียนโล่ง เพราะเกษตรกรคนนั้นจะเป็นผู้รู้จริงในการทำสวนที่ช่วยรักษาระบบนิเวศน์และเข้าใจในการใช้ธรรมชาติจัดการกันเองในแปลงเกษตรนั่นเอง
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.ครับ
วีรยุทธ สมป่าสัก
ผมเห็นบ้านพี่อุดมโดดเด่นและเหมาะมากสำหรับการพักผ่อนเลยขอนำภาพมาฝากทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนบล็อกนี้เพื่อพักสายตาครับ
ท่านสิงห์ป่าสัก
การกลับมายังต้องมีขั้นตอน เหมือนกับบันไดไต่ขึ้นลงเขา
ไต่ขึ้น-ลง โดยไม่มีบันไดจะลำบาก โดดลงขาก็อาจหักได้
นี่คือแนวคิดสำคัญครับ
ตอนนี้ผมกำลังหาทางสร้างบันไดการพัฒนาในชุมชน
ผมคิดว่า KMธรรมชาติ ในชุมชน คือเครื่องมือที่ดีที่สุดครับ
น้องสิงห์ป่าสัก ครับ
เป็นข้อมูลความรู้ภูมิปัญญาที่ดีมาก
ผมจึงให้ครูอาสาฯได้อ่านบล็อกของน้องสิงห์ป่าสักเป็นประจำ เปรียบเหมือใบความรู้หรือใบงานก่อนที่ครู ครู กศน.จะออกไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนในเวทีเรียนรู้กับชาวบ้าน...นั่นในส่วนของเนื้อหา ไมว่าจะบทความอะไร
ที่สำคัญคืออยากให้เขาได้ซาบซึ้งในคุณค่าของการบันทึกและเผยแพร่ความรู้ที่มีอยู่ในตัวของบุคลากร กศน.เหล่านั้น ซึ่งปีนี้เราเน้นหนักเรื่องการเอาความรู้ที่สั่งสมออกสู่ภายนอก มีแผนการพบกลุ่มทีมคุณลิขิต 8 ครั้งต่อปี กว่าจะถึงกำหนดนัดหมายพบกลุ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนก็ได้ทำการบ้านทำงานมีประสบการณ์ คงจะได้มีเรื่องเล่า
การเรียนรู้เทคนิคการเขียนของบล็อกเกอร์แต่ละคนเป็นการเรียนรู้เทคนิคอย่างหนึ่งที่ทางโครงการเราได้มอบหมายให้ไปทำการบ้าน
ขอบคุณที่ได้เป็นตัวอย่างดีๆให้น้องๆชาว กศน....เท่าที่ผมสังเกตดูเนื้อหาที่ครู กศน.ไปทำหน้าที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับการเกษตรนี่แหละครับ
ตามครูนงมาค่ะ...เลยมาเจอเรื่องดีๆ...เห็นมั๊ย...คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล....เลยมาเจอจุดพักสายตาที่สวยมาก...และเจอเรื่องราว"สวนรก" กับ"สวนเตีนยโล่ง" ฮึมม์...
เรียน ดร.แสวง
เรียน ครูนงเมืองคอน
เรียน ท่านพี่เมตตา
ความรก ก็ปิดทางแมลงได้ดีทีเดียว
ภูมิปัญญาไทย สมควรแบ่งปันเลยครับ
เรียน คุณ ตาหยู
ขอบพระคุณมากครับ ที่แวะเข้ามา ลปรร.