GotoKnow

ชีวิตที่พอเพียง  4910. สุขภาวะทางปัญญา 4

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2025 14:26 น. ()

 

บันทึกที่ ๑   บันทึกที่ ๒   บันทึกที่ ๓ 

เช้าวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๘ ระหว่างเดินออกกำลัง    ผมพบการสนทนาในยูทูปเรื่อง  Artificial Intelligence and Our Spiritual Imagination  ฟังแล้วรู้ทันทีว่าเป็นมุมมองของปราชญ์อัฟริกัน ที่ไปรับการศึกษามาจากยุโรป  มีความลุ่มลึกในระดับที่ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง   พอจะจับใจความได้ว่า AI จะช่วยให้เราตั้งคำถามต่อประเด็นที่เป็นเรื่องภายในจิตใจของเรา    เน้นที่การตั้งคำถาม ไม่ใช่การให้คำตอบ   มนุษย์ต้องให้คำตอบเองจากประสบการณ์ของตน ไม่ใช่ยกให้ AI ให้คำตอบ     

ติดใจที่คำว่า spiritual imagination   ที่เมื่อค้น ก็พบ Center for Spiritual Imagination   ที่เน้นการฝึกสมาธิ (contemplation) เพื่อยกระดับจิตตปัญญา   

เมื่อกลับมาค้นที่บ้าน ก็พบ Garrison Institute  ที่ทำงานส่งเสริม   Contemplative-Based Resilience (CBR)    โดยเขาบอกว่า คนทำงานด้านบริการสุขภาพ และบริการสังคม ร้อยละ ๕๐ - ๖๐ ในสหรัฐอเมริกา เผชิญปัญหา secondary traumatic stress (STS)   ที่มีอาการวิตกกังวล  นอนไม่หลับ ซึมเศร้า   สถาบันแกริสันให้บริการการฝึก CBR    ซึ่งก็คือการฝึกสติภาวนานั่นเอง    เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีเครื่องมือสำหรับพัฒนาความเข้าใจตนเอง (self-awareness)  และดูแลตนเอง (self-care)   เพื่อให้สามารถให้บริการสุขภาวะได้อย่างดี  และตนเองก็มีสุขภาวะด้วย   ผมเข้าใจว่าเรื่องนี้ในประเทศไทย นพ. ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ เป็นผู้นำท่านหนึ่ง   

  ผมตีความว่า การเติบโตภายใน  กับการทำให้ตัวตนเล็กลง ส่งเสริมซึ่งกันและกัน    ดังนั้น คนที่ทำงานช่วยเหลือผู้อื่น คือผู้ให้บริการสุขภาพ กับผู้ให้บริการทางสังคม หากไม่คุมสติให้ดี ความรู้สึกตัวตนของตนเองจะพองขึ้น   เพราะตนเป็นผู้ช่วยเหลือ  ความรู้สึกเช่นนั้นเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตภายใน

ผมได้เรียนรู้มาราวๆ สี่สิบปีว่า คนเป็นหมอต้องป้องกันตัวเองโดยฝึก empathy   ต้องระวังไม่รู้สึก sympathy ต่อความทุกข์ทรมานของผู้ป่วย    เพราะความรู้สึก sympathy เป็นการรับเอาความทุกข์เหล่านั้นมาใส่ตัว    แต่ empathy เป็นการรับรู้และเข้าใจความทุกข์เหล่านั้น แต่ไม่รับเอามาใส่ตัว   ผมจึงตีความว่าคนทำงานเพื่อสังคมและเพื่อคนอื่น ต้องเรียนรู้วิธีป้องกันตนเองในเรื่อง empathy – not sympathy   ที่ผมตีความว่า empathy เป็นเมตตาผสมอุเบกขา             

ค่ำวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗ ผมได้รับอีเมล์จาก เว็บไซต์ Action for Happiness  ส่งปฏิทินเดือนมกราคม ๒๕๖๘ Happier Diary เพื่อการปฏิบัติสู่สุขภาวะ    ที่น่าจะเน้นที่สุขภาวะทางจิตปัญญา ของตัวเราเอง  ของคนรอบข้าง  และของสังคม ดังนี้       

ช่วยให้ผมสะท้อนคิดว่า สุขภาวะทางจิตปัญญาได้จากการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ    จนเป็นนิสัย   และทำต่อเนื่องเรื่อยไปตลอดชีวิต    สุขภาวะทางจิตปัญญาจึงเป็นการเดินทาง ไม่ใช่ผลสำเร็จหรือปลายทาง 

วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๘ มีการประชุมคณะกรรมการจัดประชุมวิชาการ สุขภาวะทางจิตปัญญา ๒๕๖๘ (๒๗ กุมภาพันธ์ - ๒ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่สามย่านมิตรทาวน์)   เป็นการประชุมที่มีคุณภาพสูงมาก    ผมได้รับความรู้ลึกๆ ด้านจิตปัญญามาก   เห็นได้ชัดว่าทีมงานจัดการประชุมวิชาการทำงานเข้มแข็งมาก           

ฟังแล้วผมคิดว่า พลังสำคัญมากในงานน่าจะเป็นเรื่องเล่าของคนหรือกลุ่มคนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในระดับรากฐาน (inner transformation) ที่ราชบัณฑิตแตะนำคำว่า “เปลี่ยนขาด”  ที่มีเรื่องราวแตกต่างหลากหลาย ในคนหลากหลายวิถีชีวิต    ว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนขาดภายในแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร   

ผมดีใจที่ครูใหญ่วิเชียรจะนำทีมโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนามาเล่าวิธีการปลูกฝังสุขภาวะทางปัญญาโดยวิธีการที่เรียกว่า “จิตศึกษา” อย่างไร    ผมเชื่อว่าเรื่องสุขภาวะทางปัญญา ต้องปลูกฝังตั้งแต่เป็นเด็ก   จะเป็นคุณสมบัติติดตัว ช่วยสร้างความมั่นคงทางใจและอารมณ์ ไปตลอดชีวิต           

วิจารณ์ พานิช

๖ ม.ค. ๖๘

    

 

 

 

 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ


ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย