3 วันอันตราย : เมื่อผมเลิกดื่มกาแฟ


เป็นประสบการณ์เล็กๆ ที่ นำมา ลปรร.ครับ ขอให้กำลังใจสำหรับท่านที่ต้องการจะเลิกดื่มกาแฟนะครับว่า "เราต้องทำได้"

          ผมตั้งชื่อบันทึกเพื่อเลียนแบบ 7 วันอันตรายของการรณรงค์ช่วงปีใหม่ครับ จริง แล้วไม่ใช่เรื่องอันตรายอะไรหรอกครับ เพียงแต่อยากเล่าประสบการณ์ 3 วันแรกของการ "เลิกดื่มกาแฟ" ของผมเองมาฝากเพื่อชาวบล็อกครับ

          ผมดื่มกาแฟมาประมาณ 20 ปี ติดต่อกันครับ มีเว้นบ้างก็ได้ไม่เกิน 1 วัน เพราะจะมีอาการปวดหัว ทนไม่ไหวก็ต้องรีบหามาดื่ม และที่สำคัญจากประสบการณ์จะต้องดท่มไม่เกิน 11.00 น.ช่วงเช้า ไม่เช่นนั้นเป็นเรื่องครับ จะปวดหัวไปทั้งวัน ผมรู้ตัวเองครับว่า "ผมติดกาแฟ" ครับ

          แต่วันที่ผมบันทึกนี้ ผมบันทึกช่วงพักกลางวันที่สำนักงานเกษตรอำเภอคลองลาน เป็นวันมานิเทศงานประจำเดือนมกราคม 2550 และเป็นวันที่ 4 แล้วที่ผมไม่ดื่มกาแฟ และผมกำลังจะบอกกำตัวเองว่า "ผมเลิกกาแฟได้แล้ว"  หลายท่านคงเลิกไม่ยากแต่สำหรับผมแล้วทดลองหลายครั้งแต่ทนปวดหัวไม่ไหวยอมแพ้กาแฟทุกครั้งไป

          ท่านที่อยากเลิกผมมีประสบการณ์ที่จะแลกเปลี่ยนดังนี้ครับ

  • เริ่มต้นที่ต้องตั้งใจให้แน่วแน่ครับว่า เลิกให้ได้
  • หาวันที่จะเริ่มต้นให้ดี ต้องเป็นวันสบายๆ สำหรับผมเอาวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดครับ เพราะเราจะหงุดหงิดและปวดหัวมาก
  • พอรู้ตัวว่าร่างกายเริ่มแสดงอาการก็หาที่นอนครับ  ทำอะไรไม่ได้เลยครับ  วันแรกเหมือนกับจะเป็นไข้ จึงต้องนอนลูกเดียวครับ
  • วันแรก ปวดหัวและหงุดหงิดมากจนถึงตอนเข้านอนเลยนะครับ(สำหรับตัวผมเอง) ต้องอดทน และปล่อยให้ร่างกายมันเป็นไปตามวิถีของมัน  ช่างมันแต่เราต้องมีสติและควบคุมจิตใจเราให้ปล่อยวางให้ได้
  • วันที่ 2 อาการก็เริ่มอีก ตั้งแต่ช่วงสายๆ  วันที่สองนี้จนถึงประมาณ 6 โมงเย็นครับ จึงจะค่อยเป็นปกติ
  • วันที่ 3 ก็ยังแสดงอาการอยู่นะครับ แต่พอช่วงบ่ายๆ ก็เป็นปกติ
  • วันนี้เป็นวันที่ 4 ครับ เป็นปกติแล้วครับ

          หลายท่านอาจไม่เห็นด้วยที่จะต้องเลิก หรือบางท่านก็เลิกไม่ยาก คงนานาจิตตังนะครับ ผมไม่อยากให้วัตถุหรือสิ่งที่อยู่นอกกายมามีอิธิพลต่อร่างกาย และต้องพึ่งพาสิ่งใดๆ ในการดำรงชีพ (เอาเป็นทางการหน่อย ...อิอิ)

          เป็นประสบการณ์เล็กๆ ที่ นำมา ลปรร.ครับ ขอให้กำลังใจสำหรับท่านที่ต้องการจะเลิกดื่มกาแฟนะครับว่า "เราต้องทำได้" ครับ

วีรยุทธ  สมป่าสัก

คำสำคัญ (Tags): #kfcop#เลิกดื่มกาแฟ
หมายเลขบันทึก: 71865เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2007 13:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 11:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)
  • ขอชื่นชมที่สามารถเอาชนะใจตนเองได้ เก่งจริง ๆ คะ
  • ขอแสดงความยินดีที่จะเป็นคนที่มีสุขภาพดี
  • ขอแสดงความยินดีไปยังครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน(อยู่กับครอบครัวได้นาน และประหยัดค่ากาแฟ)

 

เป็นบทความที่น่าสนใจ  และจะลองนำไปปฏิบัติเพราะต้องการเลิกดื่มกาแฟเหมือนกัน ( อยากมีสุขภาพที่ดีบ้างแถมประหยัดรายจ่ายให้กับครอบครัวอีกด้วย )

ลุ้น...ให้ผ่านไปให้ได้ครับ

....

จะพูดไปกาแฟก็เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ประโยชน์น้อยนะครับ

ให้กำลังใจครับ

มาตามลุ้นค่ะ...ติดกาแฟ...ติดที่กลิ่น...เย้ายวนจมูก...เชื่อมโยงไปถึง...มีคาเฟอีนที่กระตุ้นต่อมตื่นตัว...กระปี้กระเปล่า" (ไม่รวมตื่นเต้น) ร่างกายได้รับกระกระตุ้นพลังนิดหน่อยของคาเฟอีน...แต่ใจคิดว่ามาก...ถึงกัยอมรับว่าติดกาแฟ...แพ้ใจตนเองเรื่อยมากับกลิ่นยวนใจ.....ประมาณว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา...ยังไงยังงั๊น....ดิฉั๊นเองใช่ว่าทำได้นะคะ..ติดๆ..เลิกๆ ไปหลายรอบ เหตุแห่งการเลิกไม่ขาดคือ..."ติดใจ" นั่นเอง.....อาการปวดหัว....ตัวร้อนซึมเซา...ดิฉั๊นสรุปว่าล้วนอุปทาน.....เพิ่งเมื่อวานนี้เองที่กินกาแฟมีคนมาบอกว่าไมกลัวหน้าแก่...หรือไง...ดิฉั๊นจึงคิดอีกครั้ง...มาพบบันทึกนี้...ขอบคุณค่ะ...เราร่วมเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกเรื่องนะคะ....

สรุปแล้ว เหตุผลที่พี่จิ๊บจะเลิกดื่มอย่างจริงจัง คือ "กลัวน่าแก่"

.........

ประเด็นนี้จริงเหรอครับ...

ท่านผู้รู้รบกวนให้ความเห็นหน่อย ว่าดื่มกาแฟแล้วน่าแก่จริงหรือ ???

 

ดีใจและชื่นชมที่เลิกกาแฟได้ค่ะ... 

ตัวเล็กเองเคยพยายามเลิกเช่นกันแต่ไม่ได้ผล...สงกะสัยว่าต้องไปเลิกที่ถ้ำกระบอก อิอิอิ...^_____^

ผมก็ดื่มกาแฟเป็นประจำตั้งแต่ทำงานมาเลย ด้วยความรู้สึกว่า "เทห์" และแอคท่าดื่มเหมือนในโฆษณา

และต้องยี่ห้อดังๆซะด้วย

แค่เนสกาแฟนี่อย่าเอามาให้ระคายสายตา

ผมไม่ชอบดื่มเป็นถ้วยกาแฟ มันไม่อิ่ม ไม่สะใจ เพราะผมดื่มแทนน้ำ ต้องเป็นเหยือก แบบเหยือกเบียร์นั่นแหละครับ ทีละอย่างน้อย ๑ เหยือก วันละอย่างน้อย ๓ ครั้ง

จนอีกประมาณ ๑๕ กว่าปีต่อมา (๒๕๓๕)  ผมมีอาการเวียนหัวบ่อยๆแบบไม่ทราบสาเหตุ นึกว่าขาดกลูโคส เลยลองกินขนม น้ำผึ้งทุกครั้ง จนน้ำหนักขึ้นเกือบ ๑๐ กก. ก็ไม่หาย

ไปโรงพยาบาลจนหมอเบื่อ เข้าห้องฉุกเฉินจนพยาบาลรำคาญ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง

ไปหาหมอโรงพยาบาลศรีนครินทร์เกือบทุกห้อง ยกเว้นห้องสูตินารี กับ หมอฟัน

ตรวจร่างกายทุกระบบจนวิน(ภาษาอีสาน)

หมอให้ยามาลองทุกขนานเท่าที่หมอนึกออก

แม้กระทั่งยากดประสาททำให้ผมหลับอยู่เกือบ ๒ วัน ก็ยังไม่ได้ผล (ทำให้ผมเสียความรู้สึกกับการไป "พึ่งหมอ" อย่างไม่คิดจะเป็นญาติกับหมอสักคนในโลกนี้)

ผมเลยกลับมานั่งทบทวนด้วยตัวเองว่าผมเป็นอะไร ตอนไหน

ได้ข้อสรุปว่า

ผมจะเวียนหัวแบบหมดแรงขยับร่างกายไม่ได้ แค่คิดก็เหนื่อยเมื่อ

  • เครียด
  • และหรือ นอนไม่เต็มที่
  • และหรือ ดื่มเหล้า
  • และหรือ ดื่มกาแฟ

ลองแก้โดย

  • การลดทีละอย่าง
  • และลองเพิ่มทีละอย่าง
  • กลับไปกลับมา
  • พบว่า ในวงจรการแก้ เพียงไม่มีกาแฟก็ได้แล้ว

อาการเวียนหัวหายไป

  • เลยมีข้ออ้างที่จะเลิกกาแฟ
  • และเลิกการเครียด โดยการทำสมาธิ อนาปนสติ

แต่ยังหาไม่สามารถหาข้ออ้างที่จะไม่อดนอนได้ เพราะยังปกติดีอยู่ถึงทุกวันนี้

และยังหาข้ออ้างที่จะไม่จิบไวน์เป็นบางโอกาส เพราะก็ยังไม่มีปัญหาอะไร

อ้อ ผมลืมบอกว่าผมเคยติดบุหรี่เช่นกันอยู่สัก ๑๐ กว่าปี แต่เลิกเพราะเหม็นบุหรี่ สูบแล้วเหม็นมือ เหม็นเสื้อผ้า แล้วก็รำคาญตอนพกใส่กระเป๋าเสื้อ มันเกะกะ

ผมอยากจะเลิกก็เลิก แบบไม่มีอาการใดๆ ผมเลยไม่รู้จะบอกคนอื่นว่าอย่างไร

ก็แค่บอกว่าอยากเลิกก็เลิกเท่านั้นเอง บางทีผมเลยมองคนที่ยังติดกาแฟ ติดบุหรี่ เหล้าว่าจิตใจอ่อนแอ เลิกแค่นี้ก็ไม่ได้ (ไปโน่น) แล้วจะทำอะไรได้

 แต่นิสัยผมยังติดอยู่นาน

ผมจับปากกาแบบคีบบุหรี่อยู่หลายปี และดื่มน้ำแบบจิบเหล้าอยู่จนถึงทุกวันนี้

ยังเลิกไม่ได้ครับ ใครทราบบอกทีครับ

อ่านบันทึกนี้แล้วเกิดอาการ  "สะอึก"  เล็กน้อยถึงปานกลางค่ะ

เคยทราบจากการอ่านหนังสือว่า  ดื่มกาแฟมากๆ  จะทำให้แก่เร็ว   ผิวพรรณไม่สวย  ตกกระ     แต่ถึงแม้ทราบก็ยังไม่เลิกค่ะ    บอกกับตัวเองว่า ช่ามันเถอะ

แต่เรื่องปวดหัว   นี่....น่าคิดนะ   เพราะว่าเป็นเหมือนกันค่ะ

  • ตูนกำลังจะเริ่มติดกาแฟค่ะ (ติดกาแฟเย็นเซเว่นอีเลฟเว่นค่ะ  เพราะมีสะสมแสตมป์แลกของเลยต้องพยายามกินทุกวัน)
  • คิดว่าคงต้องรีบกลับเนื้อกลับตัวเพราะยังติดไม่มากค่ะ
  • ขอบคุณคุณสิงห์ป่าสักนะคะ  ที่เขียนบันทึกนี้มาเตือนกันไว้...ก่อนจะเลิกยากน่ะค่ะ

เรียน คุณกอบัว

  • สวัสดีปีใหม่ครับ
  • ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน
  • ยินดีที่ได้ ลปรร.ครับ

เรียน ท่านที่ไม่แสดงตน

  • สวัสดีปีใหม่ครับ
  • ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะครับ ที่จะเลิกดื่มกาแฟ ไม่ยากเลยครับ
  • "อด - อดทน" ครับ

เรียน น้องจตุพร ท่านพี่เมตตา และพี่เล็ก

  • ขอบพระคุณทุกท่านนะครับที่แวะมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ
  • วันนี้ปกติดีแล้ว น่าจะสอบผ่านแล้วนะครับ 

เรียน ดร.แสวง

  • ผมอ่านการเขียนของอาจารย์เพลินครับ ต้องอ่านซ้ำเพราะทำให้ได้ความรู้และคิดตามไปด้วย
  • ผมลองสอบถามดูหลายๆ คนก็ไม่มีอาการอะไรเหมือนกับอาจารย์เลยครับ ต้องการเลิกก็คือไม่ดื่ม แต่ของผมไม่ง่ายเลยจริงๆ ครับ ถึงกับนอนคล้ายกับป่วย-หมดแรงมาหลายครั้งเมื่อลองหยุดดื่มกาแฟ (ได้ไม่เคยเกิน 1 วัน)
  • ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

เรียน คุณนิดหน่อย

  • เป็นเหมือนกันนะครับ ปวดหัว ไม่มีสมาธิ
  • เพียงแต่อดทนครับ  วันนี้เป็นปกติดีครับ(วันที่4) และทั้งวันก็ไม่ง่วงเลย
  • ขอเอาใจช่วยล่วงหน้านะครับหากจะเลิกดื่มกาแฟ

เรียน คุณตูน

  • หากเลิกได้ก็คงเหมือนกับที่น้องจตุพรบอกไว้คือไม่เสียตังค์ และอีกหลายท่านที่ว่าจะส่งผลดีต่อสุขภาพนะครับ
  • ขอบพระคุณมากครับที่แวะมา ลปรร.

อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ยุทธ...

กะปุ๋มเป็นคนหนึ่งที่ชอบดื่มกาแฟ...แต่ไม่แน่ใจว่าติดหรือเปล่า...เพราะดื่มก็ได้...หยุดดื่มก็ได้...ไม่มี effect อะไรต่อร่างกายค่ะ..ดื่มแล้วก็ยังหลับได้..ดื่มแล้วก็ยังง่วงได้ค่ะ...และที่สำคัญ..ชอบดื่มกาแฟสดเอสเปรซโซ่ค่ะ...แก่ๆ..แต่ไม่กลัวหน้าแก่ค่ะ...อิอิ

......

หากไม่มีกาแฟสด...ก็ดื่มกาแฟดำใส่น้ำผึ่งค่ะ...กลมกล่อมดีค่ะ...อ้อ...ลิมไปค่ะมี effect อย่างเดียวค่ะ...คือท้องเสีย...เพราะแพ้นมหรือครีมบางยี่ห้อที่ใส่ในกาแฟค่ะ....

กะปุ๋มก็หยุดๆ...เลิกๆ...สุดท้ายก็เลยปล่อยไปตามธรรมชาติค่ะเพราะพิจารณาแล้ว...ดื่มหรือไม่ดื่มก็ไม่ต่างกันภายในร่างกายค่ะ...แต่ดื่มเพราะ...เพลินดีค่ะ...

(^______^)

กะปุ๋ม

 

เรียน  ดร.กะปุ๋ม

  • สวัสดีตอนสายๆ ครับ ดร.กะปุ๋ม
  • ดีจังครับที่ดื่มหรือไม่ดื่มก็ไม่แตกต่างกัน แต่สำหรับผมแล้วหากไม่ดื่มจะออกอาการติดครับ เลยคิดจะเลิก
  • ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาทักทายและ ลปรร.
ชอบดื่มกาแฟเหมือนกันครับ แต่ถ้าไม่ได้ดื่ม 2-3 วันก็ไม่เป็นอะไร  ดื่มกลางคืนก็ยังหลับ ชอบในกลิ่น กับรสขมๆ ครับ เลยยังไม่คิดจะเลิก     แต่ก็เป็นกำลังใจให้เลิกสำเร็จนะครับ

กินกาแฟเหมือนกันค่ะ วันละ 1 แก้ว (ปริมาณกาแฟ 1 ช้อนชา ไม่พูน) จะเรียกว่าติดไหมเน๊าะ แต่ถ้าไม่กินซะเลย จะง่วงๆ ตอนสายๆ ค่ะ ... แต่ก็กินไม่มากกว่านี้ เว้นเสียแต่ถ้ามีประชุม จะเพิ่มอีก 1 มื้อค่ะ

... แล้วอย่างนี้จะเลิกมั่งดีมั๊ยน๊า

วันนี้...มีเพื่อนรักที่เป็น กาแฟมาเนีย สมัยเรียนด้วยกัน ที่ มช.ก็โดดเรียนไปจิบกาแฟบ่อยๆ

โทรมาจากแปดริ้ว บอกผมว่า กาแฟผสมน้ำผึ้ง รสอร่อย กลมกล่อม นะจะบอกให้ ...

บอกผมอีกว่าอย่าเพิ่งเลิก เพราะจะมาเชียงใหม่ชวนนายไปจิบกาแฟสด

ผมควรจะลอง หรือ ควรจะคิดเลิกดีเนี่ยะ!!!

เลิกแล้ว ก็คิดว่าดีก็แล้วกันครับ

แต่ใครที่ยังไม่เลิก และกำลังอยากจะเลิก ลองคิดดูใหม่ก็ได้ครับ

งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกา พบว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว มีโอกาสเกิดโรคพาร์คินสัน น้อยลงถึง 5 เท่า

การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ผู้ชายที่ดื่มกาแฟเกินวันละ 6 แก้ว ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ราวร้อยละ 50 ในผู้หญิงลดได้เกือบร้อยละ 30

สถาบันมะเร็งของญี่ปุ่นกล่าวว่า การดื่มกาแฟวันละ 3-4 แก้วอาจลดความเสี่ยงต่อมะเร็งตับลงครึ่งหนึ่ง

[อ้างอิง สรรสาระ ฉบับเดือนมกราคม 2550]

อ่านแล้ว คุณสิงห์ป่าสัก จะเปลี่ยนใจกลับมาดื่มกาแฟต่อ ดีมั้ยเอ่ย

เรียน คุณเจษฎา

  •  สวัสดีปีใหม่ครับ
  • ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาเยียมเยียนและให้กำลังใจ

เรียน คุณหมอนนทลี

  • ผมไม่ได้ต่อต้านหรือไม่ชอบการดื่มกาแฟนะครับ  เพียงแต่เวลาวันไหนไม่ได้ดื่ม จะรู้เลยครับว่าติด(ออกอาการ)
  • เลยคิดว่าสำหรับตัวผมเอง จะเรียกว่าติดเหมือนคนติดสิ่งเสพติด ซึ่งไม่น่าจะถูกต้องสำหรับร่างกายก็เลยคิดอยากจะเลิกดูครับ
  • สำหรับคุณหมอนนทลี ก็คงต้องตัดสินใจเองนะครับ
  • ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน

เรียน น้องจตุพร

  • ก็คงแล้วแต่ใจปรารถนานะครับ 
  • ขอบพระคุณมากครับที่แวะมาทักทาย

เรียน  อ.บุญชัย

  • สวัสดีปีใหม่ครับ
  • ขอบพระคุณมากครับสำหรับข้อมูล ที่นำมา ลปรร.
  • หากผมได้อ่านก่อนหน้านี้คงเปลี่ยนใจไม่เลิกแน่ครับ
  • ยินดีที่ได้ ลปรร.ผ่านบล็อกครับ

ใกล้วันวิสาขบูชา ได้โอกาสอันดีในการเลิก

เลิกกาแฟ

เลิก 

สวัสดีครับพี่ยุทธ

ขอคาราวะครับผม เลิกที่ใจนี่หล่ะนับว่าสุดยอดของสิ่งใดๆ แล้วครับ เริ่มกันที่ใจที่คิดว่าทำได้ คงประยุกต์ใช้กับสิ่งใดๆ ได้เช่นกันครับผม

ขอบคุณมากๆ นะครับ

เก่งคะ จะพยายามปฏิบัติเป็นแบบอย่างคะ

เก่งมากค่ะ อ่านและก็ไปเลิกกาแฟมาแล้วค่ะ

แบบหักดิบ เป็นคนที่ติดกาแฟมาก กาแฟร้อน นะค่ะ กินทั้งวันชนิดกินแทนน้ำเปล่าเลย

เลิกวัน 1 . ปวดหัวมาก ปวดมากๆ แต่ก็ทนคิดว่าเดี๋ยวมันก็หายปวด

วันที่ 2 . อาการปวดไม่ลดลงเลยหนักกว่าเดิมคือทั้งปวดทั้งมึนหัว เดิน หรือ มอง ขยับก็ปวดชนิดแบบว่า ตายแน่ !!!

วันที่ 3 . ปวดหนักเหมือนวันที่ 2 เพิ่มเติมมาคือไข้แตก เป็นอะไรที่แย่มากทรมานที่สุดในชีวิตอาการปวดไม่มีทีท่าจะลดลงเลย แต่ไม่กินยาแก้ปวดนะค่ะ เพราะคิดว่ากินยาแก้ปวดเดี๋ยวเป็นความดันเส้นเลือดในสมองแตก ^^ ( นี่คิดเอาเองค่ะ )

วันที่ 4 . ไม่หายปวดและไข้หนักมากแต่ก็ไม่ทำอะไรค่ะ ไม่หาหมอ ไม่กินยา พยายามกินแต่น้ำเปล่าเยอะๆ แท้นั้นที่ทำ

วันที่ 5 . ตื่นมาดีใจว๊ากกก หายปวดหัวแต่มันก็มึนๆนะค่ะไม่หายเลยทีเดียว แค่มึนๆไม่ปวดก็โอเค คราวนี้ลุกไหวไปเดินออกกำลังกายให้ได้เหงื่อค่ะ และที่ยังทำอยู่คือพยายามดื่มน้ำเยอะๆ เวลาคิดอยากกินกาแฟก็กินโอวัลตินแทนค่ะ

วันที่ 6 . อาการหายปกติดีไม่ปวดไม่มึนค่ะและก็คิดและจะจำไปตลอดชีวิตว่าจะไม่แตะกาแฟอีก

  • ( ใช้คำว่าเกลียดกาแฟเลยคงไม่แรงไป )
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท