“สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีการเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center" class="MsoNormal" align="center">เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป การเข้าไปรู้ความเกิดดับของสังขารเหล่านั้นเสียได้เป็นความสุขแท้”</p> <p style="text-justify: inter-cluster; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="justify"> เมื่อครั้งที่เด็กสาวคนหนึ่งเสียชีวิตลงด้วยโรคพยาธิฉับพลัน พวกญาตินำศพนางไปป่าช้าพร้อมกับฟืนและน้ำมันเป็นต้น จากนั้นมอบค่าจ้างให้หญิงสัปเหร่อเพื่อจัดการศพให้เรียบร้อยตามประเพณีฯ หลังจากพวกญาติกลับไปแล้ว หญิงสัปเหร่อจึงเปลื้องผ้าออกจากศพเด็กสาวคนนั้น เห็นผิวพรรณของศพที่เพิ่งตายเพียงไม่นานมีความเปล่งปลั่ง ละเอียดอ่อนประณีตยิ่งนัก จึงคิดว่า “บรรยากาศเยี่ยงนี้น่าจะแสดงให้พระเถระที่เพิ่งมาปฏิบัติธรรมในป่าช้าได้พิจารณา” และเดินไปหาพระเถระฯ เมื่อนางแสดงความเคารพด้วยการไหว้เสร็จ จึงบอกพระเถระว่า “มีบรรยากาศอย่างนี้อยู่ ท่านน่าจะเข้าไปดูนะ” พระเถระจึงตอบว่า “อืม..ได้สิ” เมื่อไปถึงจึงได้พิจารณาศพเปลือยเปล่านั้นตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงปลายผม จากนั้นจึงกล่าวกับหญิงสัปเหร่อว่า “เมื่อไรที่เธอใส่ร่างอันสวยงามนี้เข้าไปในไฟ ช่วงที่เปลวไฟกำลังฉาบผิวเนื้ออยู่นั้นจงบอกแก่ฉันเถอะ” กล่าวเสร็จก็จากไปสู่ที่อันเป็นที่อยู่ของท่านฯ ต่อมานางใส่ศพเข้าไปไฟ รอจนไฟเผาผิวเนื้อจึงเดินไปบอกพระเถระฯ</p> <p style="text-justify: inter-cluster; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> พระเถระเดินไปดู สิ่งที่พระเถระเห็นคือ ในที่ที่ไฟกำลังเผาไหม้ ผิวหนังที่สวยงามมีน้ำมีนวลก็กลายเป็นเหมือนผิวแม่โคด่าง ไม่นานเท้าทั้งสองก็งอเข้าและห้อยลง มือทั้งสองก็เช่นกัน ที่หน้าผากมีหนังล่อนออกฯลฯ เป็นระยะเวลานานกว่าไฟจะมอดลง ร่างกายนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านไป พระเถระจึงคิดว่า “สรีระนี้ บัดนี้นี่เอง ถึงความสิ้นไปเสื่อมไปเสียแล้ว” </p> จากเรื่องนี้ มีเรื่องให้น่าพิจารณาหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ต้องการคือ เราก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องพิจารณาถึงความจริงของชีวิตตามภาษิตข้างต้น เพื่อให้ได้สติว่า แม้จะดึง แต่ง เติม เพียงใด ก็หนีความเปลี่ยนแปลงไปไม่พ้น ยอมรับความเป็นจริงซะเถอะ.........
ไม่มีความเห็น