เรื่องเล่าจากภาพ คริสตินา คนสู้ชีวิต


ธรรมดา ในที่นี้หมายถึงว่า ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตของเราและให้เรายอมรับในความจริงข้อนี้

 

 

เรื่องเล่าจากภาพเขียน(version 3.)

            ใครเคยเห็นภาพนี้บ้างครับ?

              ชื่อภาพคือ Christina‘s World ของศิลปินชาวอเมริกันเจ้าเก่า Andrew Wyeth คนโปรดของผมครับ

                 ที่ต้องทยอยนำภาพเขียนของเขามาให้ดู เพราะว่าผมชอบภาพเขียนของเขาตรงที่ ดูครั้งแรกก็เป็นภาพเขียนเหมือนจริงธรรมดาๆ แต่หากดูซ้ำๆอีก ความไม่ธรรมดาก็พลันเกิดขึ้น

                และความไม่ธรรมดานั้น ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาๆในชีวิตประจำวัน

ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามเลยไป เพราะความธรรมดาของมันเอง

เช่น ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ที่หลายคนพูดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใครเคยคิดได้หรือเคยคิดมาก่อน

ธรรมะของพุทธองค์ก็เช่นกัน

                  สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบนั้น คือ ธรรมดาในธรรมชาติ <p style="text-indent: 54pt">ทว่า...เป็นความธรรมดาที่ลึกซึ้งเกินสติและปัญญาของสามัญชนจะเข้าไปหยั่งรู้ได้ เพราะในจิตของปุถุชนนั้นชอบใจและยินดีในสิ่งที่ปรุงแต่ง</p><p style="text-indent: 54pt">แต่เมื่อได้ยิน ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์...จึงสะดุดใจและหยุดคิด แล้วพลันสว่างใจ กระจ่างเหมือนถ้อยที่เอ่ยว่า</p><p style="text-indent: 54pt">ธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น อุปมาดังเปิดไฟสว่างท่ามกลางความมืด หรือ หงายของที่คว่ำให้เปิด</p><p>                  ยกตัวอย่างเช่น พระองค์ตรัสสอนว่า เราทั้งหลายมีธรรมดา คือ </p><p>                 ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักและประสบกับสิ่งที่ไม่รัก  </p><p>                การพลัดพรากและการประสบนี้ ย่อมก่อให้เกิดทุกข์ในชีวิต </p><p style="text-indent: 54pt">ธรรมดา ในที่นี้หมายถึงว่า ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตของเราและให้เรายอมรับในความจริงข้อนี้</p><p style="text-indent: 54pt">แต่พวกเรามักเผลอสติ ลืมไปอยู่เสมอๆ เมื่อมีสิ่งที่รักใดมักประมาทยึดติดว่าต้องอยู่กับเราเสมอเป็นนิจนิรันดร เรียกว่าต้องอยู่กับเราตลอดไปอมตะมหานิรันดร์กาล </p>                  เมื่อเวลาของการพลัดพรากมาถึง ใจจึงเกิดทุกข์อย่างยิ่ง <p style="text-indent: 54pt">หรือเวลาที่ต้องประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ก็พลันมักหงุดหงิดและไม่ชอบใจ เพราะพาลคิดไปว่า เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับตู</p><p style="text-indent: 54pt">อย่างเช่น คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย หรือประสบกับโรคภัยอันตรายทั้งหลาย มักเศร้าเสียใจและเฝ้าถามตนเองเสมอว่า ทำไมถึงต้องเป็นเราที่ต้องเป็นไปอย่างนี้</p><p>                 กายที่เจ็บไข้ได้ป่วย จึงทรุดหนักลงไปอีก เพราะใจพาลเจ็บป่วยไปด้วย</p><p>                  เรียกว่าเกิดทุกข์สองต่อ คือทุกข์ทั้งกายและทุกข์ทั้งใจ  </p><p style="text-indent: 54pt">ดูรูปที่ผมนำมาให้ดูนี้เถิดครับ ชื่อแปลเป็นไทยว่า โลกของคริสตินา เป็นภาพของเด็กสาวนั่งอยู่กลางทุ่งหญ้า เธอนั่งหันหลังให้ผู้ชมและด้านหน้าของเธอนั้น มีกลุ่มของอาคารที่พักตั้งอยู่ มีลักษณะคล้ายบ้านของชาวนาชาวไร่ในชนบทของอเมริกา</p><p style="text-indent: 54pt">ศิลปินเขียนภาพนี้ในรูปแบบเหมือนจริงตามธรรมชาติ (Realistic) คือเก็บรายละเอียดยิบ ทุกอย่างดูเห็นในภาพจึงทำให้ผู้ชมเข้าถึงเหมือนยืนอยู่ในทุ่งหญ้ากับเธอ คริสตินา</p><p style="text-indent: 54pt">รู้สึกถึงความอบอุ่นของแสงแดดยามเช้า สายลมเบาๆพอพัดยอดหญ้าให้ไหวอากาศสดชื่นเพราะอยู่ริมทะเล</p><p style="text-indent: 54pt">ศิลปินวางองค์ประกอบของภาพนี้สวยมาก จุดเด่นของภาพคือหญิงสาวนั่งอยู่ตรงด้านล่างมุมซ้ายมือของภาพ นั่งเอนตัวเยื้องไปด้านขวาจึงทำให้ศรีษะของเธออยู่กลางภาพพอดี </p><p style="text-indent: 54pt">ล้อมรอบเธอคือทุ่งหญ้าสีเหลืองน้ำตาลอมเขียว อันกว้างใหญ่ ตัดกับสีเสื้อชมพูอ่อนของเธอและถัดออกไปในทุ่งนั้นมีรอยตัดหญ้าเกรียนรอบล้อมบริเวณที่พักอาศัย บนทุ่งเบื้องหน้าเธอมีรอยของรถยนต์นำสายตาเราไปถึงตัวบ้านและยุ้งข้าวที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนิน</p><p>                  หญิงสาวนั่งอยู่เพียงลำพัง ดูเหงา เดียวดายแต่มีบรรยากาศอบอุ่นอย่างปลาดล้อมรอบตัวเธอสวยจริง บางคนอาจอุทานออกมาอย่างนี้ </p><p style="text-indent: 54pt">แต่ภาพนี้มีอะไรมากกว่าความสวยครับ</p><p style="text-indent: 54pt">หากผมจะกระซิบบอกคุณว่า พิจารณาภาพนี้ให้ดีๆ โดยเฉพาะที่ตัวหญิงสาวคนนั้น ท่าทางการนั่งของเธอดูผิดสังเกตลักษณะของคนปกติทั่วๆไป ทำไมเธอนั่งเช่นนั้น? อาการนั่งของเธอมีลักษณะพยุงตัว โดยใช้แขนทั้งสองข้างยันลำตัว แขนข้างขวายันไว้ด้านหลังและใช้แขนข้างซ้ายสืบไปด้านหน้า เพื่อรองรับน้ำหนักตัวที่เอนไปข้างหน้า เหมือนกับใช้แขนเดินแทนขา</p><p style="text-indent: 54pt">ขาเธอเป็นอะไร?! </p><p style="text-indent: 54pt">เมื่อเลื่อนสายตามองดูขาทั้งสองข้างของเธอ จะเห็นความผิดปกติ เท้าข้างซ้ายที่เห็นได้ชัดเจนกว่าเท้าข้างขวาที่เธอนั่งทับอยู่อยู่นั้น ดูลีบเล็ก และบิดไม่คล้อยไปกับทิศของลำตัวที่หันไปข้างหน้า</p><p style="text-indent: 54pt">เธอพิการ! …….</p><p style="text-indent: 54pt">ใช่ครับ คริสตินา เธอเป็นโรคโปลิโอ</p><p style="text-indent: 54pt">Wyeth เขียนภาพนี้จากเรื่องจริงของเธอ สาวน้อยคริสตินาที่ประสบเคราะห์กรรมจากโรคร้ายโปลิโอ เธอต้องอาศัยอยู่กับร่างกายที่พิการยาวนานถึงอายุ 75 ปี ในตลอดชีวิตของเธอ อาศัยอยู่ในบ้านบนเนินที่เราเห็นในภาพกับพ่อแม่และเมื่อพ่อแม่เสียชีวิตไป เธอก็อาศัยอยู่กับน้องชายชื่อ อัล </p>                  เธอเป็นคนสู้ชีวิตและมีจิตใจอันเข็มแข็ง ไม่ยอมย่อท้อต่อชีวิตที่มีร่างพิการของตน ไม่ยอมนั่งงอมืองอเท้าอยู่ในเก้าอี้ล้อเข็น พยายามทำทุกอย่างเหมือนคนปกติ จวบจนช่วงสุดท้ายของชีวิต <p style="text-indent: 54pt">Wyeth เห็นเธอบ่อยๆในชีวิตประจำวันของเขาและประทับใจในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและสู้ชีวิตของเธอ</p>                  บ้านเบื้องหน้าของเธอ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสุข ความรักและความอบอุ่นของชีวิต ที่เธอปรารถนาและจะไปให้ถึง แม้ว่าจะมีร่างกายที่พิกลพิการเพียงใด เธอก็ไม่ย่อท้อ <p style="text-indent: 54pt">ศิลปินใช้บริเวณที่ว่างอันกว้างใหญ่ แทนความหมายระยะเวลาของชีวิต</p><p style="text-indent: 54pt">คริสตินา จึงเป็นสัญลักษณ์ของคนที่สู้ชีวิต</p>                  ครับ เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่รัก หากเข้าใจ มีสติ ก็พลันเป็นสุขได้ <p style="text-indent: 54pt">หากเรียนรู้ที่ยอมรับและอยู่กับมัน</p><p> </p>

หมายเลขบันทึก: 71390เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2007 08:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

รูปนี้ให้กำลังใจดีค่ะอาจารย์  เหมาะสำหรับคนที่ยังมีกิจคั่งค้างยาก ๆ เช่นพวกเขียนวิทยานิพนธ์ยังไม่เสร็จเป็นต้น แหะ ๆ

คุณ Wyeth นี่เป็นศิลปินที่น่าสนใจดีนะคะ ขยันเก็บเรื่องราวต่าง ๆ มาเล่า  ขอบคุณอาจารย์ที่กรุณานำมาเล่าต่อค่ะ

แต่หนูเป็นอะไรก็ไม่ทราบ  เห็นภาพของเขาทีไรแล้วกลัวทุกที ทุกภาพเลยด้วย  หรือว่าเขาวาดได้เหมือนจริงเกินไปคะอาจารย์?  หนูเลยพาลกลัวภัยในวัฏสงสารไปซะอย่างนั้น

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

หนูมีเพื่อนที่กำลังป่วยอยู่ อาการเป็นแบบที่อาจารย์พูดถึงเลยว่า เกิดทุกข์สองต่อ คือทุกข์ทั้งกายและทุกข์ทั้งใจ

อ่านเจอบทความนี้แล้วรู้สึกเหมือนกับตอนที่ไปปฎิบัติที่เชียงใหม่ ในการฟังธรรมบรรยายแต่ละครั้งว่าเนื้อหาเหมาะเจาะกับทุกข์ที่เกิดขณะนั้นๆจริงๆ  

หนูจำความรู้สึกวันแรกได้ว่ากำลังหูอื้อตาลายจากการทั้งการเดิน และนั่งสมาธิหลังแข็ง อาจารย์ก็บรรยายเรื่องความเพียรในเวลาที่ต้องการพอดี ทำให้เกิดมานะปฎิบัติต่อไป

จะนำบทความของอาจารย์พิมพ์ไปให้เขาอ่านค่ะ หวังว่าเขาจะได้เห็นความเป็นธรรดาในธรรมชาติ 

หนูเห็นภาพของศิลปินผู้นี้ที่อาจารย์นำมาให้ดูแล้วก็เกิดความรู้สึกว้าเหว่ทุกครั้งค่ะ ไม่เคยเห็นมีคนมากกว่า ๑ คน ในรูปเลย

ขอบพระคุณอาจารย์สำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ

 

หนูณัชรและหนูกันยามาส

ความจริงของชีวิตมักเป็นอย่างนี้

การเรียนรู้จักความทุกข์ ต้องเรียนตามลำพัง

ไม่ระคนไปด้วยหมู่

อาจดูเหงาและอ้างว้างหรือกลัว เพราะไม่คุ้นเคย

เวทนาเป็นของเฉพาะตน(ในเรื่องการเรียนรู้)

อย่าหวังว่าผู้อื่นเขาจะร่วมรับรู้ด้วยได้

แม้แต่คนที่รักและใกล้ชิดที่สุด

เตรียมพร้อมเข้าไว้

สาธุ ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์

เตรียมพร้อมหนอ ๆ ๆ ๆ

แต่ยังไง ๆ ก็ยังกลัวอยู่ดีค่ะอาจารย์  กำหนดผ่านไปสองสามปีนี่รู้จักตัวเองดีขึ้นเรื่อย ๆ  จะเห็นความกลัวเยอะกว่าอย่างอื่นค่ะ  หรือว่าจะต้องไปอยู่ใกล้ของมีคมบ่อย ๆ ก็ไม่ทราบ แหะ ๆ  แต่จะกลัวไปเรื่อยล่ะค่ะ  ดีที่มีวิชาดีที่อาจารย์เคยสอนไว้  ไม่งั้นชีวิตคงจะทุกข์ไปเรื่อยโดยไม่รู้สาเหตุและไม่รู้วิธีอยู่กับทุกข์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น ๆ

ขอบคุณค่ะอาจารย์,

ณัชร

เพิ่งได้เข้ามาอ่านในบลอกของอาจารย์ค่ะ ติดหนึบเหมือนอ่านนวนิยายเลยค่ะ ฮิฮิ

ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าเค้าดูรูปเขียนกันอย่างไร  เคยไปร้านของน้องคนนึงเค้าเขียนรูป abstract ดูแล้วไม่รู้เรื่องค่ะ ส่วนใหญ่จะชอบดูรูปวิว ดอกไม้สวยๆมากกว่า

หนูตามดูรูปของอีตา Wyeth ตามอาจารย์มาสามรูปนึกว่าคนตายแล้วสองรูปที่เป็นชายชราหนะค่ะ ฮิฮิ นอนจมกองหิมะยังงั้น หนูนึกว่าเค้านอนตายอยู่ในหิมะ แล้วพอฤดูใบไม้ผลิหิมะละลาย เลยเห็นศพเขา ส่วนที่โหนกแก้มระเรื่อ หนูนึกไปถึงรอยฟกช้ำไปโน่น พาลคิดไปถึงคดีฆาตกรรม เฮ่อ หัวทางด้านศิลปะคงน้อยมากค่ะ  แต่ดูรูปของเขาแล้ว ทำให้ระลึกถึงมรณานุสติ ที่พักนี้ตัวเองลืมระลึกไปนานแสนนานมัวแต่คลุกวงในอยู่กับกิเลสตัณหา ต้องรีบหาเวลาไปปฏิบัติแล้วค่ะ

อาจารย์คะ รูปเขียนของเขาหนูดูแล้วคิดว่าเข้าได้กับความทุกข์ทุกรูป อาจจะเป็นเพราะโทนสีที่ทึบทึมดูแล้วหดหู่หนอค่ะ ช่างเหมือนกับชีวิตคนเราที่อยู่กับทุกข์

ช่วงมีปัญหาหนักๆ หนูปวดหัวมากๆคิดวนเวียนเหมือนหาทางออกไม่เจอ พยายามกำหนดนะคะอาจารย์  พอออกมาดูปัญหาห่างๆ อืม มันทุกข์น้อยลงจนแทบไม่ทุกข์เลย ที่เราทุกข์ทางใจหรือทางกายเพราะคลุกวงในใช่ไหมคะอาจารย์ คือเอาใจไปจดจ่อกับทุกข์ใช่ไหมคะ

สวัสดีครับ คุณหมอ

ดีใจที่พบกันอีกในบล็อกนี้

อาจารย์อยากให้คนดูภาพเขียนเป็นนะครับ จึงเอามาให้ดูและเห็นว่าศิลปินคนนี้ มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตลึกซึ้งดี

ส่วนรูปที่คนนอนจมหิมะ อย่าว่าแต่หนูเลยเด็กศิลปะแปดในสิบคน ยังบอกว่าตายไปแล้วเหมือนกัน แถมบางคนยังบรรยายว่าถูกฆาตกรรมแบบหนูว่าด้วยซิ

อาจารย์เลยบอกว่า ปกติคนเราจะมีความคิดแวบแรกสองทาง คือ คิดทางดี กับคิดทางร้าย

พอเห็นปุ๊บ หากเรามองโลกในแง่ร้าย ความคิดก็มักจะปรุงแต่งไปทางร้ายก่อนเสมอ

อย่างเห็นคนมีหนวดเครารุงรัง หน้าตาดุ ก็มักจะลงความเห็นว่าเป็นโจรผู้ร้ายก่อนเสมอๆ ผู้ร้ายหนังไทยจึงต้องไว้หนวดไงล่ะ

ใช่แล้วครับ การพบทุกข์ในชีวิต ต้องมองว่าเป็นเรื่องสามัญของชีวิต และไม่จมอยู่ในกองทุกข์นั้น หนูมองทุกข์แบบไม่คลุกวงในได้  หากหมายถึงไม่กอดตัวทุกข์ว่าเป็นของเรา

แต่ภาษาธรรม สอนให้แก้ทุกข์แบบคลุกวงในนะครับ

คือมองแบบให้ทะลุหรือกำหนดให้รู้แจ้งในทุกข์นั้น เรียกว่าติดตามดูและรู้จนสาวไปถึงเหตุแห่งทุกข์เลย

เมื่อเห็นเหตุ ไม่สร้างเหตุแห่งทุกข์

เหตุดับ ผลก็ดับ

 

ดูภาพและอ่านคำบรรยายของอาจารย์แล้ว ถึงจะเข้าใจถึงความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ของคริสตินาค่ะ เคยไปชมภาพแสดงเวลามีการแสดงภาพต่างๆ บอกได้แต่ว่าภาพสวย แต่ไม่เข้าใจการสื่อที่ลึกซึ้งเลยค่ะ...อาจารย์มีข้อแนะนำ วิธีที่ดีในการจะชมภาพให้เข้าใจได้อย่างไรบ้างคะ...ขอบพระคุณค่ะ

ขอบคุณที่สนใจครับ

ที่เขียนบล็อกเหตุหนึ่งอยากให้คนเข้าใจวิธีการดูภาพเขียนครับ

1.ดูภาพครั้งแรกด้วยความรู้สึกในภาพรวม ว่าเรารู้สึกอะไร? สุขใจ เศร้า ตื่นเต้น ฯ

2.แล้วจึงดูรายละเอียดของภาพทั้งหมด ดูอย่างละเอียดครับ เหมือนดูหนัง เพราะศิลปินจะสื่อสารผ่านรูปทรง สี ฯ

3.เมื่อดูแล้วให้ถามตนเองว่า สิ่งที่เห็นกับรู้สึกครั้งแรก ตรงกันไหม

4.ถ้าตรง แสดงว่าดูภาพเป็นแล้วครับ

5.เป็นแค่ทฤษฏี ในทางปฏิบัติดูธรรมชาติ ดูชีวิต ดูคนรอบข้าง ก็เหมือนดูภาพเขียนครับ

6.แนะนำอาจารย์ อ่านเรื่องชายชรากับทะเลครับ 

หนูมาเยี่ยมอ่านค่ะ

ไม่ผิดหวังตามเคย เป็นธรรมชาติมากแต่ดูแล้วเสร้าและน่าเห็นใจเธอมากค่ะ เคยนึกว่าถ้าเป็นตนเองจะสู้ไหวมั้ยหนอ

ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกครับมาแวะศึกษาหาแนวทาง

ชอบใจในวิธีนำเสนอของอาจารย์ครับ

ขอบคุณทั้งสองท่านครับ

หนูหริ่งหายเงียบไปนาน จากปีใหม่ปีก่อนนะ คนมีธรรมะสู้ทุกอย่างในชีวิตไหวอยู่แล้ว

ส่วนคุณอนิรุต สมัครเป็นสมาชิกซิครับจะได้อ่านของคุณบ้าง...นะครับ

ขอบคุณอาจารย์สำหรับเรื่องดีดี อ่านแล้วซึ้งใจดีมีคติธรรมด้วย

แวะมาอ่านเพราะเพื่อนแนะนำมา อยู่ราชภัฏพิบูลสงครามค่ะ แต่ไม่ได้ไปเหมันต์เกมส์เพราะติดสอน

มาอ่านแล้วติดใจค่ะ อาจารย์มีมุมมองและวิธีสื่อที่ง่ายๆอ่านแล้วเพลินค่ะ

ชอบคติธรรมเรื่องสามัญของชีวิตแต่หากเกิดกับตนเองคงยอมรับยากค่ะ

สามัญ คือธรรม ธรรมคือธรรมชาติ อืมส์! น่าสนใจ น่าสนใจ

สวัสดีครับคุณสุดาและคุณนิรนาม

ขอบคุณที่แวะมา เรื่องธรรมดาของชีวิตล้วนน่าสนใจครับ

  • แวะมาอ่านบันทึกเก่าๆค่ะ
  • เคยเห็นภาพนี้บ่อยๆแต่พึ่งรู้ความหมายวันนี้เอง
  • บางครั้งคนที่มีพร้อมก็ไม่สู้เท่านี้ค่ะ

สวัสดีค่ะ

 เห็นบันทึกนี้แล้วสะดุดใจ เลยตามเข้ามาอ่าน แล้วก็ได้ประโยชน์ ทั้งแง่คิด มุมมองมากมาย คนต้องสู้เท่านั้นจึงจะชนะ ถ้าไม่สู้ ก็แพ้อย่างเดียว

 ขอบพระคุณมากค่ะ กับสิ่งที่ได้รับ

เรื่องน่าอ่านมากค่ะ ขอบคุณเนื้อหาดีๆที่อาจารย์นำมาให้พวกเราได้มีความรู้ สู้ชีวิตเพิ่มขึ้นค่ะ ถ้ามีโหวตให้คะแนนเต็มค่ะ เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมค่ะ

แล้วแวะไปเยี่ยมพวกเราบ้างนะคะ

http://gotoknow.org/blog/nurse1

- สวัสดีค่ะอาจารย์

- แวะมาเยี่ยม

- เพิ่มเริ่มการเป็นสมาชิก g2k ไม่นาน

- ขอบคุณในความรู้เกี่ยวกับการดูภาพค่ะ

 

เรื่องดีครับ

ทำให้ดูภาพ ให้เห็นได้อีกหลายมุมมอง

เสียดายคนตายไม่ได้เข้ามา Blog อาจารย์นะครับ

ผมมองภาพแล้วไม่เห็นมีต้นไม้

เธอคงจะร้อน

น่าสงสาร

ถ้ามีต้นไม้สักต้นให้เธอได้อาศัยร่มเงา

แม้เธอจะไม่อิ่ม

แต่ก็ทำให้เธอหายเหนื่อยได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท