นี่แหละความจริง


เมื่อความสุขและความดีเป็นวิสัยโลกก็จะเปลี่ยน
“ พี่ครับ มีสักร้อยหนึ่งมั้ยครับ ผมจะเอาให้ลูกไปโรงเรียนพรุ่งนี้ “......... คนสวนถามฉันอย่างเกรงใจ ด้วยนี่เพิ่งต้นเดือน เงินเดือนที่ได้รับหมดลงไปแล้ว คนสวนรู้ดีว่า ฉันก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน ฉันไม่ถามอะไรมาก และไม่กล่าวอะไร มีแต่ความเข้าใจเพราะเราอยู่กันมานาน............. เดินไปดูที่กระเป๋าเงิน มีแบ็งค์สุดท้ายห้าร้อยบาท ยื่นให้ ทั้งหมด ......ร้อยนึงก็น้อยไปสำหรับครอบครัวแบบห้าคนขนาดนี้ คนสวนยิ้มอย่างมีความสุข.............. ภาวะที่ไม่มีสมบัติอะไรเลยก็ดีไปอย่าง...ที่เด็กรักป่า เราไม่กลัวขโมย ที่บ้านของฉัน บางทีลืมกุญแจ ก็ปีนหาทางเข้าบ้านโดยง่าย ใครๆก็รู้ ในบ้านไม่มีอะไรที่น่าต้องการ....หนังสือ วิทยุ ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ ...ทุกอย่างเป็นเรื่องไม่จำเป็น ถ้าหายก็หาย ...แบ่งกันใช้……….. กลางปีที่แล้ว เราใช้ทีวี อยู่พัก แต่เห็นว่า บ้านคนสวนทีวีเสีย และเด็กๆต้องการดูละคร ดูหนัง มากกว่าเรา คนสวนรักลูกมาก ไม่มีเงิน ก็ไปในเมือง ผ่อนโทรทัศน์ มาให้ลูก.......... มี คำถามว่า คนจน “ ทำไมซื้อของแพงมากกว่าคนมีเงิน “ ราคาผ่อน ทีวี เครื่องหนึ่ง หมื่นกว่าใกล้สองหมื่นบาทถ้าผ่อนยาว ในขณะที่ เรามีเงินสด ซื้อได้ ถูกกว่านี้ ดีกว่านี้.....ทุกอย่างที่ ชาวบ้านอยากได้ ล้วนเป็นเงินผ่อน มอเตอร์ไซค์ ก็ด้วย ผ่อนมาให้ลูกไปโรงเรียน จักรยานก็ผ่อน ราคาแพงมาก แล้วสิ่งเหล่านี้เมื่อได้มาทุกคนก็ภูมิใจ ..... “ พี่ร่ม เอาทีวีไปคืนที่ร้านในเมืองเถอะ...ราคานี้แพงมาก เงินผ่อนแบบนี้พี่สามารถซื้อได้ 2 เครื่อง “…………………………………………… ที่ครัว เด็กรักป่า ก็เปิด 24 ชั่วโมง ไม่ล็อกประตู เด็ก นักศึกษา เยาวชน ที่ไหนมา ไม่เจอคนที่นี่ ก็หาปลาในสระ หุงข้าวกิน ช่วยตัวเองไปก่อน ............ การให้คนอื่นมีส่วนร่วม รู้สึกว่า เราเป็นเจ้าของร่วมกัน ทำให้เรารู้สึกสบายๆ ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องล็อก ก็ทำให้เราไม่ต้องห่วงบ้าน ห่วงสมบัติ .................................................................................. เมื่อวานอ่านในคำนำหนังสือหมอชาวบ้านเล่มล่าสุดของอาจารย์ประเวศ วะสี “ ความสุขและความดีจะเป็นวิสัย เมื่อความสุข และความดีเป็นวิสัยโลกก็จะเปลี่ยน “ รู้สึกว่า นี่แหละความจริง
หมายเลขบันทึก: 71384เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2007 07:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

โอ...ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณที่คุณดอกแก้วทำสิ่งดี ๆ อย่างนี้ให้สังคมไทย และขอบคุณที่นำสิ่งนี้มาแบ่งปันให้ทุกคนทราบ ขออนุโมทนาใจกุศลเจตนาและคุณงามความดีที่ได้ทำทุก ๆ วันด้วยนะคะ

และขอบคุณมากด้วยค่ะที่กรุณาแวะไปเยี่ยมบล๊อก  เมื่อเทียบกับสิ่งอันมีค่าที่คุณดอกแก้วกำลังทำอยู่แล้ว ถือว่ากิ๊กก๊อกมากค่ะ (แหะ ๆ)  สักวันหนึ่งหวังว่าคงได้มีโอกาสทำอะไรดี ๆ ให้สังคมอย่างเต็มที่ เหมือนที่คุณดอกแก้วทำ

ขอส่งกำลังใจมาให้นะคะ  คนดี ๆ อยู่ที่ไหน ก็ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ค่ะ

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

ดีใจจังคะที่แวะมาเยี่ยม เพิ่งอ่านบันทึกคุณณัชร เมื่อเช้าเอง ที่เด็กรักป่า สนใจเรื่องแนวการสอนที่หลายรูปแบบคะ เคยจัดค่ายให้กับเด็กนักเรียนญี่ปุ่นด้วยค่ะ ประมาณ 7 ครั้ง เป็นของNational Assemble Youth Development (NAYD) อยู่แถว โยโยกิ โตเกียว หลังๆมาไม่ได้จัดแล้วค่ะ แต่ที่เราจัด เน้น เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นและพาไปเดินป่า ดูนก ที่เขาใหญ่ ...จัดค่ายกับเด็กญี่ปุ่น ก็ได้เรียนรู้เขาไปด้วยค่ะประทับใจมากและเราก็มีเด็กไทยร่วมแลกเปลี่ยนด้วย .... ขอบคุณค่ะ

อ๋อ...โยโยกิ หรือคะ  เขามีสวนสาธารณะใหญ่อยู่ตรงนั้น เคยไปเดินเล่นถ่ายรูปมาเหมือนกัน เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะเอามาแปะให้ที่นี่นะคะ

ใช่ค่ะ คนญี่ปุ่นรักธรรมชาติมาก  และเด็ก ๆ ญี่ปุ่นก็เลยพลอยได้อานิสงส์เรียนรู้ที่จะรักธรรมชาติและอนุรักษ์ไปด้วยตั้งแต่เด็กเลย  อีกอย่างที่เห็นชัดตั้งแต่ไปเลยก็คือ เขาจะมีจิตสำนึกเรื่องการ "แยกขยะ" มากเลยน่ะค่ะ

กล่าวคือ ทุก ๆ ที่นั้น แม้นในบ้านตัวเอง  ต้องแยกขยะอย่างน้อย ๕ ประเภทใหญ่แล้ว โอ้โฮ...เราไปจากประเทศที่ยังไม่พัฒนาขนาดนั้น ตอนแรกตั้งหลักไม่ถูกเหมือนกันนะคะ  ยิ่งอ่านภาษาญี่ปุ่นยังไม่แตกฉานเท่าไหร่ด้วย  ต้องตั้งใจมาก ๆ ค่ะว่าตกลงฉันทิ้งถูกถังไหมเนี่ย

แม้แต่ในร้านอย่างแมคโดนัลด์ ทานเสร็จแล้วจะทิ้งขยะให้เขาก็ต้องแยกละเอียดยิบค่ะ คือ ของทานเหลือก็ถังนึง กล่อง แก้ว กระดาษก็ถังนึง  ฝาครอบแก้ว และหลอด ก็อีกถังนึง

ภาษาเด็กวัดก็ต้องบอกว่า ต้องไปค่อย ๆ ยืนกำหนด พิจารณาทิ้งไปทีละถัง ทีละถัง อย่างนั้นเลยค่ะ

กลับมาแล้ว อยากให้บ้านเราทำอย่างนั้นบ้างจัง

เพราะอย่างที่ตัวเองได้ชัด ๆ เลย ก็คือ เวลาอยู่อพาร์ตเม้นท์แล้วได้แยกขยะเอง จะเห็นว่า วัน ๆ เราสร้างขยะประเภทไหนมากน้อยเพียงใด  มันจะเห็นภาพแล้วมีจิตสำนึกขึ้นมาเองน่ะค่ะ

แม้นแต่การท่องเที่ยวญี่ปุ่น ทำแผ่นพับให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ยังบอกว่า ท่านปีนภูเขาฟูจิเสร็จแล้ว กรุณานำขยะของท่านกลับไปทิ้งที่บ้านให้หมดด้วย โอ้โห.....

ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังเรื่องจัดค่ายให้เด็กญี่ปุ่นนะคะ

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

ขอบคุณคะ ใช่ จำได้คะ โยโยกิ มีสวนสาธารณะ เคยนอนที่หอพักในศูนย์เยาวชน มองข้างนอกหน้าต่าง เห็นเช้าๆคนมาออกกำลังกาย แถวนั้น ...นานแล้วคะ 10 ปีได้มั้งคะ ไป ดูงาน 1 เดือน เท่านั้น ภาษาก็ไม่ได้เรื่องคะ คุยอังกิดนิดหน่อย กับ วาดรูปบันทึกได้ 4 เล่ม เข้าใจกันกับเพื่อนเพราะวาดรูปมากกว่า.... ชอบที่คนญี่ปุ่น ในศูนย์ที่เราอยู่ เขาจะทักทายเราทุกเช้า ทั้งคนงาน หรือเจ้าหน้าที่ เวลาอยู่ที่นั่น เวลาคนทักเรา รู้สึกเหมือนเขาเป็นญาติเราน่ะคะ ไม่โดดเดี่ยว

มีเรื่องเช่นนี้บ่อยเหมือนกันครับเวลาที่ทำงาน 

แต่ต้องปิดเป็นความลับ  เพราะส่วนมากอาจารย์

เคยสอนว่าเวลาเป็นแพทย์อย่าให้อะไรคนป่วยโดยตรง ให้ฝากพยาบาลเอาให้

ที่พบบ่อยๆคือ

    เป็นชาวบ้านที่ไม่มีค่ารถไป รพ จังหวัด  หรือเชียงใหม่

   เป็นชาวบ้านที่เขาเดือดร้อนจริงๆ   อย่าง2 กรณี ล่าสุดคือ  พ่อติดเหล้ามาก  อาการไม่ดี  เดินไม่ได้  ลูกชายคนเดียวอยู่ม2 ก็ต้องออกจาก  รร.. ไปทำงานหลายที่ก็โดนให้ออก    เลยให้สิ่งของ  และ  pocket money  ไป  และโชคดีมากครับ  เจอสองตายายใจดีจากกรุงเทพ  ที่มาทำบ้านเช่าที่ปาย  มาตรวจและเป็นคนไข้ประจำ  พอบอกเรื่องนี้แล้ว  ท่านทั้งสองบอก  ต้องการดูแลและรับไว้  จะให้กลับไปเรียนด้วย.. แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ติดต่อนะครับ  งานยุ่งอยู่เลย

    อีกรายเป็นคนต่างจังหวัดมาอยู่กับสามีที่นี่มีลูกชายหนึ่งคน 13 ขวบ  ก็ไม่ค่อยเต็ม  พัฒนาการผิดปกติ  สามีก็ไม่รับผิดชอบดูแล  อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายเด็กและแม่อีก  บ้างครั้งลูกก็โมโห  ทำร้ายแม่  วันนี้แม่ก็มารพกับลูก แม่มีกระดูกร้าวเพราะตกเขาที่เท้า  ใส่เฝือกอยู่  และก็ต้องเดินมารับยาตั้ง3 กิโลแนะ  รายนี้ผม  อนุเคราะหฺค่าใช้จ่ายตลอดเพราะว่าเขาไม่มีบัตรทองครับ  ฟังเรื่องเขามาหลายครั้งก็เศร้าเหมือนกันเลยให้รถ  จนท  รพ  ไปส่งและให้ตางค์ไปนิดหน่อย(ฝากพยาบาลให้)ครับ.....

     ที่ให้ตางค์ไม่ใช่ว่าผมมีมากนะครับ  แต่เพราะว่าจำนวนเท่านี้ถ้าสามารถช่วยเขาได้บ้างก็คงจะดีครับ

           ขอ ลปรร ครับ น.พ.สุพัฒน์  ใจงาม

อาจารย์ครับ นับถืออาจารย์ + อิจฉาชีวิตของอาจารย์ที่ได้อยู่กับสังคมที่ดีมากเลยครับ อยากให้ส่วนใหญ่ของประเทศไทยเป็นสังคมที่มีการแบ่งปันและเข้าใจกันอย่างอาจารย์ครับ ขอบคุณมี่แวะไปเยี่ยม blog ครับ ขอ add เข้า planet นะครับ

ดีใจคะที่คุณหมอสุพัฒน์มาร่วมแลกเปลี่ยนด้วย งานของแพทย์ พยาบาลหนักมากคะ ดิฉันก็เป็นคนไข้เรื้อรังเหมือนกันคะ ไตวายค่ะ ผ่านการฟอกเลือด และปลูกถ่ายไตมาแล้ว- ตอนนี้ดีขึ้นคะ -ทำงานได้ ค่อยๆทำไปคะ...อยู่ รพ.ไปมาๆ ก็เข้าใจบุคคลากรใน รพ.คะ ดิฉันเป็นคนไข้ ถ้าทำอะไรที่ช่วยหมอได้ ก็อยากช่วยหมดคะ............................และขอขอบคุณคุณ Ai Kae ค่ะ ได้เข้าไปอ่านบล็อกแล้ว น่าสนใจคะเรื่องภาษา และผู้คน จะเข้าไปอ่านอีกคะ

ใช่ค่ะ คุณดอกแก้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีคนมาออกกำลังกายค่ะ

และเห็นด้วยเลยค่ะว่า  เขาชอบจะมาทักทายเราอย่างอบอุ่นเสมือนเป็นญาติจริง ๆ ในหมู่คนที่เราได้มีโอกาสรู้จักและข้องแวะด้วยนะคะ ถึงแม้จะพูดด้วยไม่รู้เรื่องมากเท่าไหร่  แต่ใจนั้นสัมผัสได้จริง ๆ ถึงความห่วงใย

พระพุทธเจ้าท่านถึงทรงตรัสไว้ว่า ความคุ้นเคย เป็นญาติอย่างยิ่ง ไงคะ

โห...อ่านที่คุณดอกแก้วบอกว่าเป็นไตวายแล้วก็อึ้งไปพักหนึ่งค่ะ  นี่ถ้าไม่เคยปฏิบัติธรรมมาก็คงจะคิดไม่เป็น แล้วก็ถามตัวเองไปแล้วว่า ทำไมคนดี ๆ ขนาดนี้ถึงต้องเจออะไรหนักๆ อย่างนี้ด้วย    แต่จากที่อ่านคุณดอกแก้วโพสต์แล้วเชื่อว่าคุณดอกแก้วเข้าใจเรื่องธรรมะมากกว่าตัวณัชรเองอีก  เพราะฉะนั้นจึงวางใจได้ว่า  คุณดอกแก้วสามารถพลิกทุกสิ่งในชีวิตรวมทั้งทุกข์ที่เผชิญ ให้กลายเป็นปัญญาทางธรรมได้อย่างลงตัวหมดจดงดงาม

การเขียนและเรื่องราวของคุณดอกแก้วมันฟ้องเช่นนั้นค่ะ   :) 

อย่างไรก็ตาม  ขอเป็นกำลังใจให้ทางนี้  และหากมีอะไรให้ช่วยได้ก็ส่งข่าวกันบ้างนะคะ

ด้วยความเคารพ,

ณัชร

ดีคะ " ความคุ้นเคยเป็นญาติ อย่างยิ่ง " ดิฉันก็รู้สึกว่าอยู่ในเวปนี้ แล้วเหมือนมีญาติ ที่คุ้นเคย อย่างยิ่ง เช่นกันคะ....เรื่องเข้าใจธรรมะ น้อยมากคะ .. จริงๆ อ่านบันทึกของคุณณัชร เรื่องซามูไร แล้ว วิถีการเข้าถึงความสงบ วิธีการ การสอน การทำจิต น่าสนใจ รู้สึกเบิกบาน ที่เห็นใครสักคน พาตัวเองไปสู่วิถีแบบนี้......คุณณัชรมีรูปที่ สวน โยโยกิ หรือคะ เอามาโพสให้ดูกันบ้านซิคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท