เป็นอีกครั้ง (วันที่ 13 มีนาคม 2566) ที่ผมได้รับเกียรติจากคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เพื่อเป็นวิทยากรจัดการเรียนรู้ในหัวข้อ “สร้างจิตสำนึก ระลึกรากเหง้า เข้าใจรัก(ษ์)ถิ่นนิยม” ซึ่งมีนักศึกษาเข้าร่วมในราว 40 คน
เมื่อพิจารณาจากหัวข้อข้างต้น ผมไม่ลังเลที่จะใช้กระบวนการชวนนักศึกษา “ทบทวนตัวเอง” ผ่านกระบวนการหัวใจ 4 ห้อง (คำถามเพื่อทบทวนตัวเอง) เสียก่อน - เป็นการ “ทบทวนอดีต” เมื่อครั้งที่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งตัดสินใจสมัครเข้าสู่โครงการและผูกโยงมายังการ “ทบทวนปัจจุบัน” ว่าหมุดหมายที่ปักธงไว้ยังคงแน่นหนา – ตกผลึก – หยั่งลึก หรือเริ่มคลอนแคลนไปแล้ว
ผมตัดสินใจเลือกที่จะป้อนคำถามกลับไปยังนักศึกษา จำนวน 4 คำถามผ่านกระบวนการหัวใจ 4 ห้อง เพราะยังไม่อยากเร่งรีบมุ่งเป้าไปยังเรื่อง “จิตสำนึกรักษ์ท้องถิ่น” ให้เร็วจนเกินไปนัก โดยมองว่า การทบทวนผ่านกระบวนการเช่นนี้เป็นเสมือนการ “ปูพรม” เข้าสู่ประเด็นหลักอยู่ดีนั่นเอง
สถิติที่พบถี่มากสามอันดับแรกเรียงตามลำดับ คือ
นอกจากนั้น ประกอบด้วยประเด็นต่างๆ อาทิเช่น
กรณีคำถามที่ว่า ถ้าไม่สมัครเข้าสู่โครงการนี้จะเรียนต่อในสาขาใด พบว่า นักศึกษาสนใจที่จะสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาต่างๆ เป็นต้นว่า พยาบาล แพทย์ ทหารหญิง วิศวกร ครูประถม ครูคณิตศาสตร์ และที่พบถี่ครั้งก็คือแม้จะไม่ได้สมัครเข้าโครงการนี้ก็ยังความสนใจที่จะศึกษาต่อ ประหนึ่งเชื่อและศรัทธาว่าการศึกษาจะช่วยยกระดับชีวิตของตนเองและครอบครัวได้
ขณะที่ส่วนหนึ่งอยากเป็น “ล่าม” หรือ “มัคคุเทศก์” รวมถึงการเป็นครูสอนภาษา โดยใช้ภาษาจีน เป็นภาษาหลัก
นอกจากนั้นก็เป็นกลุ่มที่จะประกอบอาชีพค้าขายส่วนตัว ซึ่งมีทั้งที่ค้าขายช่วยครอบครัวและเก็บเงินเพื่อนำมาใช้เป็นทุนในการเรียนต่อ รวมถึงการมุ่งเป้าไปเรียนสายอาชีพ เพื่อจะได้เรียนจบไวๆ แล้วรีบกลับมาช่วยครอบครัว
ขณะที่บางคนก็ตั้งใจจะไปเรียนวิทยาลัยพลศึกษา แต่ขัดใจผู้ปกครองไม่ได้ จึงจำต้องสมัครเข้าสู่โครงการนี้
และที่ฟังแล้ว ทำเอาผมสะท้อนสะเทือนใจมากเป็นพิเศษก็คือ “อาจไม่ได้เรียนต่อ” รวมถึง “อะไรก็ได้ ขอให้มีโอกาสได้เรียนต่อ”
ผมมีความจำเป็นต้องทักถามประเด็นนี้ เพราะอยากรู้ว่าเมื่อครั้งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พวกเขามีมุมมองหรือทัศนคติต่อโครงการครูรักษ์ถิ่นอย่างไรบ้าง แต่ผมเน้นว่าให้ทบทวนกลับไปยังอดีต ไม่ใช่ใช้มุมมอง หรือต้นทุนในปัจจุบันตอบคำถามนี้
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงย้ำหนักแน่นว่าต้องทบทวนเรื่องนี้บนต้นทุนของอดีต
สำหรับประเด็นนี้คำตอบเกือบทั้งหมดเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ประเด็นที่พบความถี่มากที่สุด ประกอบด้วย ครูรักษ์ถิ่น คือ โอกาสของการสร้างชีวิตและครอบครัว ครูรักษ์ถิ่น คือ เป็นครูที่จะต้องกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง ครูรักษ์ถิ่น คือ ทุนการศึกษาเรียนฟรี กินอยู่ฟรี จบแล้วบรรจุเป็นครู
หรือแม้แต่ที่พบ แม้จะไม่มากมายนัก แต่ก็น่าสนใจ กล่าวคือ ครูรักษ์ถิ่น คือโครงการพัฒนาประเทศชาติ และเข้าใจว่าครูรักษ์ถิ่น คือโครงการเดียวกับครูคืนถิ่น
คำถามในหัวใจห้องที่ 3 แตกต่างจากสองคำถามแรก เพราะเป็นคำถามที่ชวนให้นักศึกษาทบทวนตัวตนในปัจจุบัน ว่ารู้สึกอย่างไร รักและมุ่งมั่นอยู่ไหม หรือค้นพบเส้นทางสายใหม่ของตนเองแล้ว
โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นคำถามที่สำคัญ ยิ่งเป็นช่วงที่นักศึกษากำลังเตรียมตัวออกสู่การเป็นครูฝึกสอน การทบทวนตัวเองในประเด็นนี้จึงยิ่งสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของทัศนคติที่อาจบ่งชี้ถึงจิตวิญญาณของความเป็นครู หรือว่าที่ครูอย่างเลี่ยงไม่ได้
เป็นที่น่ายินดีว่าเกือบทั้งหมดยังคงยืนยันหนักแน่นว่า “ยังอยากเป็นครูรักษ์ถิ่น” โดยมีเหตุผลประกอบทั้งเหมือนและต่างกัน เช่น
หรือแม้แต่ ยังอยากเป็นครูรักษ์ถิ่น เพราะเดินทางมาไกลแล้ว ไม่สามารถหันหลังกลับไปเริ่มต้นใหม่กับเรื่องใหม่ๆ ได้อีก
เช่นเดียวกับการยังรู้สึกอยากเป็นครูรักษ์ถิ่น แต่ก็ยังอดเสียดายความฝันที่แท้จริงของตนเองไม่ได้
นี่เป็นข้อมูลเล็กๆ ที่เกิดขึ้นกับกระบวนการดังกล่าวที่เน้นให้นักศึกษาได้ทำการทบทวนตัวเองอย่างจริงจังอีกสักรอบ เป็นการทบทวนก่อนพาตัวเองออกไปสู่การฝึกสอนอย่างเต็มตัว มิใช่ไปเพื่อสังเกตการสอนเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการทบทวนอดีตและปัจจุบันอย่างเป็นเหตุเป็นผล เป็นการทบทวนโดยการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเองเป็นสำคัญ
ส่วนประเด็นหัวใจห้องที่ 4 (คำถามข้อที่ 4) เป็นคำถามว่าด้วยเรื่องคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของความเป็นครูรักษ์ถิ่น ไว้ผมจะมาเล่าในบันทึกถัดไป นะครับ
เขียน อังคารที่ 21 มีนาคม 2566
มหาสารคาม / มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เมื่อเสาร์ที่แล้ว น้องโครงการนี้รุ่นที่เราทำกัน มาเรียนป.โท ม.เกษตรฯแล้ว
ครับ ดร. ขจิต ฝอยทอง
เด็กๆ เก่งกันทุกรุ่น คุณภาพกันทุกคนเลยครับ
สำคัญคือ แนวคิดโครงการครูรักษ์ถิ่นดีมากๆ ครับ เป็นโมเดลที่น่าสนใจมากๆ ครับ
ขอบคุณ อาจารย์แผ่นดินที่รับ “เทียบเชิญ” จากโครงการเกี่ยวกับครู ครู ที่ผมเกือบจะทำมันตลอดชีวิตของการทำงาน มีประเด็นใดต้องเชิญอาจารย์แผ่นดินโดยสม่ำและเสมอ ;)…
ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ อาจารย์ Wasawat Deemarn แม้แต่ละครั้งจะมีวีรกรรมให้ผมจดจำจากอาจารย์โดยตรงก็เถอะ 555
แต่ยอมรับครับ โครงการผลิตครูรักษ์ถิ่นของที่นี่ เยี่ยมยุทธ จริงๆ ครับ