การสอนแบบโครงการ
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงการเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภายใต้บรรยากาศที่เป็นมิตร มีอิสระเสรี ให้เกียรติให้ความสำคัญแก่เด็กในฐานะคนๆหนึ่งที่มีสิทธิเท่าเทียมกันทุกคน สร้างความรู้สึกที่มั่นคง กล้าคิดกล้าแสดง กล้าลงมือทำ ครูเป็นผู้คอยให้การสนับสนุนคอยช่วยเหลือเมื่อเด็กต้องการ ครูจะไม่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ แต่จะเป็นผู้จัดสภาพแวดล้อมของห้องเรียนและเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่เอื้อให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมในเรื่องราวที่เป็นความสนใจและท้าทายความสามารถของเด็ก ให้โอกาสเด็กได้ค้นพบและเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงกับสิ่งของ เรื่องราว สถานที่ บุคคลและเหตุการณ์ต่างๆภายในชุมชนของเด็ก ตามวิธีการของแต่ละบุคคล เปิดโอกาสให้เด็กได้ประเมินผลการทำงานของตนเอง ได้เห็นพัฒนาการและความสำเร็จและล้มเหลวของตน ครูเป็นผู้ให้ข้อมูลย้อนกลับในทางบวกและคอยแนะนำช่วยเหลือให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จในการทำกิจกรรม ลักษณะสำคัญของการสอนแบบโครงการ ๑. เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้ร่วมกับระบบการสอนในหลักสูตรตามปกติ โดยโอกาสที่ครูจะใช้รูปแบบการเรียนการสอนนี้จะเกิดขึ้นภายใต้สภาพการเรียนการสอนตามปกติ เมื่อครูสังเกตเห็นว่าเด็กมีความสนใจในเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นพิเศษ และต้องการจะศึกษาเรื่องนั้นต่อไป และครูพิจารณาว่าสามารถจัดกิจกรรมเพื่อศึกษาเรื่องนั้นได้และมีแหล่งทรัพยากรเพียงพอในการศึกษาเรื่องนั้น ๒. จุดเน้นสำคัญของการจัดการเรียนการสอนนี้มุ่งที่ความสนใจของเด็กเป็นหลักเพื่อให้เด็กมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องที่ตนสนใจ ในวิธีการของเด็กเอง ดังนั้นการสอนแบบโครงการไม่มีการวางแผนการสอนอย่างชัดเจนไว้ล่วงหน้า ครูผู้สอนคอยจะสังเกตจนพบความความสนใจของเด็ก แล้วจึงจะสามารถร่วมกันวางแผนและกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกันกับเด็กขึ้นและจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการความสนใจของเด็ก ๓. แม้ว่าการสอนแบบโครงการจะมุ่งที่ความสนใจของเด็กเป็นรายบุคคล แต่ในการเลือกหัวข้อของโครงการที่จะทำการศึกษานั้น เด็กทั้งกลุ่มจะร่วมกันเลือกหัวข้อของโครงการร่วมกัน ภายใต้กรอบความสนใจของเด็กส่วนใหญ่ในห้องเรียนและภายใต้การพิจารณาของครูว่าหัวข้อดังกล่าวสามารถเลือกเป็นหัวข้อโครงการได้หรือไม่ โดยครูพิจารณาเกณฑ์ในการเลือกหัวข้อของโครงการดังนี้๑) เป็นหัวข้อที่เด็กทุกคนหรือเด็กส่วนใหญ่ของกลุ่มสนใจ๒) มีแหล่งทรัพยากรในท้องถิ่นเพียงพอที่จะจัดกิจกรรมในหัวข้อโครงการนี้ได้๓) เป็นหัวข้อที่เด็กพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้างแล้ว๔) เป็นหัวข้อที่เด็กสามารถใช้ประสบการณ์ตรงในการค้นหาข้อมูลข้อเท็จจริงได้๕) เป็นเรื่องที่เป็นจริง สามารถให้เด็กมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนั้นได้๖) เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้มีการร่วมมือกันทำงาน๗) เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติ สร้างสิ่งของหรือเล่นสมมุติ๘) เป็นหัวข้อที่มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์ของการเรียนการสอน๙) เด็กมีโอกาสใช้ทักษะต่างๆในการเรียนรู้ ๑๐) ผู้ปกครองมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการ ๔.การสอนแบบโครงการต้องการครูที่มีคุณลักษณะสำคัญอย่างยิ่งคือต้องเป็นผู้ที่ยอมรับเด็กโดยแท้ เชื่อมั่นว่าเด็กสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตัวเด็กเอง โดยครูจะต้องแสดงบทบาทผู้ฟังที่ดีให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความต้องการความสนใจของเด็กและจัดกิจกรรมตามความสนใจของเด็กอย่างแท้จริง ต้องไม่แสดงบทบาทของผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก ไม่เป็นผู้กำหนดกิจกรรมให้เด็กทำตามความคิดของครู
หลักการและแนวคิดสำคัญของการสอนแบบโครงการ ๑.เด็กศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกลงไปในรายละเอียดของเรื่องนั้น ด้วยกระบวนการคิดและแก้ปัญหาของเด็กเองจนพบคำตอบที่ต้องการ ๒ .เรื่องที่ศึกษากำหนดโดยเด็กเอง ๓. ประเด็นที่ศึกษา เกิดจากข้อสงสัยหรือปัญหาของเด็กเอง ๔. เด็กได้มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่ศึกษาโดยการสังเกตอย่างใกล้ชิดจากแหล่งความรู้เบื้องต้น ๕.ระยะเวลาการสอนยาวนานอย่างเพียงพอตามความสนใจของเด็ก ๖.เด็กได้ประสบทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จในการศึกษาตามกระบวนการแก้ปัญหา ของเด็ก ๗. ความรู้ใหม่ที่ได้จากกระบวนการศึกษาและการแก้ปัญหาของเด็กเป็นสิ่งที่เด็กใช้กำหนดประเด็นศึกษาขึ้นใหม่ หรือใช้ปฏิบัติกิจกรรมที่เด็กต้องการ ๘. เด็กได้นำเสนอกระบวนการศึกษา และผลงานต่อคนอื่น ๙. ครูไม่ใช่ผู้ถ่ายทอดความรู้ หรือกำหนดกิจกรรมให้เด็กทำ แต่เป็นผู้กระตุ้นให้เด็กใช้ภาษาหรือสัญญลักษณ์อื่นๆเพื่อจัดระบบความคิด และสนับสนุนให้เด็กใช้ความรู้ทักษะที่มีอยู่คิดแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
วัตถุประสงค์ของการสอนแบบโครงการ
รูปแบบการเรียนการสอนนี้พัฒนาขึ้นเพื่อ๑.พัฒนาทักษะการคิดของเด็ก
๒.พัฒนาทักษะการลงมือปฏิบัติของเด็ก๓.พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาของเด็ก
๔.เสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเองของเด็กวัย
จากองค์ประกอบของการเห็นคุณค่าในตนเอง ๕
องค์ประกอบ ๑๖ พฤติกรรม
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ก.องค์ประกอบด้านคุณลักษณะเฉพาะตัวและการเข้าร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน
๑.
ลงมือปฏิบัติกิจกรรมใหม่ๆหรือทำงานใหม่ๆได้
๒.
ตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองได้
๓.
ทำงานเองโดยลำพังไม่ต้องมีคนคอยควบคุมได้
๔.
เสนอความคิดใหม่ๆเกี่ยวกับกิจกรรมในห้องเรียนได้
๕.
ถามคำถามเพื่อทำความเข้าใจได้
๖.
ปรับตัวได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
ข.
องค์ประกอบด้านการประพฤติตัวได้เหมาะสมในห้องเรียน
๗. พูดในจังหวะอันควรได้
๘.
พูดถึงสิ่งที่ได้กระทำที่โรงเรียนในทางที่ดี
๙.
ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมกับคนอื่นๆได้
ค.
องค์ประกอบด้านการสามารถเผชิญกับความผิดพลาดและการวิพากษ์วิจารณ์
๑๐.
เวลามีข้อผิดพลาดสามารถจัดการกับข้อผิดพลาดได้
๑๑.
เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ยอมรับฟังได้โดยไม่แสดงกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง
ง.
องค์ประกอบด้านความเป็นที่สนใจ
๑๒.
เป็นผู้ที่เพื่อนเลือกให้อยู่ในกลุ่ม
๑๓.
แสดงความเป็นผู้นำในกลุ่มได้
๑๔.
กล่าวถึงตนเองในทางที่ดี
จ.
องค์ประกอบด้านความเชื่อมั่นในตนเอง
๑๕.
พูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกของตนได้
๑๖.
ชื่นชมการทำงานและผลงานของตน
๑. สาระหลักของรูปแบบ คือกระบวนการแก้ปัญหา จะเป็นสาระหลักที่ครูใช้กระตุ้นให้เด็กใช้ตลอดกระบวนการจัดการเรียนการสอน กระบวนการแก้ปัญหา เป็นกระบวนการที่ต้องการให้เด็กคิด หาวิธีการแก้ปัญหา โดยครูมีหน้าที่กระตุ้นให้เด็กเกิดความคิดในการที่จะหาวิธีการแก้ปัญหาตามวิธีการของเด็ก มีขั้นตอนดังนี้ ๑. กำหนดประเด็นปัญหา จากการที่เด็กสังเกต ศึกษาข้อมูล รับรู้และทำความเข้าใจปัญหา จนสามารถสรุปและกำหนดประเด็นปัญหาขึ้นได้ ๒. เด็กวิเคราะห์โดยการอภิปราย หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อแยกแยะประเด็นปัญหา สภาพ สาเหตุ และลำดับความสำคัญของปัญหา ๓.เด็กสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหาด้วยการตั้งสมมุติฐาน ๔. เด็กตรวจสอบสมมุติฐานด้วยการลงมือปฏิบัติ ๕. สรุปผล สังเคราะห์ความรู้ด้วยตัวเอง ในการที่เด็กจะคิดแก้ปัญหาได้นั้นครูต้องมีการกระตุ้นให้เด็กคิด โดยการกระตุ้นให้เด็กได้ใช้ทักษะทางการคิด และลักษณะทางการคิด ซึ่งประกอบด้วยทักษะและลักษณะต่อไปนี้ ทักษะการคิด ประกอบด้วย ๑).ทักษะการคิดพื้นฐาน ได้แก่ ๑.๑ ทักษะการสื่อสาร ได้แก่<font size=
ทักษะการฟัง - ทักษะการใช้ความรู้<font size=
ทักษะการจำ - ทักษะการอธิบาย<font size=
ทักษะการอ่าน - ทักษะการทำความ กระจ่าง<font size=
ทักษะการรับรู้ - ทักษะการบรรยาย<font size=
ทักษะการเก็บความรู้ - ทักษะการพูด<font size=
ทักษะการดึงความรู้ - ทักษะการเขียน<font size=
ทักษะการจำได้ - ทักษะการแสดงออก ๑.๒
ทักษะการสังเกต - ทักษะการระบุ<font size=
ทักษะการสำรวจ - ทักษะการจำแนก ความแตกต่าง<font size=
ทักษะการตั้งคำถาม - ทักษะการจัดลำดับ<font size=
ทักษะการรวบรวมข้อมูล - ทักษะการเปรียบเทียบ<font size=
ทักษะการจัดหมวดหมู่ - ทักษะการอ้างอิง<font size=
ทักษะการตีความ - ทักษะการแปลความ<font size=
ทักษะการเชื่อมโยง - ทักษะการขยายความ<font size=
ทักษะการใช้เหตุผล - ทักษะการสรุปความ ๒)ทักษะการคิดขั้นสูง ที่สำคัญมีดังนี้<font size=
ทักษะการนิยาม - ทักษะการวิเคราะห์<font size=
ทักษะการผสมผสาน - ทักษะการจัดระบบ<font size=
ทักษะการสร้าง - ทักษะการจัดโครง สร้าง - ทักษะการปรับโครงสร้าง - ทักษะการหาแบบแผน - ทักษะการหาความเชื่อพื้นฐาน- ทักษะการทำนาย - ทักษะการตั้งสมมุติฐาน - ทักษะการทดสอบ สมมุติฐาน<font size=
ทักษะการกำหนดเกณฑ์ - ทักษะการพิสูจน์ - ทักษะการประยุกต์ ลักษณะการคิด ครูจะกระตุ้นให้เด็กมีลักษณะการคิดหลายๆรูปแบบ หลายๆลักษณะ ลักษณะการคิดเป็นประเภทของการคิดที่แสดงลักษณะเฉพาะที่ชัดเจน ลักษณะการคิดแต่ละลักษณะจะอาศัยทักษะพื้นฐานบางประการและมีกระบวนการหรือการคิดไม่มากนัก ลักษณะการคิดดังกล่าวประกอบด้วย การคิดคล่อง การคิดหลากหลาย การคิดละเอียด การคิดชัดเจน การคิดกว้าง การคิดไกล การคิดลึกซึ้ง และการคิดอย่างมีเหตุผล ๒. สาระที่เป็นเนื้อหาตามหัวข้อโครงการ เป็นเนื้อหาที่เกิดจากความสนใจ ความต้องการของเด็ก แล้วถูกกำหนดเป็นหัวข้อโครงการที่จะทำการศึกษา กระบวนการจัดการเรียนการสอนขั้นตอนการสอน การจัดการเรียนการสอนตามกระบวนการขอการสอนแบบโครงการประกอบไปด้วยระยะของโครงการ ๓ ระยะใหญ่ๆ คือ ระยะที่ ๑ เริ่มต้นโครงการ ระยะที่ ๒ พัฒนาโครงการ ระยะที่ ๓ รวบรวมสรุป เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ตลอดการสอน ๑ โครงการ เวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับการได้ดำเนินการขั้นตอน ตามขั้นตอนการสอนของรูปแบบ คือ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ พัฒนาโครงการ และรวบรวมสรุป ดังนั้นเวลาในการสอน ๑ โครงการจึงไม่สามารถกำหนดให้แน่นอนตายตัวได้ เพราะขึ้นอยู่กับความสนใจในการทำกิจกรรมของเด็ก ส่วนในการสอน ๑ ครั้งใน ๑ วันใช้เวลาประมาณ ๕๐-๗๐ นาที ตามช่วงเวลาของกิจกรรมอิสระ หรือช่วงเวลาที่โรงเรียนกำหนดขึ้นเอง ซึ่งก็สามารถยืดหยุ่นให้มากหรือน้อยกว่านี้ได้ทั้งนี้ให้ขึ้นอยู่กับความสนใจของเด็กเป็นสำคัญ การจัดสภาพสิ่งแวดล้อม การสอนแบบโครงการมุ่งให้เด็กได้มีโอกาสมีประสบการณ์ตรงกับสิ่งต่างๆ ทั้งที่เป็นบุคคล สิ่งของ หรือเหตุการณ์ เพื่อที่เด็กจะได้สร้างองค์ความรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเหล่านั้น ครูควรจัดเอกสาร หนังสือ หรือวัสดุอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อโครงการไว้ในห้องเรียน รวมทั้งจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ตามโครงการของเด็ก ด้วยการติดผลงานของเด็ก ภาพถ่าย ติดป้ายแสดงเรื่องราว(Documentary Board)การทำโครงการของเด็ก ครูสามารถขอความร่วมมือจากผู้ปกครองที่จะส่งเอกสาร หรือสิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อโครงการมาจัดแสดงในห้องเรียน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้มีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ในโครงการพญานาค ครูขอความร่วมมือจากผู้ปกครองโดยผ่านการทำหนังสือแจ้งข่าวการทำโครงการพญานาคและขอความร่วมมือขอให้นำสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับพญานาคมาร่วมแบ่งปันกันในห้องเรียน มีผู้ปกครองส่งกล่องไม้ขีดไฟตราพญานาคมาจัดแสดงในห้องเรียน และมีเอกสารเกี่ยวกับอาชีพการวาดรูปพญานาคบนหัวเรือประมงมาแบ่งปัน สิ่งเหล่านี้เด็กให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นการจัดสภาพแวดล้อมของห้องเรียนจะเป็นเรื่องราวของการศึกษาค้นคว้า ผลงานการทำงานตามโครงการของเด็ก ห้องเรียนที่ใช้ในการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการเรียนการสอนนี้สามารถใช้ห้องเรียนห้องเดียวกับการเรียนการสอนปกติ แต่ถ้าหากโรงเรียนใดสามารถจัดห้องเรียนที่เป็นห้องโครงการโดยเฉพาะได้จะทำให้การจัดกิจกรรมเต็มไปด้วยความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งการเรียนการสอนนี้ต้องการพื้นที่ในการสร้างแบบจำลองที่มีขนาดใหญ่ และต้องใช้เวลาในการสร้างและปรับปรุงเป็นเวลานาน กิจกรรมการเรียนการสอนตามกระบวนการเรียนการสอนระยะที่ ๑ เริ่มต้นโครงการ ก่อนที่จะเริ่มโครงการครูและเด็กทุกคนในกลุ่มร่วมกันกำหนดหัวข้อของโครงการ หัวข้อโครงการกำหนดขึ้นจากความสนใจของเด็กทั้งกลุ่มหรือเด็กส่วนใหญ่เป็นหลัก โดยครูเป็นผู้คอยสังเกตคำพูดและการกระทำต่างๆ ของเด็กในระบบการเรียนการสอนตามปกติ เมื่อครูสังเกตเห็นว่าเด็กมีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเมื่อครูพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเกณฑ์การเลือกหัวข้อโครงการแล้วเห็นว่าจะสามารถนำมาเป็นหัวข้อของโครงการได้ ครูนำเรื่องนั้นมาอภิปรายร่วมกับเด็กแล้วร่วมกันกำหนดเป็นหัวข้อโครงการ โครงการเริ่มต้นหลังจากที่กำหนดหัวข้อโครงการแล้ว โดยครูจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อตรวจสอบว่าเด็กมีความรู้เดิมเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นหัวข้อโครงการมากน้อยเพียงใด กิจกรรมดังกล่าวได้แก่ การอภิปราย การวาดภาพระบายสี การเล่าเรื่องและประสบการณ์เกี่ยวกับหัวข้อโครงการ การเขียน แล้วนำความรู้เดิมของเด็กที่มีอยู่แล้วมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกับเพื่อน ๆ โดยนำเสนอผ่านกิจกรรมหรือสื่อต่างๆ เช่น การอภิปราย การสนทนาพูดคุย การวาดภาพ ระบายสี การเขียน การทำแผนภูมิ หรือการทำงานศิลปะอื่นๆ ครูจัดแสดงผลงานต่างๆไว้ในชั้นเรียน ครูคอยกระตุ้นให้เด็กตั้งคำถามและตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังศึกษา และครูเป็นผู้คอยสังเกต จดบันทึกคำพูด คำถามและสมมุติฐานของเด็กแล้วจัดแสดงไว้ในห้องเรียน เพื่อให้เด็กคอยตรวจสอบในการศึกษาอย่างลุ่มลึกต่อไป รายละเอียดวิธีการการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นดังนี้๑. สังเกต/สร้างความสนใจของเด็ก· ครูนำสิ่งของเข้ามาในห้องเรียนให้เด็กสังเกตอย่างใกล้ชิด ในรายละเอียดของสิ่งของนั้น ๑) ครูถามคำถาม ถึงลักษณะของสิ่งของที่เด็กสังเกตได้ เมื่อเด็กตอบหรือแสดงความเห็น ครูยอมรับคำตอบของเด็ก โดยแสดงท่าทางการฟังอย่างตั้งใจ มองที่หน้าและสบตาเด็ก ทำท่าทางทางพยักหน้ายอมรับ และจดบันทึกคำพูดของเด็ก ๒) ครูกระตุ้นให้เด็กสังเกตรายละเอียดของสิ่งของนั้น เช่น ครู : หนูดูสิว่า กระดาษแผ่นนี้กับกระดาษแผ่นนั้นเหมือนกันไหม ทำไมถึงไม่เหมือนกัน ตรงไหนบ้างที่เหมือนกัน ๓) ครูยอมรับฟังคำตอบของเด็กด้วยความสนใจ โดยการมองตาเด็ก แสดงท่าทางตั้งใจ ด้วยการพยักหน้า จดบันทึกคำพูดเด็ก· หรือ จากสถานการณ์การการเรียนการสอนปกติ ครูกระตุ้นให้เด็กสังเกตสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ ๑) ครูถามคำถาม ถึงลักษณะสิ่งของหรือเหตุการณ์นั้น และ กระตุ้นให้เด็ก ๆ สังเกตในรายละเอียด เช่น ครู : เด็ก ๆ ว่าหลังเต่ากับท้องเต่า มันมีลายเหมือนกันไหม มันไม่เหมือนกันอย่างไร ๒) ครูยอมรับคำตอบของเด็ก ด้วยการรับฟังอย่างสนใจ ไม่แก้ไขความคิดเห็นของเด็ก จดบันทึกคำพูดของเด็ก ๓) ครูสังเกตว่าเด็กมีความสนใจในสิ่งของหรือสถานการณ์ที่เด็กสังเกตหรือไม่ หากเด็กสนใจ คือ แสดงการอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งของนั้นๆ ต่อไปอีก ครูนำเด็กไปสู่การกำหนดหัวข้อโครงการ หากเห็นว่าเด็ก ๆ ไม่สนใจ คือไม่อยากรู้ต่อไป ครูยอมรับเด็กโดยการให้
สวัสดีค่ะ คือ ดิฉันอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสอบแบบโครงการแบบละเอียดค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังผลงานส่งอยู่ค่ะ โดยเลือกการสอนแบบโครงการ หัวข้อ โครงการประกวดการเล่านิทานประกอบท่าทาง ระดับปฐมวัย รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะค่ะ ส่งมาทางเมล์นี้ก็ได้นะค่ะ
ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
นางพิมพรรณ เลิศพงษ์วรพันธ์ ครู คศ.2
ขอบคุนสำหรับข้อมูลนะคะ
ละเอียดมากเลยค่ะ
ดิฉันกำลังทำโครงงานเรื่องการรำมโนราห์ก.ไก่ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับพญัชนไทยก-ฮ เพิ่อพัฒนาทักษะเด็กๆ อยากจะขอคำแนะนำจากท่านเกี่ยวกับโครงงาน
รบกวนตอบกลับด้วยนะคะ
ดิฉันจะนำความรู้ไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนกับนักเรียน
ขอบคุณค่ะ
น่าสนใจครับ
กิจกรรม+วิชาการ
ขอบคุณครับ
ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย (ศูนย์หนองบัวลำภู)จะจัดอบรมสัมนาเรื่องการสอนแบบโครงการอยากขอให้ท่านดร.วัฒนา มาเป็นวิทยากรบรรยายจังเลยค่ะจะทำอย่างไรดีค่ะ
ดิฉันรบกวนขอแบบหรือตัวอย่างการสอนแบบโครงการที่ถูกต้องเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ขอบคุณมากค่ะ
Thankyou for your document.
สวัสดีค่ะ คือ ดิฉันอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสอบแบบโครงการแบบละเอียดค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังผลงานส่งอยู่ค่ะ โดยเลือกการสอนแบบโครงการ เพื่อพัฒนาทักาะกระบวนการวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะค่ะ ส่งมาทางเมล์นี้ก็ได้นะค่ะ
ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
คุณสุ
อยากสอนแบบโครงการ ในระดับชั้นอนุบาล โครงการต้นไม้รอบตัวหนู อยากได้รายละเอียดโครงการและวิธีการประเมิน
ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เรียนอาจารย์ที่เคารพ
เนื่องจากลูกสาวทำProject Approach เรื่องไก่ คะ
ขอรบกวนตัวอย่าง หรือคำแนะนำด้วยคะ
ขอบคุณมากคะ
แม่น้องน้ำตาล
การสอนแบบโครงงานกับโครงการเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้างช่วยอธิบายให้ชัดเจนด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ความรู้เรื่อง การเรียนการสอนแบบโครงการค่ะ ดิฉันเคยเรียนกับอาจารย์ อาจารย์อธิบายในเรื่องการจัดการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยบ้างแล้ว เรื่องนี้ก็น่าสนใจและน่าจะนำไปประยุกต์ใช้ค่ะ
จะนำความรู้ท่ีได้อ่านมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาเด็กให้เป็นคนดี คนเก่ง คะ
การสอนแบบโครงการต่างกับการสอนแบบโครงงานอย่างไร
หลักศูตรปฐมวัยจำเป็นต้องสอนแบบโครงงานอย่างเดียวหรือไม่ ใช้การสอนแบบโครงงานได้หรือไม่
ขอให้อาจารย์ให้ความกระจ่างหน่อยค่ะ
ดีมากๆเลยครับ ต้องเอาไปประยุกต์ใช้สอนกับลูกๆบ้างแล้ว