๑๒ข้อชวนอีหยังวะและไม่ควรทำรับวันตรุษจีน



รู้หรือไม่ เราห้ามซื้อรองเท้าใหม่ในวันตรุษจีน และถ้ามีใครมาขอยืมเงินในวันนั้นก็จะทำให้ซวยไปตลอดทั้งปี

สวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะกับ “เมย์มีเรื่องเล่า” เพราะเมื่อมี เรื่องเราจะเก็บเล่า สำหรับในวันนี้ไหนๆก็จะเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนทั้งที เราก็ คงจะไม่พูดเรื่องตรุษจีนไม่ได้ใช่ไหมคะ สำหรับวันตรุษจีนในปีนี้ตรงกับวัน เสาร์ที่ 25 มกราคม 2563 ซึ่งยึดตามหลักปฏิทินจันทรคติ ทำให้ทุกปีนั้นวัน ตรุษจีน จึงเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนกันค่ะ

แล้วทุกคนทราบไหมคะว่าเทศกาลตรุษจีนนั้นมีทำไมวันตรุษจีนถึงต้องมีการจุด ประทัด และแขวนโคมและติดป้ายแดง ทุกอย่างเกิดจาก               "เหนียน"ค่ะ

สำหรับตัวเหนียน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กว้อเหนียน หรือว่า กว้อชุนเจี๋ยค่ะ ถือว่าเป็นสัตว์ตามความเชื่อในนิทานปรัมปราของจีน ลักษณะคล้ายสิงโตมี ขนรุงรังและเป็นสัตว์ป่าดุร้าย ออกทำร้ายชาวบ้านและกินคนเป็นประจำ ทำให้ตัวของมันนั้นถูกเทวดาให้จองจำอยู่บนเขา และสามารถลงมาจากเขาได้แค่เพียงปีละ1 ครั้งซึ่งก็คือประมาณฤดูใบไม้ผลิ และเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายจากตัวเหนียน ในช่วงวันที่ 30เดือน 12 ทุกคนก็จะต้องปิดประตูหน้าต่าง และคอยเฝ้ายามเพื่อต่อสู้กับตัวเหนียน จนกระทั่งวันแรม 1ค่ำ เดือน 1 เมื่อตัวเหนียนกลับไปทุกคนก็จะออกเฉลิมฉลอง ชัยชนะกันนั่นเองค่ะ

   และแม้ว่าเจ้าตัวเหนียนจะเป็นสัตว์ที่แข็งแรงแต่ก็มีจุดอ่อนเช่นกันค่ะ นั่นก็คือมันกลัว "เสียงดัง สีแดง และโคมไฟ" ค่ะ ตามตำนานเล่าว่าเมื่อตัวเหนียนลงจากเขามาไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้ยินเด็กเล่นหวดแส้กันอยู่ ก็เกิดตกใจ เลยถอยหนีไป และเมื่อไปที่อีกหมู่บ้านหนึ่งเจอคนตากชุดแดง ก็ตกใจอีก และเมื่อมาหมู่บ้านที่สาม เจอกองเพลิงบนถนน ก็เกิดกลัวขึ้นมาอีก จนสุดท้ายชาวบ้านก็สามารถหาทางกำจัดตัวเหนียนได้ และด้วยความเชื่อเหล่านี้นี่แหละค่ะจึงกลายเป็นที่มาของการที่ทำไมเมื่อถึงวันตรุษจีน จึงมีการนิยม จุดประทัด แขวนโคมไฟ และแปะกระดาษแดง    นั่นเองค่ะ

   ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ววันตรุษจีนก็อาจจะเป็นพิธีหนึ่งที่เตรียมความ พร้อมในการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล อันเป็นสัญญาณสำหรับสังคมเกษตรกรรม ในยุคก่อนนั่นเองค่ะ โดยในวันตรุษจีนผู้คนก็จะใช้เวลาในการเฉลิมฉลอง เพื่อการละทิ้งสิ่งไม่ดีเก่าๆทิ้งไป และเริ่มต้นสิ่งดีๆใหม่ๆเข้ามาแทนที่ และ ด้วยความเชื่อแบบนี้นี่เองแหละค่ะ จึงกลายมาเป็นข้อควรปฏิบัติที่มักจะยึด ถือกันในช่วงวันตรุษจีน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราตามมาดูกันได้เลยค่า

1. ห้ามทุกคนพูดคำหยาบ และให้พูดคำที่ เป็นมงคล




  โดยคนจีนเชื่อกันว่าการพูดคำหยาบนั้นจะเป็นการขัดขวางโชคลาภที่กำลังจะเข้ามาในชีวิต และจะทำให้การเริ่มต้นปีมีแต่เรื่องร้ายๆ และนอกจาก คำหยาบแล้ว เลขสี่เองก็เป็นสิ่งที่ห้ามพูดด้วยเช่นกัน เพราะเนื่องจากคำว่าสี่ในภาษาจีนจะพ้องเสียงกับคำว่าตายซึ่งเป็นความหมายที่ไม่มงคล

เพราะงั้นการห้ามพูดจึงหมายรวมไปถึง การห้ามพูดถึงคนตาย หรือว่าเรื่องความตายและผีสางต่างๆ โดยการพูดในวันตรุษจีนนั้นควรจะพูดในเรื่องของความดีงาม อนาคตที่สดใส เพิ่อเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีนั่นเองค่ะ

2. ห้ามแสดงอารมณ์โศกเศร้าหรือว่าร้องไห้ในช่วงปีใหม่


    ข้อนี้ก็คล้ายข้อแรกเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าน้ำตาหรือความโศกเศร้าที่เกิดขึ้น ในช่วงนี้ก็จะทำให้คนๆนั้นหรือว่าวงศ์ตระกูลนั้นเกิดความโศกเศร้าหรือเจอ ปัญหาที่ทำให้กลัดกลุ้มใจไปตลอดทั้งปี รวมไปถึงในกรณีของเด็กเอง ผู้ใหญ่ก็มักจะไม่ลงโทษในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะทำให้ บุตรหลานของตัวเองเกิดความทุกข์ใจไปทั้งปี เช่นกันค่ะ


3. ห้ามแต่งขาวดำ และให้แต่งชุดแดง


    สำหรับความเชื่อนี้มีที่มาจากความคิดที่ว่าเสื้อสีขาวดำนั้นเป็นสีของงานศพ หรืองานอวมงคลทั้งหลาย การใส่เสื้อสีดำหรือขาว จึงเหมือนเป็นการนำสิ่ง ของอัปมงคลเข้ามาสู่ตัว หรือว่าที่ตัวเองอยู่ ซึ่งตรงข้ามกับสีแดง ที่เป็น สัญลักษณ์ของการเรียกโชคลาภ ที่จะนำพาความสว่างสดใสและความสุข เข้ามาสู่ตัว ดังนั้นชาวจีนส่วนใหญ่จึงนิยมใส่เสื้อสีแดง หรือสีสันสว่างๆ เพื่อนำพาความโชคดีให้มาพร้อมกับปีนั่นเองค่ะ





4. ห้ามทำความสะอาดและซักผ้าในวันตรุษจีน


สำหรับในเรื่องของความเชื่อนี้มาจาก ความคิดที่ว่าการทำความสะอาดใน บ้านจะเป็นปัดกวาดความโชคดี และโชคลาภออกไปและส่วนการซักผ้านั้น เนื่องมาจากชาวจีนนั้นมีความเชื่อที่ว่าเทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในช่วงวันตรุษจีน เพราะงั้นถ้าซักผ้าในวันนี้จึงถือว่าเป็นการลบหลู่เทพเจ้า



5. ห้ามกินโจ๊กตอนเช้าแต่ให้กินเจ


  สำหรับความเชื่อนี้มาจากปกติแล้วชาวจีนจะมักรับประทานโจ๊กหรือข้าวต้มเป็นอาหารปกติ เพราะงั้นในช่วงวันพิเศษอย่างวันชิวอิก หรือเช้าวันแรกของวันปีใหม่จีน การรับประทานโจ๊กตามความเชื่อแล้วเชื่อว่าจะเป็นเหมือนการ ขัดโชคลาภของตัวเองให้อยู่แบบเดิม เพราะงั้นชาวจีนจึงมักจะไม่ รับประทานโจ๊กในมื้อเช้าในปีใหม่แต่เปลี่ยนเป็นอาหารเจแทน

เพราะว่าการรับประทานอาหารเจนอกจากจะเป็นชำระล้างจิตใจตัวเองเพื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่แล้วยังถือว่าเป็นการสรรเสริญเทพเจ้าอีกด้วยเนื่องจาก เทพเจ้าที่ลงมาจากสวรรค์ในช่วงปีใหม่นั้นเป็นเทพเจ้าที่รับประทานแต่ อาหารเจ

6. ห้ามสระผม และตัดผม


  การสระผมและการตัดผมนั้นถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างหนึ่งในวันตรุษจีนเนื่องจากคำว่าผมนั้นไปพ้องรูปกับคำว่ามั่งคั่ง เพราะการตัดหรือการสระผม ออกไปก็จะเป็น การชะล้างความมั่งคัง หรือตัดความมั่งคั่งออกไปนั่นเองค่ะ

7. ห้ามให้ผู้อื่นยืมเงิน

  การให้คนอื่นยืมเงินในวันตรุษจีนนั้นตามความเชื่อแล้วเป็นสิ่งที่ห้ามกระทำเพราะเนื่องจากจะทำให้ชีวิตมีแต่คนเข้ามาสร้างปัญหา หรือว่าคนที่ให้หยิบ ยืมจะยิ่งเป็นคนที่มีปัญหาทางการเงินและหนี้สินเพิ่มมากยิ่งขึ้น

8. ห้ามทำของแตก



สำหรับการทำของแตกในวันตรุษจีนเชื่อว่าจะเป็นลางร้ายเข้ามาในชีวิต หรือทำให้ครอบครัวแตกแยก หรือว่าถึงแก่ชีวิตได้แต่อย่างไรก็ตามก็มีการแก้เคล็ดได้ ด้วยการท่องคำ ลัว ตี คา ฮวา ซึ่ง หมายถึง “ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น

9. ห้ามซื้อรองเท้า


การซื้อรองเท้าใหม่ในวันตรุษจีนนั้นถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามเพราะว่ารองเท้านั้นออกเสียงพ้องกับคำว่า hai หรือเสียงของการถอนหายใจคล้ายกับ ความกลุ้มใจ เพราะงั้นการซื้อรองเท้าใหม่จึงเป็นเหมือนการเอาความกลุ้มใจมาไว้กับตัวเองค่ะ






10 ห้ามเข้าห้องนอนของคนอื่นและห้ามให้คนอื่นเข้าห้องนอนตัวเอง


   โดยปกติแล้วห้องนอนถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคนเรา ที่คนส่วนน้อยจะเข้าถึง แต่ว่าในเรื่องคติความเชื่อของคนจีนการเข้าห้องนอนของผู้อื่นจะ ทำให้เกิดความโชคร้ายเพราะงั้นในกรณีของคนที่มีความเคร่งครัดมากๆ ถ้าหากเป็นคนป่วยแล้วมีคนมาหาก็อาจจะต้องห้ามคนเยี่ยมหรือว่าให้คนป่วยออกมานั่งข้างนอก

  ซึ่งอันนี้ก็แอบงงนิดนึงนะคะถ้าในกรณีที่เป็นคนป่วยแล้วเราต้องเข้าไปพยุงคนป่วยออกมาหรือว่าต้องเข้าไปดูแลคนป่วยเนี่ยจะถือว่าเป็นโชคร้าย หรือเปล่า

11 ห้ามพบเจอศัตรู แล้วเลือกฟังสิ่งดีๆ


  อันนี้ก็ตรงตัวและคล้ายกับข้อแรก เพราะเชื่อว่าการพบเจอสิ่งดีๆและฟังแต่อะไรที่น่าจำเริญใจก็จะทำให้คนผู้นั้นมีความสุข และมีเรื่องดีๆเข้ามาตลอด ทั้งปี โดยเฉพาะเสียงของนกแดง หรือว่านกนางแอ่นนั่นเองค่ะ


12 ห้ามออกจากบ้านถ้าหากยังไม่พบฤกษ์ยามที่ดี




     ส่วนข้อนี้ก็มาจากเรื่องของความเชื่อในเรื่องของฤกษ์ยาม ที่เป็นมงคล ซึ่งบางทีถ้าคนที่เคร่งมากก็อาจจะมีการจ้างซินแสให้หาเวลาที่ต้องออกจากบ้าน สถานที่ที่ต้องไป หรือว่าคนที่ต้องพบเลยก็ได้ค่ะ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเสริม สร้างสิริมงคลให้กับตัวเอง นั่นเองค่ะ


เป็นยังไงกันบ้างคะกับ ๑๒ข้อห้ามชวนอีหยังวะกับวันตรุษจีน บางข้อก็ อาจจะทำให้บางคนไมเกรนขึ้นได้นะคะ แต่เอาตามจริงสิ่งเหล่านี้แม้จะไม่ได้เป็นกฏชัดเจนนัก ใครจะใคร่ปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตามก็เป็นสิทธิส่วน บุคคลค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้เราปฏิบัติตามทุกข้อแต่ตัวเรายังไม่พัฒนาตัวเองหรือพาตัวเองไปสู่หนทางที่ไม่ดี การถือเคล็ดก็เป็นเรื่องที่ทำไปให้ สบายใจเท่านั้น เพราะเคล็ดเหล่านี้ ก็เป็นเพียงเรื่องของธรรมเนียม และวัฒนธรรม เพื่อแสดงความเป็นตัวตน และครอบครัวของตัวเองเท่านั้นเองค่ะ และนี่ก็คือข้อห้ามสุดอิหยังวะรับวันตรุษจีนหวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ สำหรับ วันนี้สวัสดีค่ะ

แหล่งข้อมูล

www.sanook.com

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของช่องของเราได้ที่ 

Youtube: เมย์มีเรื่องเล่า
https://is.gd/9OpQaO

Facebook: เมย์มีเรื่องเล่า https://is.gd/h1c9IE

IG: maymeerunglao
https://is.gd/hF4n51

Twitter: เมย์มีเรื่อง!(เล่า) @maymeerunglao
https://is.gd/C74vVJ

Got... : Maymeerunglao https://is.gd/rK0mvU

หมายเลขบันทึก: 674678เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2020 07:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม 2020 07:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท