..
ปกของสมุดโน๊ตเล่มหนึ่งที่สำนักพิมพ์เอามาทำขาย
ใช้ประโยคของอาจารย์ศิลป์ พีระศรีที่ว่า
"นายไม่อ่านหนังสือ นายจะรู้อะไร"
ขอบอกเลยว่า โดนใจมากสำหรับประโยคนี้
..
..
เวลามางานหนังสือใหญ่ ๆ เป้าหมายของการเดินในงานนี้ นอกจากเป็นหนังสือใหม่ ๆ แล้ว
ห้ามใจไม่ได้ คือ หนังสือล้างสต๊อค หนังสือมีตำหนิ หนังสือมือสองที่ร้านได้มา
เอามาลดราคา เล่มละ ๒๐ บาท ๓๐ บาท ๕๐ บาท หรือ ลดราคาครึ่งหนึ่งของปกหนังสือ
แน่นอนว่า มันยั่วยวนใจ "คนชอบอ่าน" อย่างผมมาก
ฐานะทางการเงินที่พอจะซื้อหนังสือราคา ๒๐ บาทได้หลายเล่ม
แต่หนังสือมือหนึ่งที่น้อยกว่านั้นในแต่ละงาน
..
..
หนังสือมือสองที่ "ตาดีได้ ตาร้ายเสีย" สำหรับเซียนหาหนังสือมือสองอย่างผม
หนังสือบางเล่มเคยหมายตามานาน แต่ราคาแพงเกินไปจนซื้อไม่ลง
หนังสือบางเล่มพิมพ์ในโอกาสพิเศษ ซึ่งไม่เคยเห็นวางขายตามร้าน
หนังสือบางเล่มเก่าเก็บ แต่กลับมาคุณค่าทางใจในการเก็บสะสมมาก
การเลือกหนังสือต้องใช้ "เวลา" ค่อย ๆ ไล่ไปทีละเล่ม
เมื่อเจอหนังสือเล่มที่ต้องการแล้ว ก็ต้องมานั่งนึกว่าที่บ้านเรามีหรือยัง
ถ้ายัง เราจะถือหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาก่อน ถ้าพบมีเล่มอื่นอีก
ก็จะเลือกเล่มที่ใหม่ที่สุด ยับเยินน้อยที่สุดเอามาถึือไว้
ไม่งั้นเดี๋ยวอาจมีหนอนหนังสือท่านอื่ืนมาหยิบตัดหน้าไปเสียก่อน
ซึ่งโดนมาหลายครั้งแล้ว กะว่า เดี๋ยวมาดู ปรากฎว่า หายไปแล้ว (ตลอดเลย)
..
..
ระหว่างการยืนเลือกกองหนังสือราคา ๒๐ บาท เลือกไปก็นึกไปว่า
ถ้าผู้เขียนมาเห็นหนังสือที่ตัวเองใช้น้ำพักน้ำแรงและมันสมองเขียนออกมา
ต้องมากองอยู่ในหนังสือราคา ๒๐ บาท เขาจะรู้สึกอย่างไรน้า
ถ้าเป็นเรา เราคงเศร้าซึมพอสมควรที่รู้สึกเหมือนมีคนมาดูถูกความคิด
เอาความคิดของเราไปตีค่าราคาต่ำ ๆ แบบนั้น ทั้ง ๆ เราก็คิดว่า เราโอเค
แอบมีอัตตาให้คิด ;)...
..
..
หนังสือเล่มหนึ่งเขียนยากแค่ไหน เราน่าจะรู้ดี
เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต้องเขียนบทความ เขียนเอกสาร เขียนหนังสือ
กว่าจะได้มาแต่ละเล่ม อดตาหลับ ขับตานอนอย่างมาก
กลายเป็นว่า ๑๐ ปีต่อมา ราคาหนังสือของเราลงไปอยู่ในกอง ๒๐ บาทซะแล้ว
..
..
แต่อีกมุมหนึ่ง
เพชรก็คือเพชร ต่อให้ได้รับการดูถูกแค่ไหน
ความตราตรึงของผลงานก็ยังอยู่ในใจคนอ่านเสมอ
มูลค่าของหนังสือดี ๆ สักเล่ม จึงไม่ได้อยู่ที่ราคาอีกแล้ว
แต่อยู่ที่สิ่งที่อยู่ภายในหนังสือเล่มนั้นต่างหากว่า
สามารถนำพาความคิดของผู้อ่านไปสู่แนวทางชีวิตที่ดีขึ้นไหม
เพียงเท่านั้น ราคา ๒๐ บาท แทบไม่ต้องสนใจ
ผู้เขียนคงหัวใจพองโตที่ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังมีผู้อ่านอยากอ่านหนังสือของเรา
ไม่ว่าจะผ่านมานานกี่ปี ที่เขาอาจเรียกว่า
"วรรณกรรมอันทรงคุณค่า"
..
..
คิดแล้วก็อยากมีอารมณ์แบบนั้นบ้างเนอะที่เราสามารถเขียนหนังสือที่มาจากมันสมองของเราสักเล่ม
แล้วมีคนอยากอ่านความคิดของเรา
เพ้อฝันเอาไว้ วันหนึ่งจะเป็นจริงขึ้นสักวัน
..
จำไว้
"นายไม่อ่านหนังสือ นายจะรู้อะไร"
..
บุญรักษา ทุกท่าน ;)...
..