วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 31 มกราคม 2562) ผมและทีมงานเพียงไม่กี่ชีวิต จัดกิจกรรมหนุนเสริมการเรียนรู้แก่นิสิตโครงการ “เทา-งามสัมพันธ์ ครั้งที่ 22” ที่กำลังจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 7– 13 กุมภาพันธ์ 2562
โครงการเทา-งามสัมพันธ์ฯ ปีนี้มหาวิทยาลัยบูรพาเป็นเจ้าภาพ กำหนดพื้นที่เป้าหมายการเรียนรู้คู่บริการ ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาสารภี อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ปราสาทนครวัด นครธม เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
และด้วยเหตุที่ต้องเดินทางไปทัศนศึกษา ณ ประเทศเพื่อนบ้าน ผมและทีมงานจึงได้เรียนเชิญ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาติ มณีโชติ (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของประวัติศาสตร์อารยธรรมของกัมพูชา
กรณีการเลือกเฟ้นวิทยากรในครั้งนี้ ทั้งผมและทีมงานไม่ลังเลเลยสักนิดว่าควรจะเรียนเชิญ ผศ.สมชาติ หรือไม่ เพราะในชั่วโมงบินของการบรรยายเรื่องนี้ในมิติ “บันเทิงเริงปัญญา” ไม่มีใครเกินท่านแน่ๆ และเชื่อมั่นได้เลยว่า “นิสิตจะไม่ง่วงเหงาหาวนอน” -
การบรรยายให้ความรู้ในวันนี้ ผมเรียกเองว่ากระบวนการ “ติดอาวุธทางความคิด” ให้กับนิสิต เพื่อให้นิสิตได้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสถานที่ที่ต้องไปศึกษาเรียนรู้ รวมไปถึงการซ่อนนัยสำคัญหลายอย่าง อาทิ สร้างแรงบันดาลใจให้นิสิตตื่นตัวต่อการเรียนรู้ กระตุ้นให้เรียนรู้ด้วยตนเองผ่านแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการนำไปปะติปะต่อกับสถานการณ์จริงในพื้นที่ หรือกระทั่งเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนนิสิตต่างสถาบันทั้ง 4 สถาบัน
ใช่ครับ- ผมไม่ได้ถามนิสิต หรือเจ้าหน้าที่ก่อนว่า “ควรมีเวทีนี้หรือไม่” ผมคิดเองเออเองว่า “จำเป็น-สำคัญที่จะต้องมี” พร้อมๆ กับการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังวิทยากร และสื่อสารให้นิสิตมาร่วมฟัง เช่นเดียวกับการฝากให้เจ้าหน้าที่ชวนนิสิตอื่นๆ มาร่วมฟังด้วย
ผมอยากให้ชวนนิสิตอื่นๆ มาฟัง เพราะผมมองว่านี่คือโอกาสอันดีของการเปิดโลกทัศน์ใหม่ของผู้นำนิสิต แม้นิสิตส่วนหนึ่งจะไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยก็ควรเรียนรู้ไว้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้รู้เรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ก็จะได้รู้ว่าเมื่อต้องไปจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ นิสิตควรต้องคำนึงถึงเรื่องราวของพื้นที่นั้นๆ ในมิติใดบ้าง
ซึ่งอย่างน้อยครั้งนี้ก็มีผู้แทนนิสิตจากเครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม และเครือข่าย ๙ต่อBefore After
วันนี้ – ผศ.สมชาติ บรรยายให้ความรู้อย่างมีชีวิต แม้จะไม่ออกรสออกชาติมาก แต่ยืนยันได้ว่าการบรรยายของท่าน “มีชีวิต” อย่างมาก ได้ความรู้ในแบบที่ฟังแล้วเข้าใจง่าย ได้ความรู้ในเชิงเนื้อหา วาทกรรม และอื่นๆ อย่างน่าชื่นใจ
การบรรยายครั้งนี้ มิใช่เจาะจงแต่เฉพาะประวัติศาสตร์อารยธรรมของกัมพูชาเท่านั้น ทว่าเชื่อมโยงถึง “อินโดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – เอเชีย –ยุโรป” หรือกระทั่งการพาเรากลับไปแตะเรื่องราวบางเรื่องแบบเนียนในสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี การล่าอาณานิคม หรือกระทั่งรัตนโกสินทร์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดยส่วนตัวแล้ว ผมชื่นชอบการสื่อสารองค์ความรู้ในวันนี้เป็นอย่างมาก เห็นเรื่องราวของคนลุ่มน้ำโขง เห็นการคงอยู่และเปลี่ยนผ่านของประชาชน กษัตริย์ที่สัมพันธ์ยึดโยงอยู่กับความเป็น พุทธ พราหมณ์ ฮินดู ผี ที่ซึ่งหลอมรวมจารึกไว้ในรูปลักษณ์ของปราสาท ฯลฯ
หรือกระทั่งการได้ชวนคิดถึงวรรณคดี และคติชนที่กลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับประวัติศาสตร์อารยธรรม เช่น รามเกียรติ์ ที่กล่าวถึงตำนานและตัวละครหลายตัว อาทิ
แน่นอนครับ – การบรรยายอาจไม่ได้เจาะลึกในทุกเรื่อง แต่ผมยืนยันว่าเป็นการบรรยายที่ “ง่ายงาม แจ่มชัด” รวมถึงกระตุกกระตุ้นเชิงความคิดนิสิตได้มากมิใช่ย่อย แม้นิสิตจะไม่มีพื้นฐานในเรื่องเหล่านี้ แต่ผมก็เชื่อว่านิสิตจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่วิทยากรได้สื่อสาร และคงมีไม่น้อยที่จะตื่นตัวที่ลุกขึ้นมา “เตรียมตัว” ไปสู่การเรียนรู้ในครั้งนี้มากกว่าที่ผ่านมา
ท้ายที่สุดนี้ ผมขอยืนยันว่า นี่คือกระบวนการเรียนรู้ในแบบ “ติดอาวุธทางความคิด” ก่อนการไปค่ายฯ
เวทีวันนี้ ไม่ได้สะท้อนแค่มิติของประวัติศาสตร์อารยธรรม หรือโบราณคดีเท่านั้น หากแต่ทะลุถึงเรื่องราวอื่นๆ หลากเรื่อง ทั้งที่เป็นภาษาศาสตร์ ศาสนา คติชน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
หรือเจาะประเด็นทะลุสู่เรื่องราวที่ว่าด้วยสงครามเทพสงครามมาร การกำเนิดนางอัปสรา ตำนานเกษียรสมุทร
ผมไม่รู้หรอกว่า นิสิตส่วนใหญ่จะมีความสุขกับการเรียนรู้ในครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ในฐานะของการดูแลกระบวนการเรียนรู้ของนิสิต ผมว่าผมทำถูกแล้วที่กำหนดให้มีเวทีเช่นนี้ – มิใช่ปล่อยให้นิสิตเดินทางไปสู่การเรียนรู้แบบไม่มีต้นทุนใดๆ "ติดหัวสมอง” ไปด้วย จนก่อเกิดเป็นความว่างเปล่า ล้มเหลว เปล่าเปลืองกับการลงทุนในตัวของนิสิต
ผมว่าผมคิดและทำถูกแล้ว – (หรือไม่จริง)
-สวัสดีครับอาจารย์-ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ที่จะทำให้ก่อเกิดแนวคิดและเสริมพลังใจให้กับเด็กๆ แล้วถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีมากๆ ครับ-ความสุข ก่อเกิดขึ้นได้ในทุกที่นะครับ-ด้วยความระลึกถึงครับ