วันนี้เป็นวันพ่อ...หลายคนคงเขียนถึง...พ่อหลวงของชาวไทย...กันแล้วครับ....เป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ..ผมระลึกถึงท่านเสมอครับ..
แต่วันนี้ขอเขียนถึงพ่อผู้ให้กำเนิดหน่อยนะครับ...
ผมเกิดมาไม่ค่อยสนิทกับพ่อเท่าไร เพราะว่าพ่อของผมไปทำงานอยู่ห่างบ้านครับ
ผมเรียกพ่อว่า "เตี่ย" แม่เล่าว่า เตี่ยทำงานเป็น "เสมียน" ของโรงสีข้าว เคยทำงานที่จังหวัดนครนายก และที่กรุงเทพฯ
เตี่ยผมมาจากเมืองจีน เขียนหนังสือจีนได้ ผมว่าเขียนได้สวยเลยทีเดียว...แต่ผมไม่ได้ทั้งภาษาพูดและเขียนจากเตี่ยเลย...
เตี่ยเคยมีความคิดจะส่งผมไปเรียนที่ "ศรีราชา" ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ แต่ก็ไม่ได้ทำ
เนื่องจากผมเป็นลูกคนเล็ก จึงดูเหมือน เตี่ยจะรักผมมากเป็นพิเศษ...เตี่ยอาจดุด่าหรือตีพี่คนอื่นๆ...แต่สำหรับผมแล้ว..ได้แต่ขู่หรือว่ากล่าวเล็กน้อย..ไม่เคยตีเลยจริงๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง...ตอนเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม....ผมถูกรถสองแถวชน...ล้มหัวเข่าแตก (เป็นแผล)...เตี่ยเป็นห่วงผมมาก...พาผมไปเอ๊กซ์เรย์ ที่โรงพยาบาลตำรวจ....(ตอนผมอยู่กรุงเทพฯ)
ผมแปลกใจมาก เพราะเตี่ยไม่เคยออกไปไหนข้างนอกเลย ตลอดหลายปีที่ผมเห็นเตี่ย...แต่ด้วยความเป็นห่วงลูก..กลัวว่ากระดูกจะแตก..ก็เลยพาไปเอ๊กซ์เรย์ ซึ่งผลออกมาก็คงเป็นปรกติ...สมัยนั้นยังไม่มีพรบ.ประกันภัยบุคคลที่ ๓...เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลผมนี้ เตี่ยเป็นคนออก (เบิกมาจากแม่อีกครั้งหนึ่ง...เพราะช่วงนั้นเตี่ยผมไม่ได้ทำการงานอันใดที่ก่อให้เกิดรายได้..)
มีอยู่ครั้งหนึ่ง...เตี่ย...จะไปตีพี่ชายของผมที่ออกไปเล่นข้างนอก...แล้วก็มาเล่าให้ผมฟังว่า แค่แกล้งๆ พี่เล่นเท่านั้น...ผมก็งงๆ ว่าทำไมมาเล่าให้ผมฟัง...คงเป็นเพราะเตี่ยรักผมมากก็เลยมาเล่าให้ฟัง...เพื่อให้รู้ว่า คนเป็นผู้ใหญ่เขาคิดอย่างไรกับเด็กบ้าง
นิสัยของผมจะไม่ค่อยเหมือนเตี่ย แต่จะเหมือนไปทางแม่...ผมไม่เคยดุด่าว่ากล่าวลูกๆ ของผมเท่าไร มีแต่ห้ามด้วยเสียงดังๆ...ไม่เคยตีลูกๆ เลย...
ลูกๆ ส่วนใหญ่จะเลียนแบบพฤติกรรมของผม (ทั้งที่ดีและไม่ดี) เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแหละครับ.....
เตี่ยเสียชีวิตไป 30 กว่าปีแล้ว (ตอนอายุประมาณ 64 ปี) ถ้าอยู่ถึงบัดนี้ ก็คงอายุเกือบๆ 100 ปี...ผมไม่ทราบว่าเตี่ยไปอยู่ที่ไหน...แต่เตี่ยก็ยังอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป.....
beeman
๕ ธันวาคม ๒๕๔๙ เวลา ๑๘.๑๐ น. ห้องภาควิชาฯ ชั้น ๑..