วันนี้ที่รอคอย 2 (รอคอยที่จะร่วมงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ 3)


แค่สามชั่วโมงครึ่ง ดิฉันก็สามารถเจอเพื่อนแท้ได้

เธออยู่ไหน  พี่อยู่นี่  กะปุ๋ม (คนสวย) จ๋า              

           จาก  บันทึกนี้ ดิฉันพร่ำพรรณาให้ฟังถึงความรู้สึกในการพบ blogger ตัวเป็น ๆ สำหรับวันแรกถือว่าประสบความสำเร็จเท่าที่ควร  ได้เจอ blogger ที่อยากรู้จัก และได้ล่าลายเซ็นต์ blogger ที่กล้าพอที่จะขอลายเซ็นต์ท่าน (มีหลายท่านที่เจอ  แต่ยังไม่กล้าพอที่จะขอลายเซ็นต์ค่ะ)  ไม่เป็นไร สำหรับคนที่เหลือ ค่อยไว้ต่อวันพรุ่ง                หลังจากจบการประชุมในวันแรก  ด้วยความที่ดิฉันไม่ได้พักอยู่โรงแรมที่ทาง สคส.จัดหาให้ แต่ไปพักอยู่แถวปิ่นเกล้า ด้วยความเหนื่อยล้าของสมอง เนื่องจากได้ความรู้ทั้ง tacit knowledge และ explicit knowledge ที่อัดแน่นทั้งวัน ดังนั้นเมื่อเลิกประชุมก็เร่งฝีเท้าอย่างเร่งรีบ เพื่อเรียกแท๊กซี่ไปส่งยังที่พัก

                เชื่อไหมค่ะว่าดิฉันยืนรอแท๊กซี่อยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงเรียกได้  เมื่อขึ้นรถด้วยความเหนื่อยล้าอีกตามเคย ดิฉันอยากปิดตาเพื่อพักสายตาเหลือเกิน  คนขับถามดิฉันว่า

 พี่จะให้ผมขึ้นทางด่วนบางนาเลยรึเปล่าครับ        

     แล้วแต่น้องค่ะ ยังไงก็ได้ ให้พี่ถึงที่พักให้เร็วที่สุด" (ด้วยความที่รู้สึกเหนื่อยเต็มที และในใจคิดว่า อีกครึ่งชั่วโมงคงได้ถึงที่พักแน่ เพราะตอนขามาตอนเช้า ดิฉันใช้เวลาอยู่ในรถแค่ครึ่งชั่วโมง)               

                  เมื่อรถขับไปได้สักครู่ คนขับถามดิฉันว่า  พี่ชอบฟังเพลงสไตล์ไหนครับ ระหว่างลูกทุ่งกับสตริง

                     ดิฉันคิดในใจว่า ช่างเหมือนกับที่คุณด้า  วิทยากรสุดสวย จากห้อง workshop 1 เล่าให้ฟังถึง best practice .ในการให้บริการลูกค้าของพนักงานขับรถของโรงพยาบาลที่คุณด้าอยู่ ซะเหลือเกินแบบไหนก็ได้ค่ะ พี่ฟังได้ทั้งนั้นแหละ  แต่สงสัยหน้าตาดิฉันคงพอจะฉายแววคนบ้านนอกออกมา คนขับรถจึงเปิดเพลงลูกทุ่งของต่ายอรทัย ให้ดิฉันฟัง  แต่เอาเถอะน่า เขาอุตส่าห์มีน้ำใจกับเราแล้ว เราก็ควรรับไมตรีจากเขาด้วยดี               

                    ท่านผู้ฟังขา เชื่อไหมค่ะว่า จากที่ดิฉันเรียกแท๊กซี่ จนถึงหน้าด่านทางด่วนบางนา  รถไม่เขยื้อนเลย  ดิฉันกับคนขับรถ ผจญชะตากรรมเดียวกัน  รถเขยื้อนทีละกระดิ๊บ กระดิ๊บ  นี่ถ้าดิฉันลงเดินคงถึงที่พักนานแล้ว  เราสองคน  (ขออนุญาตใช้คำว่า เรา นะคะ เพราะรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมชะตากรรมนี่ซะแล้ว)                สองชั่วโมงจากต้นด่าน จนถึงเข้าด่านได้  สองชั่วโมงที่รถไม่เขยื้อนเลย  หลังจากนั่งไปสักพัก  ด้วยความเหนื่อยล้ามาตลอดวัน  กรอปกับดิฉันปวดศีรษะเป็นทุนเดิม เพราะเพิ่งหายจากไม่สบาย  และอากาศในรถดูร้อนอบอ้าวมาก  ดิฉันรู้สึกหายใจติดขัด  ทำยังไงเนี่ย เหลือระยะทางอีกตั้งไกล และรถติดมากขนาดนี้  เจ้าอาการพะอืดพะอม มันก็ช่างมาเยือนดิฉัน  เอางัยก้อเอากัน  ดิฉันตัดสินใจบอกคนขับว่า

                น้อง  พี่ไม่ไหวแล้ว  เดี๋ยวถ้าหลุดทางด่วนแรกไปได้ และมีทางพอที่จะปล่อยพี่ลง  น้องปล่อยพี่ลงเลยนะ  เดี๋ยวพี่เรียกแท๊กซี่คันอื่นไปต่อเอง  พี่ขออ๊วกก่อน  พี่ไม่ไหวแล้วจริง ๆ                

                  คนขับก็ใจดีเหลือหลาย  เขาบอกดิฉันว่า พี่จะอ๊วกเหรอครับ  เอาเลยครับพี่  อ๊วกได้เลย  เดี๋ยวผมเอาถุงพลาสติกให้พี่นะครับ   นี่ครับถุง

                น้องอนุญาตให้พี่อ๊วกในรถได้จริง ๆ เหรอค่ะ 

                 ตามสบายเลยพี่  ผมเข้าใจ               

                  ดิฉันไม่คิดเลยว่า จะได้เจอแท๊กซี่ผู้ใจดีแบบนี้  ดิฉันจึงไม่รอรีเลยที่จะอ๊วก  แต่ทำงัยมันก็ไม่ออก ทั้ง ๆ ที่อยากอ๊วกมาก รู้สึกพะอืด พะอมมาก  จึงทำได้เพียงแค่บ้วนน้ำลายหลังจากที่ค่อยยังชั่ว เราก็เริ่มต้นสนทนากันใหม่           

                    พี่ดีจังเลยนะคับ  ขนาดรถติดขนาดนี้ พี่ยังไม่บ่นเลย พี่ทำเหมือนชินกับสภาพกรุงเทพฯ อย่างงั้นแหละ           

     บ่นแล้วได้อะไรขึ้นมาหละคะ  ถ้าบ่นแล้ว รถไม่ติดค่อยว่ากัน  บ่นไป มันก็ยังติดเหมือนเดิมนั่นแหละ  นี่ยังดีนะ ที่น้องตัดสินใจรับพี่  ไม่งั้นป่านนี้พี่ก็ยังคงไม่ได้ขึ้นรถหรอก          

             สงสัยกะเย็นวันนี้ ผมคงรับพี่เป็นคนแรก และคนสุดท้ายแล้วหละ  เพราะผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน  ปวดขามากเลย  เดี๋ยวส่งพี่เสร็จผมคงกลับบ้านไปหาข้าวทานและคงนอนพักผ่อนเลย          

                เย็นนั้น ดิฉันถึงที่พักตอนสองทุ่มครึ่ง  ใช้เวลาอยู่บนรถแท๊กซี่ สามชั่วโมงครึ่ง ดิฉันขอบคุณคนขับรถ ที่พาดิฉันมาถึงที่พักด้วยสวัสดิภาพ  และไม่ลังเลเลยที่จะทิปเขาถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่ก็ให้ด้วยความเต็มใจค่ะ

                       เห็นไหมค่ะ แค่สามชั่วโมงครึ่ง ดิฉันก็สามารถเจอเพื่อนแท้ได้

                     มื่อขึ้นห้องพักได้ ดิฉันทานยาแก้ปวดหัวไปสองเม็ด และนอนพักผ่อนเลย  แต่ก่อนนอนยังไม่วายรำพึงในใจว่า

                  เธออยู่ไหน  พี่อยู่นี่  กะปุ๋ม (คนสวย) จ๋า ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะคะกะปุ๋ม  ไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ คืนนี้ พี่ไม่ไหวแล้วค่ะ

หมายเลขบันทึก: 64961เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2006 12:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

แล้วสรุปคุณรัตติยาเจอน้องกะปุ๋มคนสวยไหมคะ

 Operator 3NKM+Kapoom.jpg

นำภาพมาฝากครับ JJ พบท่านเดินไปเดินมาหลังห้องประชุมครับ





  • โอโหพี่มิน่าละหาไม่พบตอนเย็น
  • พักผ่อนมากๆนะครับ Ka-poom มาว่ายน้ำอยู่ข้างเหล่าพี่เพื่อนๆของ มอ ครับ
  • แวะมาขอบคุณครับ
  • เป็นหวัดเลยหายไป 1 วัน
  • ชอบรูปพี่ที่ถูก Ka-poom กอด
  • ขอบคุณมากครับ

เห็นแล้วอายจังเลยค่ะ ตัวกล้ม กลม

  • ยิ้ม ยิ้ม ใครกลมครับ พี่หรือ น้อง ka-poom
คุณรัตติยาค๊ะ น่ารักออกผู้เขียนก็อยากกลมกะเขาบ้างเหมือนกัน พยายามแล้วพยายามอีก...
  • ง่วงแล้วมาทักทายก่อนไปนอนครับ
  • ทำงานไม่เสร็จเลย
  • ขอบคุณมากครับที่แวะไปจองที่

 

มาแล้วจ๊า...พี่แป๊ดจ๋า...

เพิ่งทราบนะคะเนี๊ยว่า...ว่าพี่ทรหดขนาดไหน...

ขณะที่นั่งรถอยู่นั้น..กะปุ๋มแวกว่าย...วนเวียนอยู่ใกล้ๆ..คุณลุงแอ๊ดคะ...และป้าโอ๋คะ...(แอบแซวคะ...)

ประมาณว่าไม่ใส่แว่น...เราเลยไม่อายใครคะ...

...

คราวหน้าต้องชงกาแฟให้กะปุ๋มก่อนนะคะ...พี่จะได้สดชื่นๆๆ....คะ

(^___^)

รักละไม...ในหัวใจพี่แป๊ด (ว้าว...สำนวนดีรอบดึก...อิอิ)

  • เราตกชะตากรรมเดียวกันเลยค่ะ ดิฉันก็นั่งรถติดอยู่บนทางด่วนถึง 3 ชั่วโมงค่ะ เมือ่ยแล้วเมื่อยอีกแต่ยังไม่เป็นลมค่ะ นึกถึงวันนั้นแล้วยังสยองรถติดไม่หาย
  • รออ่านตอนที่ 3 ครับพี่รัตติยา
  • สบายดีไหมครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท