ผมสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับ"หัวใจนักปราชญ์" อยากให้เด็กมีความรู้ความเข้าใจ แล้วนำไปใช้ ผมหาหนังสือเพื่อการค้นคว้าก่อนสอน พอหาไม่เจอ ผมก็เลยเปิดกูเกิล จากนั้นก็ถ่ายเอกสารแจกให้นักเรียนศึกษาเป็นรายบุคคล..
ข้อความหรือเนื้อหา ที่เป็นหัวใจนักปราชญ์..มีรายละเอียดไม่ยาวมากนัก..สรุปได้ดังนี้...
เมื่อเอ่ยคำว่า “ หัวใจนักปราชญ์ ” หลายๆท่านจะนึกถึงคำว่า สุจิปุลิ สุ ย่อมาจาก สุตต คือ การฟัง จิ ย่อมาจาก จินตน คือ การคิด ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา คือ การถาม ลิ ย่อมาจาก ลิขิต คือ การเขียน..
สุ-สุตตหรือการฟัง จะทำให้เราได้รับความรู้ ข้อมูล แง่มุม ความคิดต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง บุคคลที่เป็นนักปราชญ์ มักจะเป็นคนที่ฟังมาก อ่านมาก แต่เนื่องจากยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลจึงมีมากมาย ฉะนั้น บุคคลที่ได้ชื่อว่านักปราชญ์มักจะเป็นคนที่มีการคัดเลือกข้อมูล ข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมส่วนรวมมาฟัง มาอ่าน มาศึกษาค้นคว้าเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในตนเอง
จิ-จินตนหรือการคิด การคิดมีความสำคัญมาก เมื่อได้รับข้อมูล จากการฟังและการอ่านแล้ว แต่คนๆนั้นไม่สามารถมีความคิดเป็นของตนเองได้ ได้แต่นำความคิดของบุคคลอื่นมาใช้ก็เปล่าประโยชน์ คนที่คิดไม่เป็นมักเป็นคนเชื่อคนง่าย ถูกหลอกได้ง่ายกว่าคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง
ปุ-ปุจฉาหรือการถาม เมื่อเกิดความสงสัย เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ จึงต้องถาม แต่สังคมไทยมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่มาก เด็กและผู้ใหญ่จำนวนมากมักไม่กล้าถาม อาจเป็นเพราะ อายเพื่อน กลัวครู อาจารย์ ความไม่กล้า ฯลฯ แต่แท้ที่จริงแล้ว การถามจะทำให้เราได้รับความรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้เพิ่มขึ้นอีกมาก
ลิ-ลิขิตหรือการเขียน การเขียนมีประโยชน์หลายอย่าง การเขียนช่วยให้การคิดเป็นระบบขึ้น เพราะก่อนที่เราจะเขียนสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ เรียงความ จดหมาย สารคดี นิยาย ฯลฯ เราจะต้องมีการคิดขึ้นมาก่อน ฉะนั้นการเขียนจึงเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาความคิดต่างๆของคนเราได้มาก อีกทั้งการเขียนยังช่วยพัฒนาความจำของคนเราด้วย “ จำดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมด ให้จดแล้วค่อยจำ” เป็นคำพูดที่เป็นความจริงมากทีเดียว เช่น ตอนเราเรียนหนังสือ หากว่าครู สอนที่หน้าชั้นในห้องเรียน หากเราไม่ยอมจดหรือเขียน จะใช้วิธีจำอย่างเดียว ก็อาจจะจำไม่ได้ทั้งหมด แต่คนที่มีหัวใจนักปราชญ์ เขาจะจดแล้วนำมาทบทวนอีกครั้ง เขาถึงสอบได้คะแนนมากกว่าคนที่ไม่ยอมจดหรือเขียน
พอได้เนื้อหา..สุจิปุลิ..ครบถ้วน ผมก็ให้นักเรียนชั้น ป.๕ ศึกษาและวิเคราะห์ทันที โดยให้ประยุกต์และเชื่อมโยง เพื่อการนำไปใช้..ให้นักเรียนอธิบายถึงแนวปฏิบัติของนักเรียนเอง ที่จะนำไปสู่การเป็นนักปราชญ์หรือ..ผู้รุ้..
ผมบอกนักเรียนว่า..ไม่ต้องลอกคำอธิบายของครูทั้งหมด แต่นักเรียนต้องคิดเอง..เริ่มตั้งแต่การฟัง ฟังแบบไหน ถึงจะได้ความรู้..นักเรียนจะปฏิบัติตนอย่างไรเกี่ยวกับ..การฟัง..
การคิด..ก็เช่นเดียวกัน..คิดอย่างไรที่เรียกว่า..คิดเป็น..นักเรียนจะคิดแบบไหน..?บันทึกแล้วนำเสนอ
การถาม..เป็นเรื่องที่นักเรียนใช้บ่อย และนักเรียนควรจะถามเวลาใด ?และใช้คำถามอย่างไร?
การเขียน..เป็นทักษะที่ช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถ นักเรียนจะพัฒนาการเขียนอย่างไรบ้าง?
ผมให้นักเรียน..เขียนแผนผังความคิด อย่างอิสระ คิดวิเคราะห์วิธีปฏิบัติที่จะช่วยพัฒนาตนเองไปสู่..ความเป็นนักปราชญ์..โดยทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงคำว่า..หัวใจ..อันเป็นทักษะหลัก..ในการเรียนรู้..ในชีวิตประจำวัน
ผมสังเกต..พบว่า..นักเรียนของผม..ฟังคำอธิบายของผมแล้วคิดตาม..พอไม่เข้าใจก็ถาม..ถามว่า..ต้องระบายสีหรือไม่? จากนั้นก็เขียนเป็นแผนภูมิโยงใย..บันทึกข้อมูลในกระดาษที่ผมแจกให้..แล้วก็ส่งให้ผมดู..
ผมนำ..หัวใจนักปราชญ์ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักเรียน ผลที่สุด..ผมก็เชื่อมั่นว่า หากใครสามารถปฏิบัติได้ทั้ง 4 ข้อ คือ สุจิปุลิ ท่านสามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่นักปราชญ์ แต่ผมเชื่อว่าชีวิตของท่านจะมีการพัฒนาไปได้เป็นอันมาก จงใช้เวลาในการฝึกฝนเรียนรู้และพัฒนา แล้วไม่แน่ในอนาคต ท่านอาจจะได้ชื่อว่าเป็น นักปราชญ์...ที่มีผู้คนยกย่องคนหนึ่งก็ได้
ฟังให้มาก คิดให้เป็น หมั่นสอบถามและฝึกการเขียน จึงเป็นหัวใจของนักปราชญ์อย่างแท้จริง
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๓ มกราคม ๒๕๖๑
ดีมากเลยครับ เขียนเป็น Mind Map
หัวใจนักปราชญ์อันยอดเยี่ยมนี้ นอกจากจะสอนหัวข้อการเป็นผู้รู้แล้ว ยังสอนเทคนิคการจำด้วยคำย่อด้วย ผมเองก็ได้ใช้การจำแบบนี้ เมื่อเจอเรื่องที่มีข้อมูลมากๆ ก็จัดเป็นหัวข้อและท่องคำย่อ เป็นเทคนิคที่ดีสุดยอดมากทำให้จำไม่ลืมเลย จำได้จนคนแปลกใจว่าเยอะแบบนี้จำได้ยังไงเลยล่ะครับ
ให้นักเรียนเขียน mind mapping
ออกมาดีมากเลยครับ