I am THAT 43


43. ความโง่เขลา เราสามารถดูออก แต่การบรรลุธรรมนั้นไม่สามารถดูออก


ถาม  ปีแล้วปีเล่า คำสอนของท่านก็ยังคงเหมือนเดิม

ดูเหมือนว่าไม่มีความก้าวหน้าในสิ่งที่ท่านบอกพวกเรา

ตอบ  ในโรงพยาบาล ผู้ป่วยได้รับการรักษาให้หายป่วย

วิธีการรักษาเหมือนเดิม แทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แต่ไม่มีอะไรซ้ำซากเกี่ยวกับสุขภาพ

คำสอนของฉันอาจซ้ำซาก แต่ผลของมันสดใหม่สำหรับแต่ละคน

 

ถาม  การบรรลุธรรมคืออะไร? ใครคือผู้บรรลุ?

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านผู้รู้ท่านใดบรรลุธรรมแล้ว?

ตอบ  ไม่มีลักษณะพิเศษใดที่ใช่บ่งบอกว่าท่านผู้รู้ท่านใดบรรลุธรรม

คนที่ไม่บรรลุธรรม เราสามารถบอกได้ แต่ผู้ที่บรรลุธรรม เราไม่สามารถบอกได้

ท่านผู้รู้ที่บรรลุธรรมแล้ว ท่านก็จะไม่กล่าวอ้างว่าตนมีความพิเศษเหนือคนอื่น

ทุกคนที่กล่าวโอ้อวดถึงความยิ่งใหญ่ของตน ความพิเศษของตน ไม่ใช่ท่านผู้บรรลุธรรม

พวกเขาเหล่านั้นเข้าใจผิดว่าการพัฒนาที่แปลกกว่าคนอื่นคือการบรรลุธรรม

ท่านผู้บรรลุธรรมไม่มีแนวโน้มที่จะประกาศว่าตนบรรลุธรรม

ท่านจะมองตัวเองว่าเป็นคนปกติธรรมดาอย่างที่สุด จริงใจต่อธรรมชาติที่แท้ของตน

การประกาศว่าตนเป็นผู้มีอำนาจทุกอย่าง เป็นผู้ที่ตรัสรู้ และเป็นเทพผู้ทรงฤทธิ์ เป็นสัญญาณณอย่างชัดแจ้งของความโง่เขลา

 

ถาม  ท่านผู้บรรลุธรรมจะสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ของท่านให้ผู้ที่ยังโง่เขลาอยู่ได้หรือไม่?

การบรรลุธรรมจะถูกส่งผ่านจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้หรือไม่?

ตอบ  ได้สิ ถ้อยคำของท่านผู้บรรลุธรรมมีอำนาจที่จะขับไล่ความโง่เขลา และความดำมืดในใจ

สิ่งสำคัญไม่ใช่ถ้อยคำ แต่เป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังถ้อยคำนั้นต่างหาก

 

ถาม  พลังนั้นคืออะไร?

ตอบ  พลังของความเชื่อมั่น ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการบรรลุธรรมส่วนบุคคล การมีประสบการณ์ตรงของบุคคล

 

ถาม  ผู้บรรลุธรรมบางท่านกล่าวว่า ความรู้ต้องได้มาจากการเอาชนะ ไม่ใช่การได้รับ

ผู้อื่นสามารถสอน แต่การเรียนรู้ต้องมาจากตนเอง

ตอบ  มันก็คือความหมายเดียวกัน

 

ถาม  มีคนมากมายที่ฝึกปฏิบัติ โยคะ มาหลายต่อหลายปี โดยไม่มีผลใดๆเลย

ความล้มเหลวนี้เกิดจากอะไร?

ตอบ  บางคนเสพคุ้นกับการดำดิ่งลงในความเคลิบเคลิ้ม โดยขาดความรู้ตัวไปชั่วคราว

ถ้าไม่มีความรู้ตัวอย่างเต็มเปี่ยม จะมีความก้าวหน้าได้อย่างไร?

 

ถาม  หลายคนฝึกสมาธิ (สภาวะของการซึมซับอย่างลืมตัว)

ในสมาธิ ความรู้ตัวจะเข้มข้นมาก แต่มันก็ไม่ก่อให้เกิดผลใดๆ

ตอบ  เธอคาดหวังจะให้เกิดผลอะไรหรือ?

และทำไมการบรรลุธรรมจึงต้องเป็นผลของอะไรบางอย่าง?

เมื่อทำสิ่งหนึ่ง ย่อมนำไปสิอีกสิ่งหนึ่ง แต่การบรรลุธรรมไม่ใช่สิ่งที่ยึดโยงอยู่กับเหตุและผล

มันอยู่เหนือการประกอบเหตุโดยสิ้นเชิง

มันยึดโยงอยู่ภายในตัวมันเอง

โยคี สามารถรู้เรื่องราวแปลกๆมากมาย แต่ท่านยังโง่อยู่เกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง

เมื่อมองดูภายนอก ท่านผู้บรรลุธรรมจะดูเป็นคนธรรมดา แต่ท่านรู้จักตัวตนที่แท้ของท่านเป็นอย่างดี

 

ถาม  มีหลายคนที่ไขว่คว้าหาการรู้จักตัวตนอย่างมุ่งมั่น แต่แทบจะไม่เกิดผลอะไรเลย

มันเกิดจากอะร?

ตอบ  พวกเขาไม่ได้สำรวจแหล่งกำเนิดของความรู้ให้มากพอ ประสาทสัมผัสของเขา อารมณ์ความรู้สึกและความคิดของเขา เขาไม่รู้จักมันดีพอ

นี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของความล่าช้า

สาเหตุอื่นอาจมาจากความต้องการที่ยังหลงเหลืออยู่

 

ถาม  ในการปฏิบัติ มีขึ้นและมีลง นั่นเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ผู้แสวงหาที่มุ่งมั่นยังคงเพียรพยายามต่อไปโดยไม่ย่อท้อ

ท่านผู้บรรลุธรรมจะสามารถช่วยผู้แสวงหาเช่นนั้นได้อย่างไร?

ตอบ  ถ้าผู้แสวงหามีความมุ่งมั่นพอ เขาจะได้รับแสงสว่าง

แสงสว่างมีอยู่สำหรับทุกคน และมีอยู่ตรงนั้นเสมอ แต่ผู้แสวงหามีจพนวนน้อย และในระหว่างจำนวนที่น้อยนี้ ผู้ที่มีความพร้อมหาได้ยากอย่างยิ่ง

ความสุกงอมของหัวใจและใจเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

 

ถาม  ท่านได้รับการบรรลุธรรมของท่านผ่านทางการพยายาม หรือผ่านทางกรุณาคุณของคุรุของท่าน?

ตอบ  คุรุของฉันทำหน้าที่สอน และฉันมีความไว้วางใจในท่าน

ความมั่นใจที่ฉันมีต่อท่าน ทำให้ฉันยอมรับถ้อยคำของท่านว่าเป็นจริง ฉันดิ่งลึกลงในคำสอนเหล่านั้น ฉันมีชีวิตอยู่กับมัน และนั่นคือวิธีการที่ฉันตระหนักว่าฉันคืออะไร

ตัวตนและคำสอนของคุรุ ทำให้ฉันไว้วางใจท่าน และความไว้วางใจของฉัน ทำให้บังเกิดผล

 

ถาม  คุรุสามารถถ่ายทอดการบรรลุธรรมโดยไม่ใช้คำพูด โดยไม่ต้องอาศัยความไว้วางใจ เหมือนอย่างที่เป็นตอนนี้ โดยไม่มีการเตรียมการใดๆ ได้หรือไม่?

ตอบ  ได้ การถ่ายทอดสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ใครล่ะจะเป็นผู้รับ?

รู้ไหม ฉันปรับตัวเข้ากับคุรุของฉันโดยไร้ข้อแม้ใดๆ ไว้วางใจท่านอย่างสิ้นเชิง

ความต่อต้านในตัวฉันมีน้อยมาก การบรรลุธรรมของฉันจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย

แต่ไม่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นนี้

ความขี้เกียจและความกระวนกระวาย มักเป็นอุปสรรคขัดขวาง ถ้าไม่มีการมองเห็นสิ่งเหล่านี้ และรีบขจัดออกไป ความก้าวหน้าจะช้ามาก

บรรดาผู้ที่บรรลุธรรมโดยฉับพลันทันที จากการแค่ได้สัมผัส หรือมองดู หรือคิดตาม คือผู้ที่สุกงอมพร้อมต่อการบรรลุธรรมอยู่แล้ว

แต่บุคคลเช่นนี้มีน้อยมาก

ส่วนใหญ่ต้องอาศัยเวลาเพื่อการสุกงอม

การปฏิบัติธรรมจะช่วยเร่งการสุกงอมนี้

 

ถาม  อะไรทำให้ผู้ปฏิบัติสุกงอมฦ ปัจจัยของการสุกงอมคืออะไร?

ตอบ  อย่างแรกคือความมุ่งมั่น บุคคลต้องกระตือรือร้นอย่างแท้จริง

ทั้งนี้เพราะผู้บรรลุธรรมจะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าเขาทำอะไร เขาทำอย่างเต็มที่ โดยไม่มีขีดจำกัด ไม่มีความลังเล

ความซื่อสัตย์ต่อการกระทำของเธอจะนำเธอไปสู่ความจริงแท้

 

ถาม  ท่านรักโลกนี้หรือเปล่า?

ตอบ  เวลาเธอปวดร้าวใจ เธอร้องไห้

ทำไมหรือ? เพราะเธอรักตัวเอง

อย่าปิดกั้นความรักของเธอโดยให้มันจำกัดอยู่แค่ร่างกาย จงให้มันเปิดออก

เมื่อนั้นมันจะเป็นความรักสำหรับทุกสิ่ง

เมื่อการระบุตัวตนแบบผิดๆทั้งหมดถูกทิ้งไป สิ่งที่เหลืออยู่คือความรักที่โอบล้อมทุกสิ่ง

จงกำจัดแนวคิดทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ แม้ความคิดที่ว่าเธอคือพระเจ้า

ไม่มีคำจำกัดความใดๆที่ถูกต้องสำหรับตัวตน

 

ถาม  ผมเหนื่อยกับคำสัญญา ผมเหนื่อยกับการปฏิบัติ ซึ่งเอาเวลากับพลังงานของผมไปจนหมด และไม่ก่อให้เกิดผลใดๆขึ้นมาเลย

ผมต้องการความจริงแท้ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้

ผมจะได้มันไหม?

ตอบ  ได้สิ แต่เธอต้องเบื่อหน่ายทุกสิ่งจริงๆ รวมทั้งการปฏิบัติของเธอด้วย

เมื่อเธอไม่ต้องการสิ่งใดๆจากโลก หรือจากพระเจ้า เมื่อเธอไม่ต้องการสิ่งใด ไม่แสวงหาสิ่งใด ไม่คาดหว้งสิ่งใด เมื่อนั้น สภาวะสูงสุดจะมาหาเธอโดยไม่ได้เชื้อเชิญ และไม่ได้คาดหวัง

 

ถาม  ถ้าบุคคลหมกมุ่นอยู่กับชีวิตครอบครัว และเรื่องทางโลก แต่เขาก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามที่บรรยายไว้ในพระคัมภีร์ที่เขาศรัทธา เขาจะได้รับผลจากการปฏิบัติไหม?

ตอบ  เขาจะได้รับผลจากการปฏิบัติ แต่เขาจะถูกห่อหุ้มอยู่ในพระคัมภีร์เหมือนอยู่ในดักแด้

 

ถาม  มีนักบุญหลายท่านพูดไว้ว่า เมื่อเธอสุกงอมและพร้อม เธอจะบรรลุธรรม

คำพูดของท่านเหล่านี้อาจเป็นจริง แต่มันมีประโยชน์น้อยมาก

มันต้องมีทางออกสิ ทางออกที่เป็นอิสระจากการสุกงอมซึ่งต้องใช้เวลา ทางออกที่เป็นอิสระจากการปฏิบัติซึ่งต้องใช้ความพยายาม

ตอบ  อย่าเรียกมันว่าทาง มันเป็นทักษะ

แม้ทักษะ มันก็ไม่ใช่

แค่เปิดกว้างและเงียบไว้ แค่นั้นพอแล้ว

สิ่งที่เธอแสวงหาอยู่ใกล้เธอมาก ใกล้มากจนไม่มีที่สำหรับสิ่งที่เรียกว่า ทาง

 

ถาม  มีคนโง่เขลามากมายในโลกนี้ และมีท่านผู้บรรลุธรรมจำนวนน้อยนิด

สาเหตุมาจากอะไร?

ตอบ  อย่าสนใจคนอื่นอยู่เลย ดูแลตัวเธอเองก่อน

เธอรู้แล้วว่า เธอ “เป็น”

อย่าเอาชื่อต่างๆมาแบกไว้ แค่ “เป็น”

ไม่ว่าชื่อหรือรูปร่างใดที่เธอให้แก่ตัวเอง จะปิดบังธรรมชาติเดิมแท้ของเธอ

 

ถาม  ทำไมการแสวงหาจึงควรหยุดลงเพื่อที่บุคคลจะสามารถบรรลุธรรม?

ตอบ  ความต้องการความจริงแท้ คือความต้องการที่สูงสุดในบรรดาความต้องการทั้งหลาย แต่มันก็ยังคงเป็นความต้องการ

ความต้องการทั้งหมดต้องถูกละทิ้งไป เพื่อให้ความจริงแท้เผยออกมา

จงจำไว้ว่า เธอ “เป็น”

นี่คือการลงทุนของเธอ

จงหมุนมันไป แล้วจะเกิดผลกำไรมากมาย

 

ถาม  ทำไมต้องมีการแสวงหาด้วย?

ตอบ  ชีวิตคือการแสวงหา บุคคลไม่สามารถหยุดแสวงหา

เมื่อการแสวงหาทั้งหมดสิ้นสุดลง นั่นคือสภาวะสูงสุด

 

ถาม  ทำไมสภาวะสูงสุดมาแล้วก็ไป?

ตอบ  มันไม่ได้มาหรือไป มัน “เป็น”

 

ถาม  ท่านพูดจากประสบการณ์ของท่านเองหรือ?

ตอบ  แน่นอน มันเป็นสภาวะที่ไร้กาลเวลา มีอยู่ตลอดมา

 

ถาม  สำหรับผม มันมาแล้วก็ไป แต่สำหรับท่าน มันไม่เป็นอย่างนั้น

ทำไมมันจึงแตกต่างกัน?

ตอบ  อาจเป็นเพราะฉันไม่มีความต้องการ

หรือมิฉะนั้น เธอก็ไม่ได้ต้องการสภาวะสูงสุดอย่างรุนแรงมากพอ

เธอคงจะรู้สึกสิ้นหวัง เมื่อใจของเธอขาดการสัมผัสกับสภาวะสูงสุด

 

ถาม  ผมดิ้นรนมาตลอดชีวิต และได้รับผลเพียงเล็กน้อย

ผมอ่าน ผมฟัง – ทั้งหมดไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ตอบ  การฟังและการอ่านกลายเป็นนิสัยของเธอ

 

ถาม  ผมเลิกทั้งอ่านและฟัง ทุกวันนี้ผมไม่อ่านแล้ว

ตอบ  สิ่งที่เธอเลิกไปนั้นไม่มีความสำคัญอะไรในตอนนี้

มีอะไรอีกที่เธอยังไม่ได้เลิก?

จงหามันให้พบและเลิกมันไปด้วย

การปฏิบัติคือการค้นหาว่าอะไรที่ควรเลิก

จงทำตัวเธอให้ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์

 

ถาม  คนโง่จะต้องการปัญญาได้อย่างไร?

บุคคลจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรที่ควรต้องการ เพื่อที่จะได้ต้องการมัน

แต่สภาวะสูงสุดเป็นสิ่งที่บุคคลยังไม่รู้จัก แล้วเขาจะต้องการมันได้อย่างไร?

ตอบ  บุคคลจะสุกงอมและพร้อมสำหรับการบรรลุธรรมโดยธรรมชาติ

 

ถาม  แต่อะไรคือปัจจัยในการสุกงอม?

ตอบ  การจดจำตัวตน การตระหนักถึง “ฉันเป็น” ทำให้เขาสุกงอมอย่างเร็วและแรง

หยุดแนวคิดทุกชนิดเกี่ยวกับตัวเธอ และแค่ “เป็น”

 

ถาม  ผมเบื่อเต็มทีกับวิธีต่างๆ แนวทางต่างๆ ทักษะและกลอุบายต่างๆ พวกการแสดงผาดโผนทางใจทั้งหลายเหล่านี้

มีวิธีใดไหมที่จะรับรู้ความจริงแท้โดยตรงและทันที?

ตอบ  หยุดใช้ใจของเธอ และดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ทำแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น แต่ทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน แค่นั้นแหละ

 

ถาม  ตอนที่ผมยังเด็ก ผมมีประสบการณ์แปลกๆ สั้นแต่ควรค่าแก่การจดจำ ผมรู้สึกถึงการไม่เป็นอะไรเลย ไม่เป็นอะไรสักอย่าง แต่มีความรู้ตัวเต็มที่

สิ่งอันตรายก็คือ บุคคลมีความต้องการที่จะนำความทรงจำมาสร้างเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วขึ้นมาใหม่

ตอบ  ทั้งหมดล้วนเป็นจินตนาการ

ในแสงสว่างแห่งความรู้ตัว สิ่งต่างๆมากมายเกิดขึ้น และบุคคลไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญแก่เหตุการณ์ใดเป็นพิเศษ

การเห็นดอกไม้ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์เท่าๆกับการเห็นพระเจ้า

ปล่อยให้มันดับไป

ทำไมต้องจดจำมันและทำให้ความทรงจำกลายเป็นปัญหา?

จงวางเฉยกับมัน อย่าให้ค่ามันเป็นความสูงหรือต่ำ เป็นภายในหรือภายนอก เป็นสิ่งเสถียรหรือชั่วขณะ

จงไปเหนือสิ่งเหล่านี้ กลับไปที่แหล่งกำเนิด ไปยังตัวตนที่แท้ซึ่งคงเดิมเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

จุดอ่อนของเธอเกิดจากความเชื่อมั่นว่าเธอเกิดขึ้นมาบนโลก

ในความจริงแท้ โลกถูกสร้างขึ้นใหม่ภายในเธอ โดยเธอ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จงเห็นทุกสิ่งว่ามันปรากฏขึ้นจากแสงสว่างซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของการมีอยู่เป็นอยู่ของเธอ

เธอจะพบว่าในแสงสว่างนั้น มีความรักและพลังงานที่เป็นอนันต์

 

ถาม  ถ้าผมคือแสงสว่างนั้น ทำไมผมจึงไม่รู้?

ตอบ  ในการรู้ เธอต้องมีใจรู้ ใจซึ่งมีความสามารถพอที่จะรู้

แต่ใจของเธอวิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยสะท้อนแสงอย่างเต็มที่

เธอจะเห็นดวงจันทร์ที่มีความสวยงามอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร เมื่อนัยน์ตาฝ้าฟางด้วยโรคร้าย?

 

ถาม  เราจะพูดได้ไหมว่า ขณะที่ดวงอาทิตย์ทำให้เกิดเงา บุคคลไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ภายในเงา เขาต้องหันกลับไปข้างหลัง

ตอบ  เธอพูดเรื่ององค์สามของดวงอาทิตย์ ร่างกาย และเงา

ในความจริงแท้ ไม่มีการแบ่งแยกเช่นนั้น

สิ่งที่ฉันพูดถึง ไม่เกี่ยวอะไรกับธรรมคู่ และธรรมสาม

อย่าตริตรึกด้วยใจและพูดออกมา

แค่เห็น และ “เป็น”

 

ถาม  ผมต้องเห็นใช่ไหม จึงจะ “เป็น”

ตอบ  เห็นว่าเธอเป็นอะไร

อย่าถามคนอื่น อย่าให้คนอื่นบอกเธอเกี่ยวกับตัวเธอเอง

มองเข้าไปภายใน แล้วมองดู

ทั้งหมดที่ครูสามารถบอกเธอได้มีแค่นี้

ไม่จำเป็นต้องเที่ยวแสวงหาครูคนนั้นคนนี้

ทุกบ่อมีน้ำอันเดียวกันอยู่ภายในบ่อ

เธอแค่ตักน้ำจากบ่อที่อยู่ใกล้ที่สุด

ในกรณีของฉัน บ่อน้ำนั้นอยู่ภายในฉัน และฉันคือน้ำ

 

ศรี นิสาร์กะทัตตะ มหาราช

“I AM THAT”

 

หมายเลขบันทึก: 643752เขียนเมื่อ 3 มกราคม 2018 18:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มกราคม 2018 18:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท