ใครคิดเหมือนผมบ้าง..วิชาการ..น่าจะเรียนทันกันหมด เพราะโลกเปลี่ยนไป เทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น..วิชาการ..ทำให้คนมีภูมิรู้และดูภูมิฐาน แต่บางครั้งก็ทำให้คน..เอาตัวไม่รอด ทั้งที่มีความรู้ท่วมหัว..เข้าตำรา ”เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” ก็คงจะได้..
นับวัน..ผู้บริหารการศึกษาระดับสูง..เน้นวิชาการอย่างหนักหน่วง เห็นได้จากนโยบายในแต่ละปี..ที่ชี้ให้เห็นว่าจะแข่งขันกับ..อาเซียน..และให้ก้าวทันโลก..
ถนนทุกสาย..จึงมุ่งสู่มหาวิทยาลัย ไขว่คว้าใบปริญญา ตรี โท เอก เต็มบ้านเต็มเมือง..
หลายคน..มีทางเลือก จึงตัดสินใจเลือกเดินอย่างสวยหรู ทำให้ไปตลอดรอดฝั่ง ถึงยังเป้าหมายที่ตั้งไว้..แต่ไม่ทุกคน.
และบางคน..ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ก็ยังเลือกเดินสายวิชาการ..เพื่อปริญญาบัตรมาประดับบารมีให้ตนเองและครอบครัว..
แรกๆผมก็แปลกใจ..ตอนหลังเลิกแปลกใจ เพราะวัฒนธรรมการศึกษาไทย เป็นเช่นนั้น ที่น่าศึกษาก็คือ..จุดหักเห..มันเริ่มต้นที่จุดใด ประถม..หรือมัธยม..แล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อไป...
เอากันง่ายๆก่อน..เรื่องจริงที่เห็นและเป็นอยู่ เกี่ยวกับที่ดินทำกิน..พบว่า..เป็นของนายทุน ที่ผู้ปกครองนักเรียน เช่าทำกินเพื่อหารายได้ ส่งลูกเรียนมัธยมฯ และเรียนสูงไปเรื่อยๆ..มีสักกี่คนเรียนจบแล้ว สามารถทำให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้..
หนักไปกว่านั้น..ผู้ปกครองที่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง..ส่งลูกเรียน..ที่ไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินทำกินเลย..พ่อแม่คงไม่คิดอะไรหรอก แต่ผมคิด..คิดว่าลูกหลานจะไม่รักหวงแหนสมบัติของพ่อแม่ ใช้ที่ดินทำกินไม่เป็นและไม่รักถิ่นฐานบ้านเกิด..
ร่ำเรียนวิชาการมากเข้า..เท้าไม่ติดดิน..ก็จะรู้สึกเขินอายที่เห็นพ่อแม่เป็นลูกจ้างและเกษตรกร..ใจจะวุ่นวายเร่าร้อน..อยากได้อะไรง่ายๆอยู่เสมอ...
การศึกษาไทย..กำลังจะเสกสรรปั้นแต่ง ให้เยาวชนลูกหลานไทย..เข้าใกล้ในสิ่งที่ผมพูดเข้าไปทุกที..เพราะเป็นเช่นนี้..ทั่วบ้านทั่วเมือง
ทำไม..ไม่เล็งเห็นความสำคัญของ..”วิชาชีวิต”กันบ้าง ทำควบคู่กับวิชาการก็ได้ ถ้าเป็นระดับประถมฯก็ปลูกฝังให้เป็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์..ถ้าเป็นมัธยม..ผมเห็นหลายประเทศเขาทำกันแล้ว..ทำในลักษณะโรงฝึกงาน โรงนา สวนเกษตร ฝึกอาชีพ..สร้างรายได้ เรียนรู้ที่โรงเรียน สร้างฐานการผลิตที่บ้าน..สร้างงานให้ตนเอง.
ผมพยายามทำเรื่องนี้..ให้เกิดขึ้นที่โรงเรียน..จำลองเรื่องราวที่บ้านมาไว้ที่โรงเรียน ผมต้องการฝึกนักเรียน “ขั้นพื้นฐาน” เริ่มจากรักงาน..รักชีวิต..ใกล้ชิดพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ เข้าใจกระบวนการขั้นตอนการทำงานเกษตร..ตั้งแต่เตรียมดิน ตากดิน ใส่ปุ๋ยคอกและวางแผนการปลูก..
ผมคิดว่า..เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของนักเรียนแล้วล่ะ..ถ้าต่อไปภายภาคหน้า..เขาได้ตระหนักและเข้าใจวิชาชีวิตมากขึ้น..เขาจะปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก..ตลอดจนแบ่งปันสิ่งดีๆให้สังคม..
ผมบอกครูเสมอ..อย่าได้ห่วงวิชาการ เมื่อเด็กลงสู่ภาคสนาม..เพราะทุกอย่างบูรณาการไปสู่การอ่านการเขียน และการคิดวิเคราะห์ได้ทั้งสิ้น
เพราะเมื่อใดที่เด็กเรียนวิชาชีวิต..เขาจะมองตนเองออก บอกตนเองได้ และใช้เวลาไปในทางที่ถูกที่ควร และเมื่อนั้น..วิชาชีวิต สร้างผลสัมฤทธิ์ที่ดีกว่าเสมอ...
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๐
ชื่นชมอุดมการณ์ค่ะผอ.