เมื่อผู้สูงอายุมาเรียนรู้เท่าทันความรุนแรงและฝึกศิลปะป้องกันตัว


ไม่บ่อยเท่าไรที่จะมีคนสูงวัยมาร่วมกิจกรรมอย่างนี้นะครับ เพราะเวลาผมถูกเชิญไปเป็นวิทยากรเรื่องการป้องกันตัวที่ไหน กลุ่มที่มาอบรมก็มักจะเป็นเด็ก เยาวชน สตรีวัยทำงานซะส่วนใหญ่ ที่มีเป็นคนชรามาบ้างก็ปะปนมาประปราย ที่เคยฝึกอบรมให้นี่ก็วัยเจ็บสิบกว่า นั่นเป็นแม่ของคุณโรจน์ เจ้าของ Greenlife Fitness ที่กรุงเทพ ลูกก็กล้าหาญ คุณแม่ก็กล้าลอง แรกๆผมก็เกรงๆว่าคนแก่จะมาเรียนอะไรนี่ต้องระวังเพราะมวลกระดูกเปราะ เส้นเอ็นอะไรต่อมิอะไรก็ชำรุดทรุดโทรมไม่เหมือนหนุ่มๆสาวๆ แต่เอาเข้าจริง ฝึกกันสองวัน คุณแม่ก็ตั้งใจฝึกได้ดี ได้เทคนิคหลายอย่างไป เช่น การทรงตัว การหมุนตัว การปลดล็อค และฝึกล้ม ที่แกเรียนรู้ได้ดีนี่คงเป็นเพราะลูกชายหมั่นดูแลสุขภาพแกเป็นอย่างดี และคอยดูแลตลอดการฝึกอบรมอย่างใกล้ชิด ถือเป็นตัวอย่างที่น่าประทับใจมาก ส่วนผมก็ได้ประสบการณ์ที่ได้อบรมให้กับคนชราที่ใหม่ถอดด้ามติดมาบ้าง



(ภาพจากการฝึกอบรม ศิลปะการป้องกันตัวเบื้องต้นโดยมีสตรีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุเข้าร่วม จัดที่ Greenlife Fitness ที่กรุงเทพ เมื่อ 9-10 พ.ค.58 ดูคลิปอบรมคราวนั้นจากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=zfOcyMixyEU ได้ครับ)


ผ่านไปสองปีจากประสบการณ์ดังกล่าว มาสู่ปลายปี 2559 อบต.หมอกจำแป่ ได้ติดต่อมาให้เป็นวิทยากรวันยุติความรุนแรงต่อสตรี งานจัดขึ้นที่ห้องประชุม อบต. วันที่ 25 พฤศจิกายน เราก็ถามว่า อบต.นึกยังไงถึงเลือกให้ผมไปเป็นวิทยากร ทางปลัด อบต. ก็บอกว่ารู้จากการที่ผมเคยไปช่วยเป็นวิทยากรงานของกระทรวง พม. (การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) เมื่อหลายเดือนก่อนว่าผมฝึกศิลปะป้องกันตัวไอคิโดอยู่ และทาง อบต. ก็อยากให้แกนนำชาวบ้านเรียนรู้เรื่องการจัดการความรุนแรงต่อสตรีมากไปกว่าการฟังบรรยายเหมือนทุกที แต่อยากให้มีการฝึกปฏิบัติด้วย ซึ่งหาวิทยากรได้ยากมาก พอดีเห็นผมพูดในที่ประชุมวันนั้นก็เลยดีใจ ทาบทามขอให้มาช่วยเป็นวิทยากรในวันนี้ ทีแรกผมก็ก็เข้าใจว่าผู้เข้าประชุมคงจะเป็นแกนนำสตรีรุ่นหนุ่มสาว วัยกลางคน สักหกสิบคน พอเข้าไปในห้องประชุม โห กว่าครึ่งนี่อายุเลยห้าหกสิบปีไปละ






ช่วงเช้านี่ไม่เท่าไรครับ เพราะเป็นภาคทฤษฎี เน้นบรรยาย และพูดคุยซักถามกับบรรดาพี่ๆ แม่ๆ ป้าๆ มีเอกสารแจก (แต่เดาๆว่า เขาคงไม่อ่านเท่าไร แต่ก็มีไว้เผื่อคนสนใจจะอ่านละเอียด) ที่เน้นมากกว่าคือการเรียนรู้ผ่านการดูคลิป ดูละคร อันนี้ชาวบ้านชอบ เข้าถึงมากกว่า แล้วเอาละคร เอาคลิปนั้นมาวิเคราะห์วิจารณ์กัน ก็ได้ผลดีครับ บางคนคิดเชื่อมโยงไปถึงประสบการณ์ที่ตนเองประสบมา แล้วแลกเปลี่ยนให้สมาชิกในที่ประชุมรับรู้ อันนี้ วิทยากรปลื้มละ ถือว่าสมาชิกมีความไว้วางใจ ช่วยให้เขาเปิดประตูหัวใจ ให้เขามีความกล้าที่จะบอกเล่าด้านมืดที่ตนประสพออกมาได้บ้าง การเล่าเรื่องอย่างนี้มีคุณค่ามากครับ เป็นคุณูปการที่ผมได้ไปเรียนรู้จากวงสุนทรียสนทนา (dialogue) จากเครือข่ายคนทำงานผู้สูงอายุและคนพิการแล้วเอามาปรับใช้ และลึกๆ ผมก็เชื่อว่าคงจะมีผู้หญิงในห้องประชุมผ่านประสบการณ์เลวร้ายอย่างนี้มาอีกหลายคน ถ้าเวลามีมากกว่านี้ เราก็คงได้เรียนรู้และที่สำคัญคือเติมเต็มกำลังใจกันได้มากกว่านี้




ที่นี้มาถึงช่วงบ่าย เป็นการฝึกเทคนิคการป้องกันตัวเบื้องต้นโดยประยุกต์ใช้วิชาไอคิโด (aikido) เนื่องจากต้องใช้สถานที่ที่โล่งและกว้าง จึงย้ายจากช่วงเช้าที่ใช้ห้องประชุม อบต. ลงไปใช้ใต้ถุนอาคารผู้สูงอายุที่อยู่ใกล้ๆกัน ช่วงบ่ายนี่แหละครับที่ผมกังวลอยู่เพราะมากกว่าครึ่งของผู้เข้าอบรม เป็นผู้สูงอายุทั้งนั้น จะให้มาฝึกลุกฝึกเคลื่อนไหวมากๆ และไม่คุ้นกับกิจกรรมเคลื่อนไหวแบบนี้มาก่อน จะให้มาเริ่มทั้งหมดก็คงลำบาก ไม่รู้สุขภาพ กระดูกกระเดี้ยวของแต่ละคนเป็นไงบ้าง ก็เอาแบบพอประมาณ เอาคนที่พอสมัครใจมาฝึกให้ดู และก็ขอยืมตัวน้องผู้ชายที่เป็นเจ้าหน้าที่ อบต. มาร่วมสาธิตเป็นคนร้าย ว่ากันสดๆเลย ก็เริ่มจากการฝึกเดิน ฝึกการทรงตัว และฝึกล้มอย่างถูกวิธี ที่อยากเน้นให้ผู้สูงอายุนำกลับไปฝึกต่อเนื่องที่บ้านได้ ต่อด้วยการฝึกรับการจู่โจมในรูปแบบต่างๆ มีแกนนำสตรีสามสี่คนที่ลุกขึ้นฝึกปฏิบัติตลอด และถึงแม้จะเป็นครั้งแรกๆของการฝึก ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ถ้าฝึกต่อเนื่องเรื่อยๆนี่เป็นแกนนำในเรื่องนี้ของจังหวัดได้เลย






ฝึกปฏิบัติภาคบ่าย สองชั่วโมงจากบ่ายโมงถึงบ่ายสาม ถือว่ากำลังดี นานกว่านี้ก็จะล้า และบ่ายสามนี่ บรรดาพี่ๆ แม่ๆป้าๆ ก็ต้องกลับไปทำงานบ้าน ไปรับลูกหลานตามบริบททางสังคมของคนที่นี่ เลยถึงเวลาต้องจรลี ก่อนจากกันก็ได้ถ่ายรูปหมู่ และให้กำลังใจบรรดาอิสสตรีที่เป็นแกนนำ รวมถึงผู้สูงอายุทั้งหลายในวันนี้ว่าปัญหาความรุนแรงต่อสตรีนั้นจะเบาลงไปได้ ก็ต่อเมื่อผู้หญิงด้วยกันลุกขึ้นมาจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการไม่เป็นมนุษย์เฉยเมื่อเห็นปัญหา การรวมกลุ่มสร้างการเรียนรู้และเสริมคุณค่ากำลังใจกัน อบรมแล้วใช่ว่าจะใช้ได้เลย เพราะสถานการณ์จริงมันต่างกัน ต้องฝึกเจริญสติไปด้วย จะนั่งสมาธิ จะจงกรม หรือฝึกสติด้วยวิธีใดก็ตามแต่ แต่สตินั้นมาก่อนเสมอ แล้วเทคนิคจึงจะใช้ประโยชน์ได้จริง ก็เป็นสิ่งที่ฝากไว้ จะได้ประโยชน์แค่ไหนนั้น นอกจากการฝึกสติแล้ว เทคนิคที่สอนไปก็ควรต้องฝึกปฏิบัติสม่ำเสมอ แม้ไม่มีโอกาสใช้เพราะยังไม่เจอภัย แต่อย่างน้อยฝึกไปก็เหมือนออกกำลังกาย ดีต่อสุขภาพเราแน่นอน และป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุได้อีกทาง





หาก อบต. หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงโรงเรียนผู้สูงอายุที่อื่นๆเปิดโอกาส สนับสนุนให้ผู้สูงอายุมาเรียนรู้เท่าทันความรุนแรงและฝึกศิลปะป้องกันตัวอย่างนี้ไว้บ้าง เป็นการป้องกันดีกว่าแก้ และที่แน่ๆ ก็คงจะช่วยชีวิตคนได้บ้าง ในท่ามกลางยุคสมัยที่ภัยมืดต่อสตรีและผู้สูงวัยไม่มีแนวโน้มจะลดลงเลย

หมายเลขบันทึก: 620952เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2017 13:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มกราคม 2017 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชาวกรีนไลฟ์ยังคงระลึกได้ถึงความทรงจำที่ดีมีสาระและสนุก
ขอขอบคุณครูยอดและคณะในความเมตตาที่สละเวลาไปให้ความรู้แก่พวกเรา
พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีของนักสู้ผู้กล้าที่อ่อนโยนกับทุกคนเสมออีกด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท