การสังคมสงเคราะห์เฉพาะราย เป็นประเภทของการสังคมสงเคราะห์ระดับจุลภาค ซึ่งเน้นการให้บริการผู้ที่ประสบปัญหาต่างๆเป็นรายบุคคลและครอบคลุมถึงในระดับครอบครัวของผู้ใช้บริการ
โดยนักสังคมสงเคราะห์ จะให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษา วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาด้านสุขภาพอนามัย ปัญหาทางอารมณ์จิตใจ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ใช้บริการมีความเข้าใจยอมรับในปัญหาของตนเอง พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกับนักสังคมสงเคราะห์
หลักธรรมกับการสังคมสงเคราะห์เฉพาะราย มีดังนี้ คือ
1. การละเว้นความชั่ว
อกุศลกรรมบถ 10 คือทางอันนำไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์ ความไม่สบายทั้งปวง
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่าคนเราพึงเลี่ยงสิ่งที่จะนำไปสู่หนทางแห่งความชั่ว ความเสื่อมทั้งปวง ซึ่งสามารถจำแนกแยกแยะได้ 3 หมวดใหญ่ และ 10 หมวดย่อย ซึ่งเรียกว่า อกุศลกรรมบถ 10 นั่นเอง ซึ่งประกอบไปด้วย
ความชั่วทางกาย 3 ข้อ
1. ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การเบียดเบียน ห่มเหง รังเกสัตว์
2. อทินนาทาน หมายถึง การลักทรัพย์ การเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่เต็มใจให้มาเป็นของของตน
3. กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง การประพฤติผิดทางกาม การผิดลูกผิดเมียผู้อื่น
ความชั่วทางวาจา 4 ข้อ
1. มุสาวาท หมายถึง พูดเท็จ พูดโกหกหลอกลวง พูดไม่มีมูลความจริง
2. ปิสุณวาจา หมายถึง พูดส่อเสียด พูดยุยงให้เขาแตกความสามัคคีกัน
3. ผรุสวาจา หมายถึง การพูดคำหยาบ มีวาจาไม่สุภาพ
4. สัมผัปปลาปะ หมายถึง การพูดเพ้อเจ้อ เลื่อนลอย ไม่มีเหตุมีผล
ความชั่วทางใจ 3 ข้อ
1. อภิชฌา หมายถึง ความละโมบหรือความโลภ มุ่งหมายอยากได้ของของผู้อื่นมาเป็นของตน
2. พยาบาท หมายถึง การคิดร้าย ปองร้ายต่อผู้อื่น มีความมุ่งมั่นที่จะทำลายประโยชน์และความสุขของผู้อื่น
3. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง การเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม เห็นว่าทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี มารดาบิดาไม่มีบุญคุณ ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม ไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ เป็นต้น
2. การบำเพ็ญความดี
การทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ทำให้สังคมอยู่อย่างปกติสุข ไม่มีปัญหาสังคม การทำความดีก็คือ กุศลกรรมบถ 10 แบ่งออกเป็น 3 หมวด ดังนี้
กายกรรม 3 ประการ
1. ไม่ฆ่าหรือทำลายชีวิตผู้อื่น
2. ไม่ลักขโมย หรือยึดเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน
3. ไม่ประพฤติผิดในกาม
วจีกรรม 4 ประการ
1. ไม่พูดเท็จ
2. ไม่พูดส่อเสียด
3. ไม่พูดคำหยาบคาย
4. ไม่พูดเพ้อเจ้อ
มโนกรรม 3 ประการ
1. ไม่โลภอยากได้ของคนอื่น
2. ไม่คิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น
3. เห็นชอบตามคลองธรรม
3. การชำระจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์
มนุษย์คือ ผู้มีจิตใจสูง การจะมีจิตใจที่สูงนั้นต้องมีการฝึกปฏิบัติ โดยมี 2 ทาง คือ
1. สมถภาวนา คือ การอบรมจิตใจให้เกิดความสงบ
2. วิปัสสนาภาวนา คือ การอบรมจิตให้รู้แจ้งตามความจริง
ในทางพระพุทธศาสนา การที่จะสงเคราะห์บุคคลนั้น ก็ต้องให้มีการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน ทำให้ตนเองมีความสุข ทำให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข การสงเคราะห์บุคคล 3 ด้าน คือ กายภาวนา จิตภาวนา และปัญญาภาวนา ดังนี้
1. ทำให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้
2. ทำให้สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้
3. เมื่อบุคคลพัฒนาตนเองได้แล้ว ย่อมทำให้ประพฤติ ปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา สามารถที่จะพัฒนาตนเองให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายของทางพระพุทธศาสนาได้
ไม่มีความเห็น