คำพังเพยนี้มันช่างตรงกับ ประสบการณ์ตรง ในขณะนี้ ของดิฉันเสียจริงๆเรื่องมีอยู่ว่า หลังจากรู้ว่าจะต้องกินยารักษา TB ดิฉันก็ขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผลข้างเคียงของยา ตามตำรา บอกว่า อาจเกิดผื่น คัน สิวมีไข้ เหน็บชา นอนไม่หลับ คลื่นไส้อาเจียนเบื่ออาหาร ปวดตามข้อ ปัสสาวะอุจจาระและน้ำลายอาจมีสีแดง ฯลฯ บอกตรงๆอ่านแล้วเฉยๆไม่รู้สึกกังวลอะไรสบายมาก ดิฉันเลือกที่จะกินยา เวลา 22.30 น เพราะต้องการหลีกเลี่ยงอาการ ไม่พึงประสงค์ของยาและเป็นเวลาเข้านอนของดิฉันพอดี <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"><div style="text-align: center"></div></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="center"></p>เกิดอะไรขึ้นกับดิฉันหลังกินยาและมันตรงกับคำพังเพยที่ดิฉันหยิบยกขึ้นมานั้นจริงหรือไม่อย่างไร ขอเชิญติดตามได้เลยนะบัดเดี๋ยวนี้ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หลังกินยาวันแรก ตื่นเช้ามารู้สึกปกติดี เปิดไฟเข้าห้องน้ำ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> เงยหน้ามองกระจก หา! หน้าเราเหรอทำไมมันเหลืองยังงี้ล่ะลองบ้วนน้ำลาย น้ำลายก็เหลือง รีบอ้าปากแยกเขี้ยวยิงฟัน ฟันก็เหลือง (ขยี้ตาดูใหม่) มันเหลืองจริงๆนะเนี่ยะ นั่งส้วม(ฉี่) ลุกขึ้นมาจะลาดน้ำ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">โฮ! ฉี่ฉันทำไมมันสีน่ากลัวแบบนี้ล่ะ (แดงปนเหลืองเข้มมากๆ)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> ลาดน้ำประมาณ5-6 ขันน้ำในโถถึงจะใส</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">(ขอโทษ อย่าหาว่าหยาบคายหรือลามกนะค่ะปกติจะมองสำรวจอุจจาระตัวเองทุกครั้งว่าสีอะไรเพราะสีของอุจจาระจะช่วยบ่งบอกถึงภาวะสุขภาพได้) </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> แต่วันนี้ไม่กล้าที่จะหันไปมอง (ท่านคงเดากันเองได้โดยไม่ต้องบรรยาย) </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">ออกมาจากห้องน้ำ นึกขอบคุณคุณหมอเอ๋ที่ให้หยุดงาน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">เฮ้อ! ตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ไม่เคยสงสาร ตับ ไต ไส้พุงเท่าวันนี้เลย</p><p> เวลาอ่านตำรามันรู้สึกเฉยๆจริงๆนะเป็นห่วงแค่เรื่องสิวอย่างเดียว อย่างนี้นี่เองที่วัยรุ่นชอบพูดกัน “ เจอของจริงแล้วจะ ห น า ว ” </p><p>ปกติเป็นคนที่ชอบรับประทานข้าวเช้า ไม่ชอบกาแฟหรือขนมปัง แต่วันนี้ไม่นึกหิวเลย จึงดื่มน้ำเปล่าไป 1 แก้ว เอ๊ะทำไมน้ำรสชาติ แปลกๆบอกไม่ถูกเมื่อคืนก็กินน้ำขวดนี้นี่หน่า ลองกลืนน้ำลายตัวเองดู นึกแล้วเชียวน้ำลายมันเฝื่อนๆนี่เองเลยทำให้รู้สึกว่าน้ำรสแปลกๆ(ขอถอนหายใจอีกรอบ) เฮ้อ!</p><p> ความคิดผุดขึ้นมาต้องกินน้ำเยอะๆวันหนึ่งๆปกติก็กินไม่น้อยกว่า 1.5-2 ลิตรแล้วนะ เอ..เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเยอะกันล่ะกินจนกว่าฉี่จะใสแล้วกัน วันแรกกินน้ำเกือบ 3 ลิตร แท่บจะอิ่มน้ำเลย เข้าห้องน้ำไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งฉี่ก็ยังไม่ใสบอกตัวเองว่าปล่อยมันไปก่อนไม่ไหวแล้ว </p><p>สายๆรู้สึกจะเพลียๆ ต้องนอนพักเอาแรงซะหน่อย วันแรกทานข้าวได้มื้อเที่ยงมื้อเดียว นึกถึงเด็กๆอีกแล้ว ยาที่พวกเขากินมันก็คงทำให้พวกเขาเบื่ออาหารเหมือนกัน แต่เด็กยังไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้งเหมือนผู้ใหญ่ ว่าร่างกายจะอยู่ได้ต้องหล่อเลี้ยงด้วยอาหาร คือสรุปว่าต้องกินตามหน้าที่ ที่เราจะต้องดูแลร่างกายให้ดี นี่แค่วันแรกนะค่ะยังมีวันที่สองสามสี่ที่ต้องเผชิญกัน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt" class="MsoNormal">อีก..โปรดติดตามตอนต่อไป</p> "หน่อย"
เห็นใจคนกินยาจริงๆค่ะ พอสิบตาเห็นก็หนาวเลย แต่ทานน้ำมากไป (ตั้ง 3 ลิตรต่อวัน) ก็อาจจะหนาวต่อได้นะคะ เห็นควรถามคุณหมอโรคไตด้วยค่ะ และปรึกษาเภสัชกรว่า ผลข้างเคียงจะลดลงโดยวิธีใดได้บ้าง
เวลาทานอะไรไม่ลง อาจลองดื่มน้ำมะนาว น้ำส้มบ้าง อาจทำให้สดชื่น และ
ส่งใจเชียร์พี่ด้วยคนอึบส์! Ucan do it!!
วันนี้ไปประชุมแทนพี่..เจอพี่หนูพิมศิริฝากความคิดถึงและกำลังใจมาให้พี่ด้วย..พี่หนูเองก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อสามสี่ปีก่อนพี่เขาก็ต้องกินยารักษาวัณโรคเหมือนกันกับพี่หน่อย..พี่หนูฝากบอกมาว่าเป็นห่วงพี่หน่อยมากนะ..และพรุ่งนี้เค้าฝากmoomiซื้อน้ำส้มการบินไทยมาให้ตัวเองทดลองชิมดูนะ..หายไวๆนะจ๊ะ..เหงาหูน่าดูเลยเวลาที่พี่นบ.ป่วย
น้องๆที่ศูนย์พัฒนาคุณภาพก็บ่นเหงากันเกือบทุกวันเพราะไม่มีใครมาเล่าเรื่องเด็กๆให้ฟัง
ขอบพระคุณมากๆค่ะสำหรับความห่วงใย
พี่สิริพร ที่น่ารัก สำหรับ คำแนะนำ
พี่เปี่ยม+พี่เจี๊ยบ สำหรับ ฝรั่งจินจู(ของชอบ)
Seangia San สำหรับ น้ำส้มการบินไทย
Kai San สำหรับ สาลี่ + ลูกพลับ
น้องโย่ง สำหรับ น้ำส้มคั้นเองจากใจ