การศึกษาในอนาคตอันใกล้ (เขียนขึ้นเมื่อ 2012)


ถ้าจะกล่าวถึงการศึกษาไทย ณ ปัจจุบันแล้ว ไม่ต่างจากการกล่าวถึงการศีกษาโลก เนื่อกจากปัจจุบันเป็นโลก โลกาภิวัตน์ คิดอะไร ทำอะไร ไม่นานก็ทราบกันหมด

นี้เป็นแนวคิดสมัยใหม่ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลง ของโลกร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ผนวกกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ สนองความต้องการและบทบาทโลก ซึ่งผมจะกล่าวดังต่อไปนี้

เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก่อนอื่นขอกล่าวถึง องค์ประกอบของการทำไอสครีมผลไม้ ก่อนน่ะครับ กล่าวคือ ไอสครีมประกอบไปด้วย นม+เนย ตีให้เข้ากันและขึ้นฟู แล้วนำมาผสมกับน้ำผลไม้ หลาดหลายชนิดตามต้องการ ก็จะได้ไอสครีมผลไม้รสอร่อยขึ้นมา ตามความต้องการของผู้ทาน องค์ประกอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ดังกล่าว 1. “นม+เนย ตีให้เข้ากันและขึ้นฟู” ในที่นี้จะเรียกว่า ส่วนผสมฐาน (Main Base) ส่วน 2. ผลไม้ ที่แต่งเติมรสชาด ได้แก่ ส่วนเติมเต็มตามความต้องการ 3. กระบวนการทำ ใส่อะไร ปั่นอย่างไร ผสมเมื่อไร สัดส่วนเท่าไร

จากประโยคข้างต้น ขอ เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นขัดเจนดังนี้ การศึกษาจะไม่เริ่มต้นจากหลักสูตร ที่เป็นกรอบ หลักสูตรตายตัวอีกต่อไป จะไม่มีสาขา แผนก ตายตัว แต่จะเปลี่ยนเป็นหลักสูตรตามความต้องการจริง หลักสูตร จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักได้แก่

1. ความรู้ที่พึงมี คือความรู้ที่ติดตัวมาและมีอยู่เป็นฐานความรู้ พร้อมที่จะถูกนำมาใช้

2. ความรู้ที่พึงได้ คือความรู้จากการเรียน การศึกษา ได้แก่ ความรู้ที่คุณต้องค้นคว้ามาเสริมแต่ง ความรู้ที่พึงมีให้สามารถขยายผลต่อไปได้ 3. ความรู้ที่พึงประสงค์ คือเป็นความรู้ต่อยอดที่คุณมีอย ู่แล้ว แต่อยากมีอีก เพื่อให้ได้ถึงความประสงค์ การเรียนจึงต้องเริ่มจากการค้นหาตัวเอง ความรู้ที่พึงมีว่ามีแค่ไหนพอหรือไม่ และเติมให้เต็ม(บางท่านอาจใช้คำว่า ปรับพื้น) นำไปสู่ความรู้ที่พึงได้ เพื่อให้เราเรียนเข้าใจ (พื้นฐานเฉพาะ) สู่การค้นพบใหม่ที่ทำให้ได้ความรู้ที่พึงประสงค์(แขนงความรู้)ทัศนะส่วนตัวน่ะครับ........... และยังมีอีก

3.ความรู้ (เพิ่มเติม) ที่นอกเหนือจากการเรียนรู้ เป็นความรู้ในทัศนะของตัวเอง การดำรงฃีวิต

และในทัศนะของข้าพเจ้า.....อีก 3 ส่วน การเรียนจึงต้องเริ่มจากการค้นหาตัวเอง ความรู้ที่พึงมีว่ามีแค่ไหนพอหรือไม่ และเติมให้เต็ม(บางท่านอาจใช้คำว่า ปรับพื้น) นำไปสู่ความรู้ที่พึงได้ เพื่อให้เราเรียนเข้าใจ (พื้นฐานเฉพาะ) สู่การค้นพบใหม่ที่ทำให้ได้ความรู้ที่พึงประสงค์(แขนงความรู้)

4. ความรู้ที่พึงใจ คือความรู้เฉพาะตัว ที่ตนสนใจเป็นการพิเศษ และมีความรอบรู้ในความรู้นั้น เช่น งานอดิเรก เป็นต้น

5. ความรู้ที่พึงเสนอ คือ ความเป็นครูอยู่ในคนทุกคน ความรู้ที่ถูกกลั่นกรองด้วยตัวเอง ไม่ว่าถูกหรือผิด การที่เรามีความรู้เราก็อยากเผยแพร่ และแสดงออก เพียงแต่ถ้ามากเกินไป ชาวเอเซียมักไม่ชอบ (อวดดี/อวดเก่ง) ให้ถ่อมตัว แต่ถ้าเป็นทางยุโรป (ฝรั่ง) จะส่งเสริมให้แสดงออก

6. ความรู้ที่พึงคิด คือ ความรู้ที่มักเป็นแต่คำถาม เป็นเหมือนความรู้ทั่วไป ความรู้ที่เกิดขึ้นในสังคมรอบตัว ตามกาลเวลา อาจเป็นความรู้ที่่ไม่มีถูกหรือผิด ไม่มีคำตอบ ข้างต้นยังเป็นเพียงกรอบการศึกษา แต่จะขาดไม่ได้เลย คือกระบวนการจัดการ การศึกษาเรียนรู้ ในที่นี้จะกล่าวคร่าวๆ เพราะมีรายละเอียดเยาะมาก กล่าวคือ กระบวนการที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จ ฉะนั้นจะกล่าวถึง บทบาทของของกระบวนการ

  • สถานศึกษา มีหน้าที่จัดหาทรัพยากรณ์ความรู้ เป็นแหล่งค้นคว้า ผู้เชียวชาญ และจัดสถานศึกษา เชิงปฏิบัติการ กรณีนี้ เนื่องมาจากการศึกษาไร้พรมแดน ทำให้การศึกษาทฎษฎี ความรู้มากมายหาได้จากเครือข่าย ฉะนั้นสิ่งที่ยังไม่สามารถทำได้คือ ให้ผู้เรียนมีทักษะปฏิบัติสูงสุดถึงขั้น ปฎิบัติงานจนเป็นอัตโนมัติ สถานศึกษาจะแปรรูปเป็นสถานฝึกปฎิบัติการ มีห้องปฎิบัติการในทุกๆ สาขา
  • ผู้สอน ทำหน้าที่ เป็นผู้รอบรู้ ค้นและสังเกตุเป็นผู้แนะแนว การคือ เหมือนโค๊ดกีฬา กล่าวคือ ผู้สอนไม่จำเป็นต้องทำได้ แต่สามารถสอน ให้คำแนะนำ และสร้างสถานะการณ์ให้ผู้เรียนสามารถทำได้ในขีดสุงสุด ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล รวมทั้งสมรรถนะ สมภาพ สูงสุงที่ผู้เรียนพึงทำได้ ซื่งอาจเหนือกว่าผู้สอน ดังเช่น โค๊ดฟุตบอล โค๊ดอาจเตะไม่ได้เท่านักฟุตบอล แต่สามารถ จัดประสพการณื สถานะการ ให้นักเตะได้ฝึกและเรียนรู้ และกระทำได้ตามความสามารถกของนักเตะนั้นๆ
  • ผู้ศึกษา มีหน้าที่ค้นพบตัวเอง และเลือกแนวทางไปสู่ความต้องการ และความสำเร็จของตน กล่าวคือผู้เรียนต้องศึกษาตลาดผู้ประกอบการ ความต้องการ ความสนใจ รวมถึงความถนัดของตน ว่าจะเรียนอะไร ทำงานอะไร อย่างไร แล้วเลือกแกนการเรียนรู้รวมทั้งเลือกวิชาความรู้ที่ต้องการใช้เอง ผ่านการแนะแนวของสถานประกอบการต่างๆกรณีที่ต้องการทำงานในสถานประกอบการ และสถานศึกษาที่สังกัดในกรณีที่ต้องการทำกิจการตัวเอง
  • สถานประกอบการ จะปรับเป็นผู้สนับสนุน ให้ทุนแก่สถานศึกษา ให้คำแนะนำ แนะแนว ให้คำปรึกษา ความต้องการของสถานประกอบการ เพราะปัจจุบันผู้เรียนมักเรียนแบบกว้างรอบรู้ ไม่มีแกนแนวทางที่ตรงตามความต้องการสถานประกอบการ พอสถานประกอบการรับคนงานมา ต้องมีการจะอบรม จัดสอนงาน จัดฝึกงาน เพื่อให้คนงานทำงานได้ ต้องการสอนซ่ำ ทวนซ่ำ ส่วนความรู้ที่มีอยู่ของผู้เรียนก็ใช้ไม่ได้ครบถ้วน ผู้เรียนเรียนมา ร้อยลาะร้อย แต่พอมาทำงานกับ กลับต้องเรียนรู้ใหม่ ศึกษาใหม่ ใช้ที่เรียนมาไม่ถึง ร้อยล่ะห้า เป็นการสูญเปล่าทางความรู้และเวลา
  • รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนสิ่งแวคล้อมให้เกิดการศึกษาไร้ขีดจำกัดด้าน วัน-เวลา-สถานที่ รวมถึง การเรียนรู้แบบไม่รู้จบ ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่มีใครแก่เกินเรียน และยังต้องจัดสถานปฎิบัติการ เครื่องมือเฉพาะ เป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติการเฉพาะด้าน เนื่องจาก ทางสถานศึกษาอาจมีข้อจำกัดในงบประมาณที่จะจัดหา เครื่องมืออุปกรณ์บางอย่างที่มีราคาแพง รัฐจำเป็นต้องลงทุนเอง เพื่อจัดสร้างสรรหา เครื่องมือ อุปกรณ์หล่าวนี้ เช่น เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมือทางการแพทย์ อื่นๆ
  • ภาพรวม รัฐ+สถานศึกษา การร่วมกันลงทุนและสร้างเครือข่าย กาล่าวคือ สถานศึกษา จัดหาเครื่องมือที่มีราคาแพง จำเป็นต้องนำมาใช้การเรียนการสอน ใช้ในสถานศึกษาของตนเองเท่านั้น ความจริงๆ แล้วการใช้เครื่องมือดังกล่าวถูกใช้เพียงปี ล่ะครั้ง ไม่คุ้มการลงทุน น่าจะเปิดโอกาสให้สถานศึกษาอื่นเข้ามาใช้
  • การสร้างภาพรักษ์ ของสถานศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสถานศึกษาเชียวชาญ การร่วมมือเพื่อให้การศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาให้แต่ล่ะสถานศึกษาที่ความเชียวชาญในสาขาวิชาที่แตกต่างกัน ฉะนัน้สถานศึกษาใดเชียวชาญในด้านใด จึงจำเป็นต้องเป็นผู้ให้การศึกษาด้านนั้นเป็นการเฉพาะ เพื่อประโยชน์แด่ผู้เรียนสูงสุด ทุกๆคน จะมีโอกาสได้โอกาสเท่าๆ กัน
  • การสนับสุนการศึกษาทางเลือก กล่าวคือ ผมได้ประสพกับลูกของผมเอง จำต้องไปเรียนคณิตศาสตร์ทางเลือกตามห้างฯ เป็นเทคโนโลยีการเรียนการสอนจากต่างประเทศ ปรากฏว่า เทอมล่ะ 3,000 - 6,000 บาท ใช้เวลาเรียน 2-3 เดือน ท่านคงคิดว่าถูก แต่เมื่อมาคิดดีๆ จะพบว่าเมื่อเราหารออกมาเป็น ชม. หรือคาบเรียน อาทิตย์ล่ะ คาบ ก็เป็นเงิน คาบล่ะ 300-500 บาทต่อคนเชียว ถ้าการศึกษาทางเลือกยังคงแพง เป็นเหตุให้เข้าถึงความรู้ยาก ในทุกฐานะแล้ว เกินความไม่เท่าเทียมด้านการศึกษา ประเทศจะเจริญไปไม่ได้เลย ส่วนวิธีการมีหลายวิธีการมีปัจจัยหลายประการ และถ้ากล่าวในที่นี้อาจเป็นการระเมิดได้ต้องขออภัยที่จะไม่กล่าวในวาระนี้

จากที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแนวคิด ส่วนหนึ่ง และจะเป็นจริงได้ต้องการรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อาจจำต้องทิ้งตัวตน ปล่อยบางบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์สูงสุด ทางเป็นไปได้อาจจำต้อง สร้างทางเลือกสถานศึกษา การสร้างสถานศึกษาเสมือนจริง อาจเป็นทางเลือกในปัจจุบันก็ได้

หมายเลขบันทึก: 613165เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2016 10:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม 2016 10:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท