รู้สึกประทับใจ..กับการที่ได้เดินทางไปกรุงเทพฯ ไปเข้าร่วมอบรมสัมมนาที่ว่าด้วย การจัดทำต้นฉบับ..หนังสือ..หรือ ผลงานการเขียน..ที่จะทำให้เป็นรูปเล่มได้อย่างไร โดยที่ไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์ ที่เขามักจะรับพิมพ์แต่นักเขียนมีชื่อ และพิมพ์ครั้งละมากๆ ...ซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก..
หลักการและแนวทางการจัดหนังสือ..เพื่อพิมพ์เก็บไว้เป็นที่ระลึก..ครั้งหนึ่งในชีวิต จะพิมพ์แค่ ๒๐ – ๕๐ เล่ม ก็ทำได้ ตกราคาเล่มละ ๑๐๐ – ๒๐๐ บาทเท่านั้น...จึงคิดว่า..น่าจะมีหนทางที่เป็นไปได้...รวมทั้งได้รับความรู้เกี่ยวกับ E BOOK ว่าแท้ที่จริงแล้ว..ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย
นอกจากจะประทับใจในความรู้และความสามารถของวิทยากรแล้ว..ที่สำคัญและประทับใจไม่แพ้กัน ก็ตรงที่ได้นั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา..ทานอาหารมื้อค่ำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศแสงสีระยิบระยับ สองฟากฝั่งแม่น้ำสายหลักของ กรุงเทพมหานคร
ลงเรือสำราญ..ริเวอร์ไซต์..เมื่อเวลา ๑๙.๐๐ น. ผมเลือกอาหารตามสั่ง แทนการทานแบบบุฟเฟต์และเลือกที่นั่งทานบนดาดฟ้าเรือ ซึ่งเป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเท เย็นสบายและไม่ต้องอึกทึกด้วยเสียงดนตรี...ยามนี้..ต้องการสัมผัสและอิ่มเอมกับประวัติศาสตร์ย้อนยุค..
ริเวอร์ไซต์ เคลื่อนออกจากท่า เวลา ๒๐ นาฬิกา พิธีกรหนุ่ม หรือมัคคุเทศก์ ผู้บรรยายประจำเรือ ก็ออกมาแนะนำตัว และเกริ่นกล่าวจุดประสงค์ว่า จะพาผมและคณะ มากกว่า ๕๐๐ ชีวิต ท่องเจ้าพระยาในค่ำคืนนี้..เป็นเวลา ๒ ชั่วโมง ระยะทางไปกลับ ๓๒ กิโลเมตร...
ผู้บรรยายประจำเรือ...เสียงดีมาก ชวนให้ฟังได้ตลอด บอกให้เราหันไปมองทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ก็ชวนให้เคลิบเคลิ้มกับข้อมูลที่ผู้บรรยายศึกษามาอย่างลึกซึ้ง และยิ่งมีความเชี่ยวชาญในการพูด โดยที่ไม่ต้องถือเอกสาร ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการฟัง ดูเป็นธรรมชาติ มีการสอดแทรกอารมณ์ขัน มีลูกเล่นลูกฮาด้วยแล้ว ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย ความชัดเจนและต่อเนื่องในการบรรยายสดแบบนี้ บ่งบอกถึง..ผู้บรรยายหรือชายหนุ่มคนนี้ ทำงานด้วยความตั้งใจ จริงจังที่จะมอบความสุขให้ผู้ฟัง จึงจัดเต็มถึงขนาด จนทำให้ผมและหลายคน สัมผัสได้และประทับใจตลอดการเดินทาง
ผู้บรรยาย..ให้ความรู้และความเป็นมาตั้งแต่สะพานที่ ๑ จนถึงสะพานสุดท้าย รวม ๖ – ๗ สะพานด้วยกัน ..ตึกราม บ้านช่อง ร้านค้าเล็กๆ ไปจนถึงคอนโดมีเนียม ก็บอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของ เป็นลูกหลานของผู้ใด ใครเป็นต้นตระกูลอันโด่งดังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
วัดวาอาราม ประสาทราชวัง โรงเรียน โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยริมฝั่งเจ้าพระยา สร้างในสมัยใด..เมื่อมองตามไป ผมเห็นภาพตรงหน้า ในความมืดที่มีไฟประดับเป็นแสงเงาสะท้อนอยู่เบื้องหลัง กระทบท้องน้ำดูงดงามจับตาจับใจ
เรือริเวอร์ไซต์ล่องไป ผ่านช่วงท้องน้ำกว้างใหญ่และแคบที่สุดของเจ้าพระยา ก็เพิ่งจะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ส่วนที่แคบที่สุด ถูกขุดโดยคนงาน ที่เกณฑ์มาจากกรุงศรีอยุธยา ให้เจ้าพระยาเป็นสายตรง ไปต้องอ้อมไปทางคลองบางกอกน้อย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเก่า.....
ครับ..ดูสารคดี ได้เห็นและได้ยินมา ไม่เคยไปต่างประเทศกับเขา จากคำบอกเล่า ออสเตรเลีย เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ ล่องเรือยามค่ำคืน ช่างงดงามยิ่งนัก..ผมคิดว่า..ถ้าใครได้เห็นบ้านเมืองของไทย ได้เห็นกรุงเทพฯ สองฝั่งเจ้าพระยาเหมือนที่ผมเห็น จะมั่นใจได้เลยว่า..ของเรา..ก็มีดี ไม่แพ้ชาติใดในโลก แล้วยิ่งได้รับทราบอดีต..ประวัติความเป็นมา..ด้วยแล้ว..จะยิ่งรักประเทศไทย ..มากขึ้น อย่างแน่นอน ครับ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
คงต้องขอยืมแนวทางไว้ ( แอบ ) ใช้
บ้างนะจ๊ะ น่าสนใจ ๆ
เคยล่องเรือริเวอร์ไซด์แล้ว
ทำให้รู้ว่า กรุงเทพ ฯ ยามราตรี
งามกว่า ยามทิวา อย่างเทียบกันไม่ได้
เลยจ้าา