เกือบ ๆ บ่าย ๔ โมง คณะของคุณมะเดื่อจึงมาถึง
บ้านของลุงวอ ตามที่ได้นัดหมายกันไว้
ลุงวอกับแม่บ้าน กำลังช่วยกันเตรียมเสบียงที่จะนำไปล่องแพ
โดยเฉพาะของฝากจากเมืองสามอ่าว คือ " ขนุน "
พันธุ์ส่งออก ที่กลิ่นหอมไม่แรง แต่ หวานจับใจ
แต่....แผนล่องแพของคุณมะเดื่อกับคณะต้องเปลี่ยนแปลง
กะทันหัน เพราะ ลูกสาวมีอาการปวดหัวอย่างแรง
(คงเพราะเล่นน้ำตกนาน และอากาศร้อนมาก
บวกกับ ตากแอร์ในรถที่นั่งมานานด้วย) อาการไข้
จึงตามมา ประกอบกับ การล่องแพต้องค้างในแพด้วย
พรุ่งนี้เช้าจึงจะเดินทางกลับเข้าฝั่ง..
(ใช้เวลาล่องแพกลับเข้าฝั่งประมาณ ๔ ชั่วโมง)
คณะของคุณมะเดื่อก็ต้องเดินทางกลับแต่เช้า
เนื่องจากลูกสาวและครอบครัวของเขา
ต้องเดินทางกลับลพบุรีให้ทันในวันทำงาน ( ๓ พ.ค.)
ดังนั้น...จึงขอตัวไม่ลงแพ จะให้น้องครูหยิน
และน้องครูเสริมลงแพ แต่น้องครูทั้งสองก็ขอตัว
กลับเช่นกัน และอาสาไปส่งลุงวอลงแพก่อน
ดังนั้น...จึงเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกร่วมกันไว้
และ ตกลงกันว่า โอกาสหน้า พวกเรา
พี่น้องชาวโกทูโน จะไปล่องแพที่ปากพะยูน
ด้วยกัน เป็นทริปพิเศษ...( ใครจะไปบ้างจ๊ะ
แจ้งชื่อไว้ก่อนได้เลยจ้าา )
ครอบครัวคุณมะเดื่อ และครอบครัวลูกสาวจึงอำลา
ลุงวอ และน้องครูหยิน น้องครูเสริมแล้วเดินทาง
มุ่งสู่เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อพักค้างที่นั่น
ก่อนเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น
ประมาณ ๒ ทุ่ม คุณมะเดื่อและครอบครัว ก็เข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช
หาที่พักได้แล้ว จึงออกมากินมื้อ (เย็น ) ค่ำ ที่ร้านอาหารซึ่งอยู่หน้ารีสอร์ท
ที่พวกเราจะพักคืนนี้นั่นเอง ร้านนีี้จัดสถานที่ได้ดี เจ้าของร้าน
ต้อนรับดี พูดจาน่ารัก ราคาอาหารก็ไม่แพงนัก รสชาติพอได้
แต่...เสียอย่างเดียว...ไม่ระบุราคาอาหารในเมนูให้ทราบ เท่านั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราออกจากรีสอร์ท แต่เช้า มุ่งสู่ " วัดพระมหาธาตุ"
เพื่อกราบนมัสการพระมหาธาตุแห่งเมืองนคร ฯ เป็นครั้งแรกที่พวกเรา
ได้มา ณ ที่นี้
กราบพระขอพรแล้วจึงเดินชมสถานที่รอบ ๆ (โดยจะใช้เวลาไม่มากนัก )
วันนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาชมที่นี่มากพอสมควร
ใกล้ ๆ กันนั้น มีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าไปชม มีสิ่งที่น่าดู น่าศึกษา
และให้ความรู้มากมาย แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ
หลังจากเที่ยวชมสิ่งต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์แล้วจึงออกมาด้านนอก
เห็นภาพประกวดของเด็ก ๆ เกี่ยวกับองค์พระมหาธาตุ น่าสนใจจึงเก็บภาพมาด้วย
รวมทั้ง วิหารนี้ น่าจะเป็นวิหารที่ผู้คนมาขอบุตร
แล้วนำภาพเด็ก ๆ ลูกหลานที่ได้สมปรารถนาแล้วนั้นมาไว้ที่นี่ด้วย
ที่นี่คือ วิหารพระเจ้าศรีธรรมโศกราช
ออกมาจากบริเวณวัดมหาธาตุ ก็พบว่า มีคณะมโนราห์เตรียมที่จะ
แสดงตามที่มีเจ้าภาพมาหาแก้บน กำลังแต่งตัวจึงขอถ่ายภาพด้วย
อยากจะดูเด็ก ๆ รำมะโนราห์ แต่ไม่มีเวลาพอ จึงได้แต่ถ่ายภาพไว้
ออกมาหน้าวัด มองหาร้านข้าวเพื่อกินมื้อเช้า มีร้านอาหาร
อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด อยู่ริมถนน รสชาติไม่ต้องคำนึงถึง
กินพอให้อิ่ม ๆ ไป แต่เจ้าตัวเล็กคงติดใจน้ำซุป ยกซด
ทั้งถ้วยโชว์ซะเลย ยืนยันความอร่อย (ของเขานะ)
หลังอาหารเช้า พวกเราแวะกราบขอพรศาลหลักเมืองนคร ฯ ที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น
ก่อนเดินทางต่อไป
เมื่อถึง ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ก็แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารปักษ์ใต้
ริมถนน แล้วแวะวัดสวนโมกข์ ที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น ที่นี่คุณมะเดื่อ
ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยแวะเลยจ้ะ
เมื่อเข้าสู่บริเวณวัดอันร่มรื่นด้วยต้นไม้ ก็แว่วได้ยินเสียงท่านพุทธธาตุเทศนา
สอนอุบาสก อุบาสิกา และพระภิกษุ ที่นั่งสงบนิ่งรับฟังอยู่บริเวณลานหิน
ใต้หมู่ไม้ เป็นเสียงจากเทปเสียงที่บันทึกไว้ยามท่านยังมีชีวิตอยู่
เสียงดังกังวาลผ่านทางเครื่องขยายเสียงไปทั่วบริเวณ
ดังชัดจนท่ามกลางความเงียบ แม้ในบริเวณนั้นจะกว้างขวางและมีผู้คน
อยู่มากมายหลายคนก็ตาม อยากนั่งฟังธรรมะของท่าน
แต่ไม่มีเวลาพอ ได้เพียงมาที่นี่ก็รู้สึกปีติแล้ว จึงออกจากบริเวณวัด
เดินทางต่อไป
จากวัดสวนโมกข์ พวกเราแวะซื้อสะตอ และของฝาก
แถว ๆ ร้านค้าริมทาง อ.หลังสวน ก่อนมุ่งตรงกลับเมืองสามอ่าว
ถึงเมืองสามอ่าว ก็ค่ำพอดี แวะหาซื้ออาหารไปนั่งกินที่สะพานสราญวิถี
ก่อนที่จะกลับถึงบ้าน
เป็นอันว่า จบทริปการเดินทางส่งท้ายร้อนนี้ ฝากความระลึกถึงมายัง
มิตรรักแฟนเพลงแห่งเมืองใต้ พ่อเขียน แม่ต้อย น้องสาว น้องชาย
ลุงวอญ่า พี่สาวแม่บ้านของลุงวอ น้องครูเสริม น้องครูหยิน
ยอดแห่งกัลยาณมิตร และหวังว่า จะมีโอกาส " ล่องแพ"
ปากพะยูน ทริปพิเศษด้วยกันในโอกาสต่อไปนะจ๊ะ โชคดี
และขอบคุณทุก ๆ คนอีกครั้งจ้าาา
ปากพะยูน ยินดีต้อนรับ เพื่อนพ้อง น้องพี่ ชาวโกทูโนว์
หวัดดีน้องครูหยิน สัญญาใจ...ต้องได้พบกันอีกจ้าา
หวัดดีจ้ะลุงวอ ชันชี....จ้ะ ชันชี...
ต้องได้พบกันอีกจ้าา...ยังค้างล่องแพอยู่นะ
เลยอดล่องแพเลยนะครับ
เสียดายมากๆๆ