ผมจะจดจำวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒ ไปอีกนานเท่านาน วันที่ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับโรงอาหารจนยับเยิน..จดจำไว้..แบบไม่ต้องต้องคับแค้นใจ ไม่มีเรื่องให้ต้องขุ่นเคือง แต่เป็นเหตุการณ์ที่จุดประกายให้อยากมุมานะทำงาน และก้าวต่อไป...ในท่ามกลางอุปสรรคและความขาดแคลน
เคยคิดแต่จะซ่อมบำรุงอาคารสถานที่ แต่งานนี้..ถือเป็นรายการแรก ที่ต้องสร้างโรงอาหารใหม่ หมดงบประมาณจากเงินอุดหนุนไป ๔๐,๐๐๐ บาท..เป็นค่าโครงเหล็กและหลังคา แล้วเสร็จทันเปิดภาคเรียนพอดี
เมื่อช่วงวิกฤติผ่านไป..ผมรู้สึกได้เลยว่า..โอกาสเปิดแล้ว สังเกตได้จากหัวใจของผม มีแรงผลักดันมากขึ้น และมองตัวเองออก ว่าต้องการอะไร..และจะเดินไปในทิศทางใด
เริ่มจาก..การรื้อส้วมที่ผุพังมาสิบกว่าปี สร้างเมื่อปี ๒๕๒๓ ด้วยงบประมาณของ อบจ. จากนั้นก็เทปูนทับ ทำเป็นห้องเรียนแบบเปิดโล่ง น่ามองกว่าเดิม และได้ใช้ประโยชน์อย่างมากมาย
ห้องส้วมนักเรียนที่มีอยู่อย่างพอเพียงแล้ว เทปูนบริเวณด้านหน้าให้กว้างขึ้น ปลูกต้นไม้รายล้อมและสร้างสิ่งแวดล้อมด้วยไม้ประดับ ให้ห้องส้วมสดใสใช้ได้อย่างสุขสันต์
เรือนเพาะชำขยับขยายให้เป็นโรงเห็ดนางฟ้าภูฐาน อาคารเก่าที่เป็นโกดังเก็บของ รื้อข้าวของออกจนหมด แล้วจัดระบบให้เป็นสัดส่วน เตรียมการกั้นห้องและปูกระเบื้อง...
ผมเริ่มมั่นใจในการทำงาน และคงเป็นผู้บริหารคนเดียว...ที่เดินไปบริเวณริมสระน้ำบ่อยที่สุด มิใช่ไปดูแปลงผักปลอดสารพิษ แต่ไปวางแผนทำแปลงนาสาธิต..แล้วก็ริเริ่มทำจนได้ ในต้นปีการศึกษา ๒๕๕๓ โดยความร่วมมือของ พี่กร่าง กรับทอง กรรมการฯและรปภ.โรงเรียน แบ่งปันต้นกล้าและเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน นำพานักเรียนชั้น ป. ๕ – ๖ ดำนากันอย่างสนุกสนาน..
เสร็จจากดำนา..ผมฝันต่อไป..อยากได้ศาลาริมสระน้ำสักหลัง..ไม่น่าเชื่อว่า...ฝันจะเป็นจริงได้..
เมื่อเด็กหญิงธัญสุดา เกิดบุญมี หรือ แตงโม..นักเรียนชั้น ป.๖ ที่ผมเป็นครูประจำชั้น ได้รับรางวัลชนะเลิศยอดเยี่ยมระดับชาติ ในโครงการประกวดเรียงความ ๓ D...ได้รับเงินรางวัล ๕๐,๐๐๐ บาท จาก สปช. โดยมี ฯพณฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบ ณ ห้างเซ็ลทรัลเวิร์ล..
ผมมอบเงินทั้งหมด ให้คุณทองทรัพย์ เกิดบุญมี กรรมการโรงเรียน ผู้ซึ่งเป็นคุณแม่ของแตงโม คุณทองทรัพย์ ได้บริจาคเงินรางวัลให้โรงเรียน ๒๐,๐๐๐ บาท...ผมนำเงินทั้งหมดไปสร้างศาลาท่าน้ำ ..เป็นที่ระลึกมาจนถึงทุกวันนี้...
ผมทำงานจนไม่มีเวลาสังเกตหรือประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครอง ว่าคิดอย่างไรกับผม เอาแค่นักเรียนเพิ่มขึ้น ผมก็พอใจแล้ว จากนักเรียน ๔๘ เพิ่มเป็น ๕๔ คน เริ่มมีคณะครูและผู้บริหารมาศึกษาดูงาน ผมไม่ต้องเป็นวิทยากรบรรยาย ใครอยากดูอะไรก็เดินชมกันตามสบาย..
“โรงเรียนเปลี่ยนไปมากเลยนะ..ชยันต์..ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะ..” เพื่อนผู้บริหารบอกผม
“ครับ..ขอบคุณครับ”
ผมขอบคุณในคำชื่นชมและห่วงใยผม แต่ผมกลับรู้สึกว่า โรงเรียนบ้านหนองผือ..ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เพียงแต่สิ่งแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ ถูกจัดวางให้ลงตัวและเป็นระบบมากขึ้น ก็เท่านั้นเอง..
ถ้าจะเรียกว่า..เป็นผลงาน..ที่ได้ลงมือทำอย่างจริงจัง ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ผมถนัดมาตั้งแต่ดั้งเดิม คืองานประพันธ์ที่ผมรัก..โดยเฉพาะการร้อยกรองบทเพลง ที่เฝ้าฝึกปรือมาโดยตลอด
จึงใช้จังหวะฝีมือนี้ เป็นเครื่องมือปลุกเร้าตนเองให้รักงาน ปลุกเร้าครู..ให้อยากปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน และปลุกเร้านักเรียน..ให้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน
ปีการศึกษา ๒๕๕๓..เพลงมาร์ชหนองผือ..ก็ดังกระหึ่มไปทั่วโรงเรียน...ด้วยเนื้อร้องดังนี้...
“...สถานศึกษาแห่งนี้ของเด็กน้อย ครูจึงคอยดูแลให้ทั่วถึง การเรียนรู้เร่งสัมฤทธิ์ติดตราตรึง เฝ้าคำนึงให้ก้าวหน้าวิชาการ...สัญลักษณ์น้ำเงินเหลืองเรื่องนิสัย สามัคคีมีวินัยและกล้าหาญ คุณธรรมนำความรู้บูรณาการ สืบสานการละเล่นเน้นความเป็นไทย...”
“...เราอ่านคล่องเขียนคล่องทั้งน้องพี่ หนองผือมีแหล่งเรียนรู้ดูสดใส เทคโนโลยีสื่อสารผ่านทางไกล พร้อมก้าวไกลให้ประจักษ์ทักษะวิชา สถานศึกษาเล็กเล็กเด็กหนองผือ เรายึกถือภารกิจการศึกษา ครูมีน้อยก็ไม่ยอมพร้อมพัฒนา คือคุณค่า...หนองผือ..ระบือนาม..”
สามวันต่อมา เพลงใหม่ในจังหวะสามช่า ก็ตามมาติดๆ ให้นักเรียนตระหนักและคุ้นชินในเนื้อหาและจังหวะเพลงโดยเร็ว..ชื่อเพลง..คุณธรรมหนองผือ
“...พวกเราโรงเรียนบ้านหนองผือ เรายึดถือปฏิบัติคุณธรรม แปดประการพื้นฐานมาน้อมนำ เกิดสุขล้ำกำลังใจใฝ่ทำดี ซื่อสัตย์ กตัญญู ต้องรู้ก่อน อย่าแง่งอนต้องสุภาพและสามัคคี ต้องมีน้ำใจวินัยเน้นเป็นศักดิ์ศรี เพิ่มคุณค่าให้ชีวีมิเสื่อมคลาย พวกเราโรงเรียนบ้านหนองผือ ความสะอาดต้องเลื่องลือไม่สูญหาย ประหยัดช่วยด้วยพอเพียงหล่อเลี้ยงกาย..คือเป้าหมายปฏิบัติธรรม..แปดประการ..”
ถือเป็นผลงานเพลงชุดแรกที่ผมภาภภูมิใจในโรงเรียนขนาดเล็ก ขับร้องคราใด ใจฮึกหิมดีจริงๆ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
ก้าวต่อก้าว ทีละก้าว ยาวหรือสั้น
เพียงมุ่งมั่นฝันอย่างไร...ไปให้ถึง
จะเร็วช้าอย่าได้ไปคำนึง
สักวันหนึ่ง...ก็จะถึง ซึ่ง...เส้นชัย