นับแต่ภาครัฐกระจายอำนาจมาสู่มหาวิทยาลัย...
โดยมหาวิทยาลัยมีฐานะเป็นนิติบุคคล...มีปัญหามากมาย
เกิดขึ้นในกระบวนการบริหารจัดการ...มีมากมายหลายสาเหตุ
ในฐานะที่ทำงานด้านบุคคล...ฉันทราบดี แต่พยายามหาทาง
หรือหนทางในการแก้ไข...โดยเฉพาะงานด้านบุคคลซึ่งมีเรื่อง
เกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ก.พ.อ. เข้ามา
เกี่ยวข้องให้ฉันได้ต้องปฏิบัติตาม...ฉันได้พยายามศึกษาหา
ความรู้เพิ่มเติมในการจัดการด้านการบริหารงานบุคคลให้มีระบบ
มากยิ่งขึ้น...สุดท้าย ฉันก็สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
ของตัวฉันเองได้ปฏิบัติมาในอดีตจากที่เคยทำงานด้านบุคคล
มาเกือบ ๒๗ ปี...แม้จะเป็นงานที่ทำที่ประถมศึกษา...แต่หากทำ
ในส่วนราชการสามารถนำมาบูรณาการกันได้กับในมหาวิทยาลัย
ฉันทราบว่า...การที่จะประเมินค่างานได้นั้น จะต้องมาจากการกำหนด
กรอบโครงสร้างอัตรากำลังก่อน...ซึ่งกรอบโครงสร้างอัตรากำลัง
ต้องมาจากกฎกระทรวงและประกาศกระทรวงตลอดจนประกาศจาก
สภามหาวิทยาลัย...นำมาทำกรอบอัตรากำลังของมหาวิทยาลัย...
ในกรอบอัตรากำลังของมหาวิทยาลัย...มีการวิเคราะห์อัตรากำลัง...
จะระบุตำแหน่งและอัตราของบุคลากรซึ่งรวมทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุนวิชาการ
ว่าภายในมหาวิทยาลัยนั้นจะมีได้จำนวนกี่อัตรา...และแจกแจง
ออกเป็นหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย...จนเป็นภาพรวมของ
มหาวิทยาลัย...สิ่งที่สำคัญที่ต้องทำควบคู่กับกรอบอัตรากำลัง นั่นคือ
การกำหนดตำแหน่งของแต่ละตำแหน่ง หากเป็นสายวิชาการจะไม่ค่อย
มีปัญหามากนัก...เพราะการกำหนดตำแหน่งเป็นไปตามมาตรฐาน
กำหนดตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตามประกาศ ก.พ.อ. กำหนดมาแล้วจะมี
ตำแหน่งอาจารย์,ผู้ช่วยศาสตราจารย์,รองศาสตราจารย์,ศาสตราจารย์
ซึ่งประเภทนี้จะระบุด้วยคาบหรือชั่วโมงการสอนเป็นภาระงาน...
สำหรับสายสนับสนุนวิชาการจะค่อนยากนิดหนึ่ง เพราะจะต้องนำ
มาตรฐานกำหนดตำแหน่งจากประกาศ ก.พ.อ. มาวิเคราะห์ในแต่ละ
รายตำแหน่งซึ่งแต่ละตำแหน่งก็มีชื่อตำแหน่งมากมายเป็นร้อย ๆ ตำแหน่ง
แล้วแต่ภาระหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ...จะต้องมี Job ของแต่ละตำแหน่ง
ให้ชัดเจน...และต้องมีการบรรยายลักษณะงานภายในตำแหน่งนั้น ๆ
มีการกำหนดความรู้ ความสามารถ ทักษะและสมรรถนะสำหรับตำแหน่ง
ที่มหาวิทยาลัยต้องการ เพื่อจัดทำเป็นภาระงานที่ชัดเจน เพราะจะเกี่ยว
เนื่องกับการจัดทำการประเมินผลการปฏิบัติงานและการจัดทำตัวชี้วัด
ที่มหาวิทยาลัยสามารถวัดได้อย่างชัดเจน...การกำหนดตำแหน่ง
ต้องสามารถระบุจำนวนความจำเป็นว่า...ต้องการตำแหน่งระดับปฏิบัติการ,
ชำนาญการ,ชำนาญการพิเศษ,เชี่ยวชาญ,เชี่ยวชาญพิเศษ กี่ตำแหน่ง
เมื่อกำหนดได้แล้ว จึงนำมากำหนดการประเมินค่างานเพื่อให้มหาวิทยาลัย
ซึ่งจะเป็นหัวหน้าหน่วยงานตามคณะ สำนัก กอง ร่วมกันกำหนดและ
ประเมินค่างานซึ่งไม่ใช่การประเมินตัวบุคคล...โดยให้คำนึงถึงภาระงาน
เป็นหลัก ประเมินค่างานเพื่อให้กับมหาวิทยาลัย มิใช่เป็นการประเมินค่างาน
ให้กับบุคคลที่ทำงาน...เมื่อประเมินค่างานเสร็จก็จะมีการประเมินตัวบุคคล
เข้าสู่ตำแหน่งนั้น ๆ หากมีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐานการกำหนด
ตำแหน่งเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น...
...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๑๗ กันยายน ๒๕๕๘
อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้น ขอบคุณนะคะ
อ่านแล้วเข้าใจ ขอบคุณมากค่ะ