"เดียวดาย ให้ได้ธรรม"


๑) สังคมกลุ่ม "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม"

(อริสโตเติล) นักปรัชญา ว่าไว้ ในอดีต

ว่าชีวิต ผู้คน ระคนสัตว์

มีสังคม สมสู่ อยู่เป็นรัฐ

เพื่อฝึกหัด พัฒนา ปัญญาญาณ

มารวมร้อย รอยทาง สร้างวิถี

สร้างมนตรี มีประมุข ปลูกรัฐฐาน

เป็นสัตว์ป่า มาอยู่เมือง รุ่งเรืองพันธุ์

เป็นสัตว์บ้าน เล่นการเมือง จนเลื่องลือ

สังคมโลก ก็พกกรอบ ตอบสนอง

ตามครรลอง ของชน ที่ทนถือ

เป็นมนุษย์ มีสูตรสร้าง อย่างกระบือ

ช่วยกันฮือ รุกไล่ ฝ่ายอธรรม

เป็นสัตว์สร้าง สังคม บ่มเหตุผล

ให้กลุ่มชน คนทั้งผอง เรียกร้องถาม

ตอบสนอง ตามร้องขอ แต่พองาม

ไม่เกินกล้ำ ล้ำสิทธิ์ ไปผิดใคร


๒) กลัวเดียวดาย (ในสังคม)

เมื่อมารวม ร่วมสร้าง ตั้งเป็นรัฐ

มีกฎบัตร จัดระบบ สงบได้

มีคณะ กลุ่มก้อน จรนำไป

ใครแหกค่าย ทำลายกฎ มีบทปราม

เมื่อเผ่าพันธุ์ หลานลูก ปลูกเป็นกลุ่ม

เกิดเป็นชุม กลุ่มหมู่บ้าน พันธุ์สยาม

เป็นญาติเชื้อ เยื่อใย ได้ติดตาม

ดูงดงาม ตามฐานะ วัฒนธรรม

แต่ส่วนลึก เบื้องล่าง ดูร้างราก

เหมือนไร้หลัก ผักไร้หัว จึงกล้วขาม

อยู่ในกลุ่ม ชุมชน จนล้นคาม

แต่หลุมดำ ถ้ำจิต คิดเดียวดาย

ไม่เคยอยู่ ผู้เดียว จึงเหี่ยวห่อ

เคยถูกทอ ยอยก ปกป้องไว้

จนเป็นเหตุ เดชดัน ผันกลับกลาย

เกิดเดียวดาย ใจอ้างว้าง จนห่างตน


๓) ใจหวั่นไว (ด่วน เร็ว)

เมื่อฐานใจ ไม่มั่นคง ในดงกลุ่ม

จึงถูกอุ้ม ถูกโอ๋ โป๊เปลือยโกร๋น

หญิงโอ้อวด ทรวดทรง ชงตาคน

ชายก็พ่น ผลกำลัง หวังสนใจ

เด็กก็ติด พิษสื่อ มือถือเน็ต

กลายเป็นเหตุ เพศวิวาท ขาดวิสัย

ทั้งรักร้าย รักร้าง อำพรางใจ

ไม่รู้ใคร ใจจริง สุงสิงกัน

เมื่ออยู่เยอะ เจอภัย ตีพ่ายแพ้

ช่วยกันแก้ แปรภัย ให้พ้นผ่าน

สามัคคี มีพลัง สร้างหลักการ

เป็นพื้นฐาน ให้มั่นคง ในดงชน

แต่จิตใจ ไหวหวั่น ในวันว่าง

จิตเหินห่าง ร่างใจ ให้สับสน

อยู่คนเดียว เหี่ยวห้อย ไม่ค่อยทน

มักร่องหน ค้นคว้า จนมัวเมา

อันที่จริง หญิงชาย ทั้งหลายแหล่

มีจิตแม่ ตนเดียว ไม่เหี่ยวเฉา

มีรากฐาน การมาเกิด กำเนิดดาว

มีเพียงเจ้า ดาวเดียว ไม่เกี่ยวใคร

จงพินิจ ในจิตตน ให้พ้นกรอบ

ตามระบอบ กรอบวัฏฏะ อสงไขย์

เราคนเดียว เที่ยวท่อง ครรลองใจ

แล้วทำไม ใจห่อเหี่ยว ว่าเดียวดาย


๔) อยู่กับตน ได้ผลธรรม

เมื่อมืดมน ตามกลไก เยื่อใยจิต

ถูกเพศพิษ ติดโลกธรรม ครอบงำไว้

หลงความงาม ธรรมชาติ บำบัดใจ

หลงอาลัย ในทรัพย์สิน จนสิ้นลม

เมื่อจิตยึด จนมืดมน เป็นกลหลอก

จิตจึงงอก เนื้อใน เป็นข่ายถม

ตากระตุ้น หนุนตัก ให้รักชม

จึงจ่อมจม ชมโลก กอดกกกุม

มีนัยหนึ่ง ที่ทึ้งตน จนจิตจอด

ที่พร่ำพรอด กอดตน จนจิตชุ่ม

หลงกกกอด ยอดสุข สนุกกุม

ไม่ควบคุม ให้รุมเร้า อบอ้าวเอง

นัยที่สอง ประคองคูถ มาดูดดื่ม

จนหลงลืม ว่าโลกร้าย กลายเป็นเจ๋ง

โลกกัดจิต เกิดพิษภัย ใจตนเอง

ไม่พิจเพ่ง เล็งเห็นโทษ ประโยชน์มัน

สังคมคน ไม่สนใจ ในสายจิต

จึงเกิดพิษ ในจิตตน ให้ผลผลาญ

อยู่กับตัว ดั่งผัวเมีย ไม่เสียพันธุ์

ไม่มีลูก ไม่มีหลาน บ้านมั่นคง

แม้จะอยู่ ในหมู่ไหน ในแผ่นโลก

ถึงจะตก นรกภัย ไหม้เป็นผง

แม้จะสุข สนุกสุด เป็นทูตปลง

ไม่ลุ่มหลง ในดงโลก โลกัตตา

-----------------๑๗/๙/๕๘---------------------

คำสำคัญ (Tags): #โลก อัตตา ใจ
หมายเลขบันทึก: 594964เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2015 08:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กันยายน 2015 08:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านแล้วได้คิดเลยค่ะ ขอบคุณค่ะที่แบ่งปัน

ฝากติดตามด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ วันนี้มีข้อมูล สนับสนุนทุนวิจัยมาฝากค่ะ https://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/594...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท