เมื่อวันที่
๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘ สภามหาวิทยาลัยมหิดล เชิญ อ.
เสถียร ทองสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีอุบลราชธานี
มาเล่าเรื่อง “ปฏิรูปการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ : เกษตรอินทรีย์เพื่อความยั่งยืน”
ผมได้ประจักษณ์ว่าคนรากหญ้าของไทยได้ค้นพบวิธีดำรงชีพที่ดี
จากการทำการเกษตรในพื้นที่ขนาดเล็ก
โดยมีตัวอย่างผลสำเร็จจาก
โครงการ ๑ ไร่ ๑ แสน ที่มีรายละเอียดในหนังสือ
สรรพสิ่ง มรดกมนุษยชาติ และหนังสือ
คู่มือทำนา ๑ ไร่ได้เงิน ๑ แสนบาท ด้วยเทคโนโลยีสรรพสิ่ง อะตอมมิคนาโน เสียดายที่หนังสือทั้งสองเล่มนี้ไม่ได้เอาขึ้นให้อ่านหรือดาวน์โหลดได้ในเว็บ
สิ่งที่ผมประทับใจมากคือ
เครือข่ายนี้ได้สั่งสมความรู้ปฏิบัติเยี่ยมไว้มากมาย ทั้งวิธีคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยน้ำเกลือ วิธีหมักเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ได้กล้าต้นข้าวที่แข็งแรง ที่ช่วยให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ลงจาก ๑๕ ก.ก. ต่อไร่ เหลือเพียง ๒
ขีดครึ่งต่อไร่
รวมทั้งมีวิธีแบ่งพื้นที่ ๑.๖๐๐
ตารางเมตรออกเป็นสี่ส่วน ในสัดส่วน 30:30:30:10 วิธีเตรียมแปลงนา
วิธีเตรียมดินในนา วิธีย่อยสลายฟางข้าว
ซากวัชชพืช และเมล็ดหญ้ด้วยสรรพิ่งน้ำอะตอมมิคนาโน รวมทั้งวิธีขายผลผลิตแบบ add value คือขายเป็นข้าวฮาง ได้กิโลกรัมละ ๘๐ บาท
เขาบอกว่าบทความที่ผมได้รับแจกมีอยู่ในนิตยสารรักษ์เกษตร
วิธีการน่าทึ่งมากครับ และรายรับหักรายรายจ่ายแล้วเหลือเกิน ๑ แสนบาทต่อ
๑ ไร่
วิจารณ์ พานิช
๒๐ ส.ค. ๕๘
เกษตรกร พัฒนาตนเองจนสะสมประสบการณ์ดีๆ ที่เป็น best practice บันทึกเป็นเอกสารไว้เผยแพร่ ถ่ายทอดแก่ผู้สนใจ เขาทำเพื่อตนเอง อาชีพ และเผ่าพันธุ์ของตน มีคุณค่าน่าเสื่อมใสมากค่ะ
ถึงเวลาที่บรรดาข้าราชการหลายกลุ่ม จะจัดทัวร์ศึกษาดูงานเพื่อศึกษาแนวคิดจากเกษตรกร แล้วมังคะ