เกษียณ : ดี หรือ ไม่ดี


ชีวิต: ความจริง อุปาทาน และมายา.........

****************************

วันพรุ่งนี้ 7 สค 58 ผมได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเกษียณของข้าราชการ ที่เคยร่วมงานกันมา 2 ท่าน

ระบบความคิด ก็เลยติด และวนเวียนอยู่กับความคิดเรื่องนี้ ทั้งเรื่องการเตรียมตัว และเตรียมคำพูดที่อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังจะเกษียณ

ในปีผ่านๆมา ผมก็ได้กล่าวแสดง "มุทิตาจิต" แสดงความยินดี กับการกลับมาสู่ชีวิตจริงๆ หลังจากไปอยู่ในระบบการ "ทำงาน" ให้กับสังคม และเพื่อผู้อื่น

ที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าใครจะเข้าใจระบบคิดแบบนี้ สักกี่ท่าน

เพราะดูๆไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังแสดงความ "อยาก" อย่างแรงกล้า ที่จะถาโถมตัวเองเข้าไปสู่ ระบบการทำงาน "เพื่อคนอื่น" มากกว่า การทำงาน "เพื่อตนเอง" และครอบครัว

บางท่าน ถึงกับยอมเสียสละความสุข และสภาพความเป็นครอบครัว และชีวิตที่ดีของตนเอง เพื่ออุทิศให้กับการทำงานแบบนี้

ที่ผมก็เคย "หลงทาง" มาแล้วระดับหนึ่ง

แต่ด้วยความที่ผมพยายามเรียนรู้ ธรรมะ และ ธรรมชาติ อยู่บ่อยๆ ผมจึงยังหลงไปไม่ไกล และมี "สติ" ดึงตัวเอง กลับมาได้ เร็วหน่อย มีโอกาสทบทวนตัวเอง และทำให้ หลงไปไม่ไกล และรีบกลับมาอยู่กับ "ความเป็นจริง" ให้เร็ว และมากที่สุด และเสียเวลาไปกับ "อุปาทาน" และ มายา (และอื่นๆ....) น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ในวิสัยของปุถุชน (ที่แปลว่า...ผู้หนาไปด้วยกิเลส)

ฉะนั้น ในโอกาสของการเกษียณอายุ จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง เพราะเป็นช่วงที่ชีวิตมีอิสระสูงสุด ในแทบทุกด้าน

เพราะพันธะเก่า ก็หมดไป พันธะใหม่ๆ ก็ยังไม่มา

จะคิด จะทำอะไร ก็มีอิสระสูงสุดจริงๆ สำหรับคนที่อุทิศชีวิตทั้งชีวิต ให้กับการทำงานแบบนี้

และหลังจากนี้อีกสักระยะหนึ่ง เราก็จะเริ่มมีพันธะใหม่เข้ามาอย่างแน่นอน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เรามีอิสรภาพที่ค่อยๆลดลงๆๆๆๆๆๆ จนอาจจะไปติดอยู่กับมัน เหมือนที่เคยเป็นมา 30-40 ปี ที่แล้ว

แต่คนที่มีอุปาทาน จะยังไม่คิดแบบนี้ และมองสถานการณ์นี้ไม่ออก และยังอาจจะจะหลงไปกับ "มายา" และ "มายาคติ" ทางโลก ที่พรางตา พรางความคิด อยู่มากน้อย หนาบางต่างๆกัน

ทำให้มี “มายาคติ” หลงคิดว่า การเกษียณอายุราชการ คือสิ้นสุดอายุ หรือ ชีวิตของการทำงาน

ทั้งๆที่.....มันเป็นแค่การเปลี่ยนถ่ายระบบชีวิต จากระบบที่ทำงานให้สังคมและผู้อื่นมากๆ ทำให้ตัวเองน้อยๆ มาเป็น โอกาสในการ....ทำงานจริงๆ และมีโอกาสทำให้กับตัวเองและครอบครัวมากๆ และทำเพื่อสังคมอย่างไร้ความชัดเจน น้อยลง เท่านั้นเอง

ถ้าคิดได้ดังนี้ ก็จะเข้าใจ ปรับตัว และวางตัวได้อย่างเรียบร้อย ไม่สับสน ไม่อึดอัด ไม่รู้สึกโหวงเหวง และใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่องไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่ต่างจากการเป็นคนขับรถของคนอื่น มานานๆ เป็นแค่คนขับรถ ไม่ต้องรับผิดชอบมาก เสียก็มีคนซ่อมให้ ไปไหนก็แล้วแต่เจ้าของรถจะบอก เราอาจจะแสดงความเห็นได้บ้าง ค่าใช้จ่าย ค่าน้ำมัน ใดๆ ก็ไม่ต้องออก

แล้ววันหนึ่ง เราก็มีโอกาสมาขับรถของเราเอง

ที่เราก็ขับรถ เดินทางต่อไป ตามเส้นทางของเราเอง เพื่อตัวเอง ด้วยรถของเราเอง ต้องดูแลเอง ซ่อมเอง เท่านั้นเอง

แล้วเราจะไปไหน ก็เรื่องของเราละคราวนี้

อิสระกว่ากันเป็นไหนๆ

ผมดำเนินชีวิตมาแบบนี้ ตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุราชการ มาถึงตอนเกษียณ ผมก็ดำเนินต่อไป แบบแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เพราะ ผมใช้ระบบ "ขับรถตัวเอง" ในระบบราชการ มานาน โดยแทบไม่ขับรถราชการเลย

นี่คืออุปมาของระบบคิด และระบบทำงานของผม ที่ผมใช้มาเกือบตลอดชีวิตในระบบราชการ และระบบชีวิตของผม

ผมจึงเกษียณแบบ แทบ "ไม่มีรอย ตะเข็บ" หรือรอยต่อของชีวิต ในสไตล์ของผม ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ผมเห็น ที่พยายาม "ยื้อ" ชีวิต "ข้า" ราชการ ต่อไปเรื่อย โดยการวางแผนให้มีคนเชิญไปทำงาน ต่ออายุราชการ เชิญไปเป็นที่ปรึกษา ในระบบ "ทำงานให้ผู้อื่น" แบบเดิมๆ ต่อๆๆๆ ไป เรื่อยๆ แบบไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงที่ให้เวลากับตัวเอง

แทนที่จะมุ่งเน้น การทำงานเพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว และ สังคมตามลำดับ

การทำงานเพื่อตนเอง ขั้นสูงสุด คือ การพัฒนาจิต และคุณภาพชีวิต ที่จะเป็นแกนหลักให้ ชีวิตเราดี มีคุณค่า สมกับที่เกิดเป็นคนมาแล้วครั้งหนึ่ง (อย่างยากเย็น)

มิใช่เกิดมาแล้ว มีแต่ทำให้คนอื่น แบบไม่มีใครได้อะไร ตัวเองก็ไม่ได้ ครอบครัวก็ไม่ได้ สังคมก็แทบไม่ได้ ที่ได้ก็มีแต่ "ขยะ" กับ กุศล เล็กๆน้อยๆเท่านั้น

หันกลับมาทำกุศลที่ดีๆ ที่จำเป็น สำคัญ และยิ่งใหญ่กว่า น่าจะดีกว่ากันเยอะเลย

ด้วยการพัฒนาตนเอง พัฒนาจิต เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยลำดับ ดีกว่าครับ

แล้วทุกๆคน และสังคม โดยรอบก็จะได้รับส่วนกุศลอันยิ่งใหญ่กว่า นั้นๆ โดยอัตโนมัติ อย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่เชื่อก็ลองดูก็ได้

ผมเชื่อ และทำมาอย่างนี้ตลอดชีวิต จนถึงวันนี้ แม้จะยังไปได้ไม่ไกล แต่ผมก็เชื่อว่า ผมอยู่บนถนน ของการสร้างกุศล และกำลังเดินทางอยู่ต่อไป มิได้จมปลัก จมโคลน อยู่กับระบบ อุปาทาน มายา และ มายาคติ มากจนเกินไป

แม้จะมีก็จะพยายามสลัดออกมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ครับ

ผมคิด เชื่อ และทำอย่างนี้มาตลอดชีวิตของผม จึงทำให้ผมมีลักษณะนิสัย ความคิด ระบบคิด และผลของการกระทำเป็นอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ครับ

หมายเลขบันทึก: 593184เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2015 08:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 สิงหาคม 2015 09:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชื่นชมความคิดของอาจารย์เสมอมา

แม้กระทั่งบันทึกนี้

..

ยิ้มอย่างมีความสุขครับ

..

ปล.ขอให้รถที่อาจารย์ขับ เป็นรถที่มีความพร้อมในทุก ๆ มิติความคิดของอาจารย์เลยนะครับ

ด้วยความเคารพและระลึกถึง

-สวัสดีครับ

-ชอบประโยคสั้น ๆ ที่อธิบายได้ครับ"ตลอดชีวิตในระบบราชการ และระบบชีวิตของผม

ผมจึงเกษียณแบบ แทบ "ไม่มีรอย ตะเข็บ" หรือรอยต่อของชีวิต"

-ขอบบทความดี ๆ นี้ครับ

ครับชีวิตวัยหลัง 60 เป็นชีวิตที่ต้องให้รางวัลแก่ร่างกายตนเองเราใช้ร่างกายเรามามาแล้วเราให้คนอื่นแต่บางครั้งเราหลงลืมการให้ตัวเราเองขอบคุณสำหรับคติธรรมที่ดีครับ

ชอบคำนี้ เจ้าค่ะ ขยะกับกุศล เล็กๆน้อย เหล่านี้..

มีมีแมลงและดอกไม้มาฝาก เจ้าค่ะ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท