ผมไปสุรินทร์ระหว่างวันที่ ๕ - ๖ เมษายน ๒๕๕๘ ในโครงการพัฒนานักถักทอชุมชน เพื่อการพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่น โดยประชุมและนอนค้างคืนที่โรงแรมสุรินทร์มาเจสติก
เย็นวันที่ ๕ เมษายน หลังจากจบการประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น. สาวๆ ก็ชวนกันไปเยี่ยมชมกิจการทอผ้าไหมที่บ้านท่าสว่างซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงประมาณ ๑๐ ก.ม. โดยทีมงานที่สุรินทร์นัดกับโรงงานจันทรโสมา เพื่อไปเข้าชมการทอผ้าไหมแบบโบราณ ด้วยตะกอจำนวนกว่าร้อยตะกอ และต้องใช้บ้านสองชั้นเจาะช่องให้ตะกอลึกลงไปจากชั้นที่คนทอนั่ง มีผู้ช่วย ๓ คน คนทอ ๑ คน ผู้ช่วยคนหนึ่งอยู่ที่ชั้นล่าง ใช้เส้นไหมที่เล็กละเอียดและเบามาก วันหนึ่งทอได้เพียง ๓ - ๔ ซ.ม. กว่าจะได้หนึ่งผืนก็ใช้เวลา ๓ เดือน แน่ละราคาผ้าไหมที่ทอแบบนี้ราคาอยู่ที่ ๑ - ๒ แสนบาท และต้องจอง โดยคิวยาวประมาณ ๓ ปี
พวกเรารอไม่ไหว จึงยกขบวนกันไปซื้อที่ร้านขายของชาวบ้านหน้าโรงงานนั่นเอง ผมได้มาฝากสาวน้อยหนึ่งผืน ด้วยแรงเชียร์ของคุณใหญ่ ราคาเพียง ๒,๔๐๐ บาท และสาวน้อยบอกว่าสวยมาก แถมเธอยังทวนความหลังว่า เธอซื้อมาหลายผืน ตอนตามเสด็จสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ที่ผมบันทึกไว้ ที่นี่ เธอบอกว่าตอนนั้นซื้อผืนละ ๘ พัน และสวยมาก แปลกมากที่ผมจำ ไม่ได้เลย ยังดีที่บันทึกไว้คร่าวๆ และมีรูป ซึ่งเมื่อเอามาดูเทียบกันแล้ว คราวนั้น (กว่า ๗ ปีมาแล้ว) เราไปดูที่เดียวกัน
เช้าวันที่ ๖ เมษายน ผมออกไปเดินออกกำลัง พบว่าอุณหภูมิเย็นสบาย หน้าโรงแรมเป็นถนนสนิทนิคมรัฐ มีห้องแถวไม้สองชั้นแบบโบราณ ที่หาดูยากแล้ว ผมเดินไปพบแถวเณรมาบิณฑบาต นำโดยหลวงพ่อ สะท้อนว่าที่นี่ยังนิยม ให้บุตรหลานบวชเณรตอนโรงเรียนปิดเทอม หากที่วัดมีวิธีอบรมแบบค่ายอบรมเยาวชนของสถาบันยุวโพธิชน ก็น่าจะดี
ผมเดินวกกลับมาผ่านหน้าศูนย์การค้าชื่อ "ช้าง" ที่กำลังก่อสร้าง เดินไปทางถนนจิตรบำรุง ถนนมิตรอารีย์ ไปเดินรอบสวนสาธารณะเล็กๆ ริมทางรถไฟ และไปเดินบริเวณโรงแรม ที่มีสถานีขนส่งอยู่ติดกัน
วิจารณ์ พานิช
๘ เม.ย. ๕๘
ผ้าไหมสุรินทร์สวยมากครับ เคยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมามากมายเลยครับ