nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

หนัง ​Searching for Bobby Fisher_เด็กชายจอชผู้เปี่ยมพรสวรรค์ด้านหมากรุก


หนัง Searching for Bobby Fisher สร้างจากเรื่องจริงของเด็กชายจอช โจชัว เวสกิ้น (Joshua Waitzkin) ผู้มีพรสวรรค์ (Gifted Child) ด้านหมากรุก

หนังเล่าเรื่องจอชคู่ขนานกับเรื่องราวของเจ้าตำนานหมากรุกชาวอเมริกัน Bobby Fisher ที่เป็นไอดอลของผู้หลงใหลเกมหมากรุกทั่วโลก

จอช (Max Pomeranc) เด็กชายวัย ๗ ขวบ ลูกชายของนักข่าวกีฬาที่แม่ บอนนี่ (Joan Allen) ค้นพบพรสวรรค์อันน่าทึ่งเมื่อเธอจูงลูกชายกลับจากโรงเรียนแล้วจอชขอแวะดวลเกมหมากรุกในสวนสาธารณะวอชิงตัน ที่นั่นเหล่าเซียนข้างถนนมารวมตัวเพื่อเอาชนะกันในเกม จอชปราบเหล่าเซียนผู้ใหญ่ง่ายดาย ใครๆ ตั้งฉายาเขาว่า "บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์น้อย" ด้วยสไตล์การเล่นที่รุกไว ใจกล้า

เฟรด (Joe Mantegna) ผู้เป็นพ่อพาจอชไปฝากฝัง "ครูบรู๊ซ" (Ben Kingsley) เซียนฝีมือระดับครูให้สอนเกมขั้นเทพให้เพื่อไต่บันไดฝันสู่แชมป์ประเทศ จอชถูกฝึกหนักและกวาดรางวัลมากมายกระทั่งไต่ฝันไปถึงเกมใหญ่ระดับประเทศ อย่างไรก็ตามเด็กก็ยังคือเด็ก จอชไม่สามารถทนแบกรับความหวังของทั้งครูและพ่อจึงนำไปสู่ความเครียดจนไม่อยากเล่นอีกต่อไป เด็กๆ คู่แข่งต่าง "กลัว" เมื่อต้องเผชิญจอชบนกระดาน

ฉากการแข่งขันหนหนึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่สั่นคลอน เมื่อจอชแข่งขันระดับประถม ภาพใกล้ที่ใบหน้าและแววตาหวาดหวั่นไร้ความมั่นใจของเด็กชายคู่แข่ง จอชออมมือให้เด็กชายคนนั้นชนะ พ่อโมโหเป็นไฟระเบิดคำถามใส่ลูกว่า ทำไมจึงแพ้?? จอชไม่ตอบแต่แววตานั้นเศร้าจับใจ คำถามซื่อๆ ของจอชคือ "ทำไมพ่อถึงอยู่ห่างผมมากนัก" ดึงสติพ่อกลับมากอดลูกชายไว้แนบอก

จอช เป็นเด็กที่มีจิตใจงดงาม เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ครูบรู๊ซพร่ำสอนว่า เจ้าจะต้อง "ดูถูก" คู่แข่งขันว่า "ต่ำต้อย ไร้ความสามารถ" เป็นกลยุทธเพื่อสร้างความฮึกเหิมในเกมที่ต้องเอาชนะ จอชตอบซื่อๆ ว่า "ผมทำไม่ได้" เขาค่อยๆ ขาดความมั่นใจและเศร้าสร้อย

เมื่อจะไปสู่เวทีใหญ่ ความกดดันมากขึ้น เขาต้องย้ายโรงเรียน ถูกห้ามไปเล่นกับเหล่าเซียนในสวนสาธารณะ จนวันหนึ่งจอชเมินเฉยไม่ยอมเล่น ครูบรู๊ชผู้เคร่งครัดโมโห ระเบิดอารมณ์ใส่จนแม่ผู้เข้าใจลูกเข้ามาเชิญบรู๊ซออกไปจากบ้าน

แม่พาจอชกลับไปที่สวนสาธารณะฝากฝังลูกชายให้กับ วินนี่ (Laurence Fishburne) เซียนข้างถนน ที่นี่จอชเล่นหมากรุกอย่างมีความสุขและผ่อนคลาย ด้วยเกมในสไตล์ที่ครูบรู๊ชหมิ่นแคลน


ฉากท้ายๆ เมื่อจอชสู่เวทีระดับประเทศ เขานำเกมบุ่มบ่ามแบบเซียนข้างถนนมาเล่น และ การคิดสุขุมหลายชั้นของครูบรู๊ซมาผนวกเป็นเกมของตัวเองเพื่อเอาชนะคู่ชิงที่เป็นเด็กชายหน้าตาเอาจริงเอาจังเกินวัย

ฉากไคลแมกซ์อันน่าประทับใจสะท้อนจิตใจงดงาม เมื่อจอชอ่านเกมขาดว่าเขาจะเดินไปสู่ชัยชนะในไม่กี่ตาข้างหน้า เขายื่นมือไปยังคู่ชิงเพื่อเสนอครองแชมป์ร่วมกันแต่เด็กชายคนนั้นปฏิเสธเพราะอ่านเกมไม่ออกว่าเขากำลังจะพ่ายแพ้.

ดูหนังจนจบเรื่อง ชอบฉากสุดท้ายที่สุด จอชกับแม็กเพื่อนสนิทที่ถูกพ่อเคี่ยวหนักแบบไม่ผ่อนปรนให้เล่นหมากรุก ภาพไกลที่เด็กชายตัวน้อยสองคนเดินจูงมือคุยกัน จอชบอกเพื่อนว่าเขาจะบอก "ความลับ" อย่างหนึ่ง "แม็ก นายฝีมือเยี่ยมที่สุด รู้ปล่าว"

หนังให้ข้อคิดหลายประการแก่คนดู ตั้งแต่ ความคาดหวังจนเกินงามของพ่อแม่ที่ผลักใสลูกออกสู่การแข่งขันนำไปสู่ความเครียดของเด็กๆ อย่างน่าสงสาร กับ วิธีคิดที่ฮึกเหิมจนเกินงามเพื่อการเอาชนะคู่ต่อสู้ และบอกเราว่า ตึงเกินไปหย่อนเกินไปก็ไม่ชนะ ความพอดีเท่านั้นที่ชนะขาด

สังคมจริงนอกจอ เป็นแบบในหนังนั่นแหละ.

จันทร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๘

……………………..

บันทึกเพิ่มเติม

เกี่ยวกับหนัง

สร้างในปี ๑๙๙๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖) จากหนังสือ ชื่อเดียวกัน ผลงานเขียนของ Fred Waitzkin พ่อของจอช ผลงานกำกับของ Steven Zaillian นำแสดงโดย Max Pomeranc , Joe Mantegna , Joan Allen, Ben Kingsley, และ Laurence Fishburne ดาราแม่เหล็กทั้งนั้น...

ปกหนังสือ ภาพจอชวัยเด็ก และ ขวามือจอชวัยหนุ่ม (หล่อมากกก...)

เกี่ยวกับ Joshua Waitzkin

จอช เกิดเมื่อ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ในวัยเด็กเขาเป็นอัจฉริยะในเกมหมากรุก เป็นแชมป์เยาวชน (U.S. Junior Chess Championship) ปี ๒๕๓๖ และ ๒๕๓๗ เป็นเด็กหนึ่งเดียวที่ครองแชมป์ทุกรายการที่จัดแข่งขันระดับประเทศ ได้แก่ แชมป์ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย , U.S. Cadet และ U.S Junior Closed Chess Championship

จอชเข้าแข่งขันและชนะระดับ Master เมื่ออายุเพียง ๑๐ ขวบ

เมื่ออายุ ๑๑ ปี จอช กับเด็กอีกคนชื่อ K.K. Karanja เป็นเด็ก ๒ ใน ๕๙ คนที่เล่นหมากรุกเสมอกับ Garry Kasparov แชมป์โลกหมากรุกสากล

อายุ ๑๓ ปี จอชรับตำแหน่ง National Master และ International Master เมื่ออายุ ๑๖

จอชเขียนหนังสือ ๒ เล่ม คือ Attacking Chess : Aggressive Strategies , Inside Moves from the U.S. Junior Chess Champion (1995) และ The Art of Learning : An Inner Journey to Optimal Performance (2008)

เขาออกแบบการสอนหมากรุกสากลผ่านโปรแกรมชื่อ ChessMaster

ที่มา: http://en.wikipedia.org/wiki/Joshua_Waitzkin

……………..

เกี่ยวกับบ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ (Bobby Fisher)

บันทึกนี้จบไม่ได้ ถ้าไม่เล่าถึง ชีวิตรันทดของบุรุษผู้นี้

บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ นักหมากรุกสากลระดับตำนาน มีชีวิตที่ไม่ปกติ มีปัญหาทางอารมณ์ บุคลิกภาพ และมนุษยสัมพันธ์ จนทำให้เป็นที่จดจำ

บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ เกิดที่ชิคาโก้ อเมริกา เมื่อ ๙ มีค. ๒๔๘๖ พ่อเป็นนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน พ่อแม่หย่าร้างกัน บ๊อบบี้อยู่กับแม่และพี่สาว เล่นหมากรุกตั้งแต่ ๖ ขวบ แม่นำไปฝากเป็นศิษย์ของครูคอลลินส์ (John W. Collins) ครูหมากรุกชื่อดัง เขาเรียนไม่จบมัธยม ลาออกไปเอาดีทางแข่งหมากรุก

ปี ๒๔๙๙ ชนะเลิศ U.S Junior Championship เป็นแชมป์ประเทศเมื่อ ๒๕๐๑ และขยับไปเป็น International Grand Master ก่อนไปชิงแชมป์โลกในปี ๒๕๑๔

ในการแข่งขันหมากรุกชิงแชมป์โลกปี ๒๕๑๕ ประเทศไอซ์แลนด์ เพื่อชิงแชมป์กับนักกีฬาชาวรัสเซีย บอริส สปาสสกี (Boris Spassky) เขาสร้างปัญหาก่อกวนการแข่งขัน แต่สุดท้ายเขาสามารถเอาชนะชาวรัสเซีย เป็นการแข่งขันที่ประวัติศาสตร์จารึกเพราะเกิดในยุคสงครามเย็นระหว่างอเมริกา-รัสเซีย

ปี ๒๕๑๘ เพราะเพี้ยนสุดๆ ฟิชเชอร์ไม่ยอมป้องกันตำแหน่งกับ อนาโตลี คาร์ปอฟ (ชาวรัสเซียอีกคนที่โด่งดังมาก) จึงถูกถอดจากตำแหน่ง

หลังจากหายหน้าไปเกือบ ๒๐ ปี ฟิชเชอร์กลับมาอีกครั้งเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งเก่า บอริส สปาสสกี ในประเทศยูโกสลาเวีย ซึ่งเวลานั้นถูกสหประชาชาติคว่ำบาตร การที่ฟิชเชอร์เข้าไปแข่งขันเพื่อรับเงินรางวัลจึงเป็นความผิดทางอาญา แต่คนเพี้ยนๆ อย่างเขาไม่สนใจ หลังแข่งขันเขาหายตัวไปอีกครั้งโดยหลบซ่อนตัวในประเทศต่างๆ

แม้ฟิชเชอร์จะเคยสร้างชื่อเสียงให้อเมริกา แต่เขาไม่เป็นที่ปลื้ม เพราะ ความเพี้ยนสุดๆ เขาประกาศต่อต้านอเมริกา และยิว เขาให้สัมภาษณ์ที่ฟิลิปปินส์โจมตีประเทศบ้านเกิดในคราวเหตุการณ์ ๙๑๑ ศูนย์การค้าเวิลด์เทรดถูกโจมตีว่าเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะอเมริกาก่อกรรมไว้มาก เขาถูกเพิกถอนสัญชาติ

ฟิชเชอร์ถูกจับที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๗ ข้อหาใช้พาสปอร์ตที่ถูกระงับ และเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ถูกควบคุมตัวในญี่ปุ่น ๘ เดือน

ในปี ๒๕๔๘ ฟิชเชอร์ ได้รับสัญชาติไอซ์แลนด์ เขาเดินทางไปพำนักที่นั่น จนเสียชีวิตเมื่อ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๑ อายุ ๖๔ ปี จบตำนานชีวิตอันโลดโผน ลี้ลับ ลงโดยไม่มีโอกาสกลับบ้านเกิด แต่ยังคงเป็นตำนานหมากรุกของโลกตลอดกาล.

ฟิชเชอร์เขียนหนังสือหมากรุก ๒ เล่ม คือ Bobby Fisher Teaches Chess (1966) และ My 60 Memorable Games (1969)

มีคนเขียนหนังสือเกี่ยวเขามากกว่าสิบเล่ม หนัง และสารคดีอีกหลายเรื่อง.

ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Bobby_Fischer

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsI...

http://www.amazon.co.uk/

หมายเลขบันทึก: 588539เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2015 16:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2015 16:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

เป็นการเลี้ยงลูกที่เข้มงวดและคาดหวังมากไปก็ไม่ดีนะครับ

แต่ประวัติของ Josh น่าศึกษามากเลยครับ

ขอบคุณนะคะน้อง ขจิต ฝอยทอง ที่แวะมาอ่านบันทึกยาวๆ ของพี่

เวลาดูหนังบางเรื่องก็อดไม่ได้ที่จะตามไปอ่านจนครบ แล้วอดไม่ได้ที่จะเขียนบันทึกค่ะ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องที่พี่ดูหลายรอบค่ะ

ชอบอ่านงานวิจารณ์ครับ

ขอบคุณ อาจารย์ต้น

ชอบดูหนังด้วยมั๊ยคะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านให้มอบดอกไม้ค่ะ

น้องเพชร เพชรน้ำหนึ่ง

คุณ วินัย เจริญเฉลิมศักดิ์ และ

คุณ tuknarak

ชอบครับ เพราะผมเองก็เล่นหมากรุกเหมือนกัน ขอบคุณ สำหรับเรื่องดีๆ ครับ.....

ขอบคุณนะคะอาจารย์ รศ.ดร. เพชรากร หาญพานิชย์ ที่แวะมาอ่าน

ที่บ้านตอนลูกเล็กๆ เล่นหมากรุกกันประจำค่ะ หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังในดวงใจ ดูหลายรอบไม่เบื่อ

ชอบจังครับ...เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง...เป็นเรื่องของเด็กด้วยครับ

ต้องหาโอกาสตามไปดูว่าตอนจบของหนังจะเป็นอย่างไง?

แต่ชีวิตของผมในวัยเด็ก จำได้แม่นว่า ไม่ต้องเก่ง ต้องรวยเท่าเพื่อนคนอื่นๆ

ขอให้ได้อยู่กับเตี่ยและแม่ก็พอครับ

เป็นหนังที่อบอุ่นมากค่ะน้อง ทิมดาบ

ไม่ว่าจะอย่างไร ความรัก เข้าใจ ของพ่อแม่สำหรับกว่าชัยชนะค่ะ

จอช ประสบความสำเร็จในระดับโลก และมีชีวิตที่มีความสุขค่ะ ต่างจาก บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์ที่รันทดมาก

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท