"ร้อนนอก อย่าร้อนใน" (กลอน)


เข้าสู่เดือน เยือนร้อน นอนนั่งทุกข์

เพราะโลกถูก แผดเผา ให้เร้าร้อน

สรรพสัตว์ พัฒนา หาที่จร

พืชต้องผ่อน ต้อนรับ ปรับตัวตน


ผืนดินแห้ง แล้งน้ำ ตามท้องทุ่ง

ไอแดดหุง ฝูงแมลง หาแหล่งพ้น

หลีกหลบซ่อน นอนพัก ประจักษ์ตน

ตามกาลกล ทนลำบาก ตามหลักกาล


พีชะพืช อยู่ยืดอก โลกรุมร้อน

จะสัญจร เร่ร่อนไป ไม่มีฐาน

มันไร้ขา หาแหล่งหลบ ซบสายธาร

จึงยืนต้าน ทานทน จำนนไฟ


กอหญ้าหยุด คุดคู้ อยู่ใต้ผืน

เคยชุ่มชื้น ตื่นตัว เป็นหัวไหล

เมื่อกาลแล้ง แสงร้อน บ่อนทำลาย

ต้นหญ้าตาย ใบแห้ง แถลงกาล


สัตว์น้อยใหญ่ ในหล้า หาที่หลบ

ปูเขียดกบ หลบในรู อยู่สุขสันต์

พวกนกหนู งูกิ้งก่า หากบดาน

แมลงวัน ขยันไข่ ผู้วายชนม์


พืชและสัตว์ พัฒนา ทุกหน้าแล้ว

ย่อมรู้แนว มรรคา มาหลายหน

ทั้งหน้าหนาว คราวร้อน รู้ผ่อนปรน

รู้หน้าฝน ทนสู้ อยู่ชำนาญ


สัตว์ขี้กลัว ชั่วกาล มีปัญหา

มนุษยา หน้าไหน ไม่สุขสันต์

ฝนตกหนัก มักด่า เทพาพลัน

หนาวหนักดัน ฉันไม่ชอบ ตอบทันที


ยิ่งหน้าแล้ง แรงด่า มหาศาล

เกิดรำคาญ พาลโกรธ โทษราษี

กายร้อนรุ่ม สุมใจ ไหม้ชีวี

ขาดขันติ สติยั้ง ให้ยั่งยืน


เพราะมนุษย์ มีชุดทัศน์ พัฒน์สมอง

ยามขุ่นข้อง สมองสั่ง หาทางขืน

ยามมีทุกข์ รุกเร้า เข้าขูดคืน

อยู่บนพื้น ผืนแผ่นกลาง ตารางใจ


จุดศูนย์กลาง วางอารมณ์ ไม่จมจ่อม

อยู่ในต่อม ตัวตู ไม่ตู่ไต่

ธรรมชาติ กัดกร่อน ต้องผ่อนใจ

ไม่รั่วไหล ไปตามกาล บีบคั้นเรา


คนฝึกใจ กายจิต เป็นมิตรโลก

ย่อมไม่ตก หกหล่น ทนแผดเผา

เราอยู่ใต้ ธารา มายืนยาว

ใต้แสงดาว แสงแดด คู่แฝดคน


อัศจรรย์ กันไหม ในเขตร้อน

แสงกัดกร่อน ก้อนดิน หินปี้ป่น

เป็นทะเล เม็ดทราย กลายเป็นพล

ที่ร้อนล้น มีกลโกรธ โหดแท้จริง


แม้จะร้อน ยังซ่อนเย็น ให้เห็นอยู่

พืชยังสู้ อยู่ยั้ง อย่างยากยิ่ง

สัตว์ก็มี ชีวีรอด ปลอดภัยจริง

เป็นที่พิง วิ่งเล่น เป็นบ้านเรือน


หากศึกษา หาความรู้ ดูกายโลก

มีนรก ที่กกแกน ดั่งแดนเถื่อน

เป็นลาวา นรก พกพลเรือน

ที่ยกเคลื่อน เรือนผิว ให้ปลิวลอย


แรกรากโลก พกไฟ ไว้เป็นก้อน

ลอยเร่ร่อน ก้อนหินไฟ หล่นใส่บ่อย

เมื่อสะสม จนกลมกล่อม ล้อมเป็นรอย

แล้วค่อยๆ ลอยหมุนวน ฝนหล่นมา


เมื่อผิวเย็น น้ำเยอะ จึงเจอสัตว์

แสงค่อยพัฒน์ เป็นสัตว์น้ำ ตามทิศา

แผ่ขยาย กระจายพันธุ์ ผ่านเวลา

วัฒนา สรรพสิ่ง พึ่งพิงกัน


เมื่อรู้ชัด พัฒนา มาจากไหน

เราเกิดใหม่ ใช้ชีวิต จิตสั้นๆ

แต่โลกนี้ มีมา อย่างช้านาน

ทุกชีวัน ต้องผันผ่อน อ่อนโอนตาม


มนุษย์เมือง เคืองขุ่น วุ่น"เป็นอยู่"

จึงเฟื่องฟู อยู่กิน ถิ่นล้นหลาม

เป็นแดนแย่ง แข่งขัน ด้านกินกาม

จึงมูมมาม ตามกิเลส เหตุร้อนรน


มนุษย์ชน คนทั้งโลก ตกเป็นทาส

กลับองอาจ ฉลาดล้ำ ไปตามผล

มีความคิด อิสระ ชนะชน

แต่แพ้ตน คนข้างใน ห้องใจตัว


คนยิ่งใหญ่ เมื่อได้คน เป็นพลเคลื่อน

ใจไหลเลื่อน เปื้อนกู อยู่ในหัว

ออกคำสั่ง นั่งชี้ ไม่มีกลัว

ใจจึงรั่ว พัวพัน ไร้ขันตี


เมื่อสัตว์โลก ลื่นไหล ไปตามเหตุ

กองกิเลส เหนือใจ ได้ข่มขี่

ใจจึงร้อน อ่อนไหว ไวทวี

พวกเศรษฐี จึงมีใจ ไม่คงทน


คนในเมือง ก็เรื่องมาก อยากไม่หยุด

ชาวบ้านขุด ตัดราก พืชผักผล

ไม้ในป่า ล่าเผื่อ เจือเมืองคน

เขาจึงโกร๋น ป่าโดนตัด น้ำซัดเมือง


จากป่าดอย หร่อยหรอ เหลือตอตัด

น้ำก็ขาด ผู้จัดสรร แบ่งปันเหมือง

พลังน้ำ ธรรมชาติ ไม่ขัดเคือง

จึงไหลเนื่อง ถึงเมืองบ้าน จนบรรลัย


ฤดูกาล ผ่านไป หลายศตวรรษ

พวกหมู่สัตว์ สูญพันธุ์ กันหลากหลาย

เพราะคนมาก ปากท้อง เรียกร้องไพร

ขยับขยาย ไล่บ้านสัตว์ กำจัดมัน


อีกป่าไม้ นายตัด ขัดต้นน้ำ

ทำไร่ซ้ำ ย่ำยี วิถีฐาน

ยามน้ำป่า บ่าไหล ทำลายครัน

ทับถมบ้าน ชีวันล่ม จมตมโคลน


ยามหน้าแล้ง แห้งเหือด จนเดือดร้อน

จะนั่งนอน ก็อ่อนแรง ทุกแห่งหน

พาให้จิต เกิดพิษสุม รุมกมล

ใจร้อนรน คนร้อนใจ ตายฉับพลัน


คนมีเงิน เพลินเพลิด เปิดแอร์ฉ่ำ

คนชั้นต่ำ ย่ำต๊อก ตามซอกฐาน

คนถนน ต้องทนร้อน ยามจรกัน

คนสวรรค์ เดินย่านห้าง อย่างสบาย


ยิ่งหนีร้อน นอนแอร์ ยิ่งแย่ยิ่ง

เหมือนเราวิ่ง ทิ้งภูมิ คุ้มกันไซร้

แอฟริกา หน้าดำ แดนดำกาย

อยู่เมืองไทย ไม่มีบ่น อึดทนทาน


หากกายขาด หัดทน กายย่นย่อ

อีกใจท้อ ไม่ก่อทน ก็จนฐาน

อยู่ในโลก มีผกผิน ยินตามกาล

เดี๋ยวกายซ่าน จิตจะฟุ้ง จนตุ้งติ้ง


นึกถึงคน พลทหาร รั้วบ้านเถิด

ตำรวจเปิด ไฟจราจร ร้อนอย่างยิ่ง

ชาวนาไร่ ไถนา ท้าแดดจริง

ไม้ยืนนิ่ง ผิงไฟแดด เหมือนแรดเลย


อีกคุณธรรม ค้ำใจ มิให้แล้ง

มิให้แห้ง แล้งธรรม ย้ำเฉลย

กายลำบาก จิตรักษา อย่าละเลย

อย่าร้อนเลย เกินกาย จนใจ"จน"


ขอให้ร้อน เพียงกาย สหายมิตร

พกธรรมติด กระเป๋าใจ ไว้ทุกหน

ร้อนนิดหน่อย คอยลูบ จูบใจตน

ร้อนเมืองคน ไม่ทนเท่า เตาอเวจีเอย


---------------------๒/๔/๕๘-----------------------

คำสำคัญ (Tags): #ร้อนกาย สหายทน
หมายเลขบันทึก: 588377เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2015 22:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน 2015 22:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

I was trying to sleep in Bangkok 2 years ago, the night temperature at 11 PM was 30C, I read books by a led bed lamp, had electric fans on, listened to cool Thai classical music, sipped iced tea. I learned to see that feeling (vedanaa) [of a ruupa -- temparature] had overcome every other khandhas. Though I recognized full well that it was only temparature, I still thought up many other ways to cool down. I had my mind filled up with "dosa, lobha, and moha" for many hours that night. I moved to a country town next day.

I still wonder what is the "sum of all people's suffering from mere temperature night after night"? What possible akusala kammas they may do?

Heat is real (dukkha)!

อ่านแล้วมองเห็นภาพชัดเจน ให้ข้อคิด คติเตือนใจ

ชอบบทนี้มาก

"ขอให้ร้อน เพียงกาย สหายมิตร

พกธรรมติด กระเป๋าใจ ไว้ทุกหน

ร้อนนิดหน่อย คอยลูบ จูบใจตน

ร้อนเมืองคน ไม่ทนเท่า เตาอเวจีเอย"

ขอบคุณมากค่ะอาจารย์

ร้อนใน + ร้อนใจ .... ทำให้เกิดความครียดนะคะ .... ลดความเครียดโดยการ ไปปั่นจักรยาน นะคะ


สาธุเลยครับอาจารย์เงาะ

ได้เรียนรู้กลอนและธรรมมะไปพร้อมกัน

ขอบคุณมากๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท