จากวันนั้น.....วันที่เด็กตัวน้อย ๆ สองสามคน มาบอกคุณมะเดื่อว่า " หนูอ่านหนังสือ
ให้ฟังนะคะ " ซึ่งเป็นจุุดเริ่มต้นของการปลุกชีวิตให้ห้องสมุด...... ถึงวันนี้
ในยามว่าง หรือ พักเที่ยง หลังอาหารเที่ยงแล้ว ห้องสมุดของคุณมะเดื่อ
ก็จะมีสมาชิกที่รักการอ่าน รักกิจกรรมที่ได้ทำในห้องสมุด เข้ามาอ่านหนังสือ
และเข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ กันเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบางวันดูเหมือนห้องสมุด
จะแคบลงไปทีเดียว
การอ่านดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมหลักของเด็ก ๆ สมาชิกนักอ่าน ที่มีนักเรียน
นับตั้งแต่ ชั้น อนุบาล จนถึง ป.๖ บางวันคุณมะเดื่อก็จะมีของรางวัล
เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ แต่บางวันก็ไม่มี วันไหนไม่มีของรางวัล
เด็ก ๆ หลายคนก็จะบอกว่า " ไม่เป็นไรครับ / ค่ะ ผม / หนูอยากอ่าน "
นอกจากการอ่านเป็นงานหลักแล้ว ห้องสมุดยังมีกิจกรรมเสริมเติมต่อ
เป็นการต่อยอดจากการอ่านอีกหลายกิจกรรม อย่างเช่น การตอบคำถาม
การวาดภาพ การบรรยายภาพ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะมีการตัดสิน
และมอบรางวัลให้กับเด็ก ๆ ที่ชนะ
รางวัลเหล่านี้บางครั้งก็เป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ชนมชิ้นเล็ก ๆ ดินสอ สมุดฯลฯ
ที่คุณมะเดื่อจัดหาให้ ไปจนถึงรางวัลพิเศษที่มีผู้มอบให้ ( ในภาพ เป็นของรางวัล
ที่คุณหมอเปิ้นมอบผ่านคุณมะเดื่อเพื่อให้เด็ก ๆ จ้ะ )
กิจกรรมการประดิษฐ์เศษวัสดุต่าง ๆ ซึีงคุณมะเดื่อจะนำมาทำให้นักเรียนที่สนใจ
ดูเป็นตัวอย่าง เช่น ดอกฝิ่นจากตาข่ายห่อผลไม้ ที่คุณมะเดื่อเห็นจาก
บูธแสดงผลงานหน้าหอประชุมคุรุสภา คุณมะเดื่อนำมาทดลองทำจนทำได้
กังหันกระดาษ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ สนใจฝึกทำกันมาก
โดยที่คุณมะเดื่อจะจัดเตรียมอุปกรณ์บางอย่างไว้ให้ และให้เด็ก ๆ
จัดหาบางส่วน กิจกรรมเหล่านี้ คุณมะเดื่อจะสอนเพียงไม่กี่คน
แล้วเด็กที่ทำเป็นแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่สอนให้เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ต่อไป
กิจกรรมหนังสือเล่มเล็ก เป็นอีกกิจกรรมต่อยอดจากการอ่านอีกกิจกรรมหนึ่ง
ที่เด็ก ๆ สนใจจัดทำกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก หรือเด็กโต บนชั้นวางหนังสือ
เล่มเล็ก มีผลงานของเด็ก ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายเล่มจ้ะ
" ขวดน้ำใจ ให้ปัญญา" เป็นกิจกรรมล่าสุด ที่เกิดจากความคิดของ
นักเรียนชั้น ป.๖ คนหนึ่ง คือ เด็กชายธนกฤต ที่ยื่นความประสงค์
ที่จะบริจาคเงินให้กับห้องสมุด จำนวน ๑๐ บาท และจะบริจาคให้
ห้องสมุดทุกสัปดาห์......คงเพราะเห็นว่า ห้องสมุดมีกิจกรรมต่าง ๆ
ให้กับนักเรียนตลอดมา และเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เงินในการซื้อของ
รางวัล หรืออื่น ๆ .... แรกทีเดียวคุณมะเดื่อไม่ยอมรับ แต่ธนฤตก็
มารบเร้า ..... จนต่อมาก็เกิดความคิดเรื่องที่จะบอกต่อให้กับ
ทุก ๆ คน ได้ร่วมกันบริจาคเงิน ( ที่เหลือจากค่าขนมบางส่วน )
โดยการหยอดลงในขวด " น้ำใจ ให้ปัญญา "
คุณมะเดื่อจึงต้องเน้นว่า ให้บริจาคเพียงเล็กน้อย เท่าที่เหลือเศษสตางค์
เช่น หนึ่งบาท หรือ เหรียญสลึง เหรียญห้าสิบสตางค์เท่านั้น และได้จัดทำ
สมุดรายนามผู้มีน้ำใจ ให้เด็ก ๆ ได้ลงชื่อไว้เป็นหลักฐานการบริจาคด้วย
โดยคุณมะเดื่อมอบหมายให้เจ้าของความคิด คือ เด็กชายธนกฤต เป็นผู้ดูแล
ขวดน้ำใจ....ตลอดจนกิจกรรมนี้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
กิจกรรมนี้เพิ่งเริ่มต้นได้เพียงสองวัน เท่านั้น เด็ก ๆ นับยอดเงินบริจาคที่มีหลักฐาน
ในสมุดได้ เกือบ ๆ ร้อยห้าสิบบาทแล้ว
ธนกฤตบอกว่า " ผมมีความคิดที่จะทำอีกกิจกรรมหนึ่งครับ คือ กิจกรรมหนังสือนี้
เพื่อน้อง.....พรุ่งนี้ผมจะลองเขียนมาให้ครูพิจารณานะครับ "
อีกเรื่องหนึ่งที่คุณมะเดื่อรู้สึกชื่นใจ และดีใจมาก ๆ ก็คือ มีเด็ก ๆ ที่
เป็นนักอ่านคนแรก ๆ ได้ชักชวนให้เพื่อน ๆ เข้ามาอ่านหนังสือ
และทำกิจกรรมในห้องสมุดด้วย โดยที่เด็กที่เพื่อนชักชวนมานั้น
ไม่เคยสนใจห้องสมุดเลย และค่อนข้างจะเป็นเด็กเกเร
ชอบแกล้งเพื่อน ๆ .... เมื่อเข้าห้องสมุด เพื่อน ๆ ก็นำทำกิจกรรม
ทำให้เขาชอบใจ ทำกิจกรรมและอ่านหนังสือกับเพื่อน ๆ ด้วย
นอกจากนั้น ยังช่วยทำความสะอาดห้องสมุดอีกด้วย คุณมะเดื่อ
กล่าวชมเชยเชา เขายิ้มหน้าบานดีใจ ....ชื่นใจจริง ๆ
ในความ " ไร้ชีวิต สิ้นชีวา " ของห้องสมุดโรงเรียนของคุณมะเดื่อ ก็ยังพอหา ....
" ลมหายใจรวยริน....สัญญาณแห่งชีวิต " ได้อยู่บ้างนะ....และเป็น " สัญญาณชีวิต"
ที่เป็นเสมือน " แสงทิพย์ " ที่กระตุ้นให้คุณมะเดื่อมีกำลังใจที่จะเดินหน้าไปกับเด็ก ๆ
เพื่อ " ปลุกห้องสมุด " ให้ฟื้นชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ...แม้ว่าจะ เป็นการเดินที่....ตุปัดตุเป๋...
ทุลักทุเล....เหลือเกิน....ก็ตามที....
สวัสดีน้องมะเดื่อ
ส่งยายธีกลับสิงห์บุรีแล้วครับ
จ้าาลุงวอ กลับรถหรือกลับเครื่องบินจ๊ะ เลยพลาดพบกับน้องขจิต อาจารย์จัน และก็ครูหยินเลยนะ
ครูหยินบอกว่า นัดกับอาจารย์จัน น้องขจิต กินมื้อเย็นกันวันพรุ่งนี้จ้ะ
รักลูก(ศิษย์) .... ให้ลูกรักการอ่าน นะคะ.... ชอบภาพนี้มากๆๆ ค่ะ