หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน : (เสียงจากนิสิตสาขาเกาหลี) ถามว่ามันคุ้มมั๊ย -มันคุ้มค่ามากๆ


นอกจากการเป็นครูสอนแล้ว ยังได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากคนในชุมชน เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน รู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน

ทำไมนิสิตถึงตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

กิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ทางสาขาได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปีที่สามแล้ว แต่ละปีก็จะมีนิสิตเข้าร่วมกิจกรรมอยู่แล้ว แต่สำหรับหนูแล้ว ปีนี้เป็นปีแรกที่ดิฉันได้เข้าร่วมกิจกรรม ความจริงตอนแรกคิดจะปฏิเสธที่จะเข้าร่วม แต่พอคิดอีกมุมหนึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่หาไม่ได้หาง่ายๆ ที่จะทำให้หนูมีประสบการณ์ที่ดีและมองเห็นโลกกว้างได้กว้างไกลขึ้น

นิสิตทำกิจกรรมอะไรบ้างในหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

สิ่งที่พวกเราได้ทำในกิจกรรม อันดับแรกคือ การทำหนังสือที่ใช้ในการเรียนการสอนภาษาเกาหลีแก่เด็กๆ โดยประชุมเพื่อรวบรวมความคิดเรื่องการออกแบบหนังสือเรียน แบ่งเป็นกลุ่มละ 2 คน ซึ่งห้องเรียนมีทั้งหมด 5 ห้อง ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ชั้น ป.5 ส่วนอีกห้องหนึ่งจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ในชุมชนที่กำลังจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ นอกจานั้นพวกเรายังได้จัดเอาหนังสือนิทาน การ์ตูนเกาหลี พร้อมกับสมุดคำศัพท์ไว้ให้เด็กๆ ได้อ่าน เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และคามรู้ในเรื่องภาษาเกาหลีต่อเด็กๆ นักเรียน และกิจกรรมสุดท้ายที่มีขึ้นในแต่ละครั้งของการทำงานก็คือ การถอดบทเรียน หรือสรุปงานการสอน พวกเราจะประชุมทุกครั้งหลังจากที่สอนเสร็จ เพราะพวกเราจะได้รู้ว่าเด็กแต่ละชั้นเป็นยังไง พวกเขามีความสนใจ หรือถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ สิ่งเหล่านี้มันจะให้พวกเราได้รู้ว่าพวกเราควรเริ่มแก้ไขตรงจุดไหนและจุดไหนควรเสริมเติมแต่งอะไร





นิสิตใช้ความรู้ในวิชาใดบ้างในกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

พวกเราใช้ความรู้พื้นฐานภาษาเกาหลีเบื้องต้นค่ะ ทั้งด้านการเขียน การอ่าน การพูด และการฟัง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นการพูดเป็นหลัก ให้เด็กๆ และคนที่เข้าร่วมได้ฝึกการพูดการทักทาย การแนะนำตัว โดยจะมีบทสนทนาแต่ละบทเรียนให้ได้ฝึกพูด นอกจากนี้ยังทำสื่อการสอนเป็นตัวเสริมการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านความจำ เช่น การ์ดคำศัพท์ แบบฝึกหัด รวมถึงการนำเอาเพลงเข้ามาช่วยให้การเรียนรู้ร่วมกัน เช่น เพลงตัวเลข

คิดว่านิสิตได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมตรงนี้ คือประสบการณ์การเป็นครูสอน การที่จะเป็นครูมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด พอได้ยืนอยู่ ณ จุดนั้นแล้วจะรู้ได้เลยว่าการเป็นครูมันต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ เพื่อที่พวกเด็กๆ จะได้ไปสู่ความฝันและอนาคตของพวกเขาที่มุ่งมั่นไว้ และนอกจากการเป็นครูสอนแล้ว ยังได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากคนในชุมชน เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน รู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน เช่น พวกเรามักจะแลกเปลี่ยนภาษากลางและภาษาถิ่นกับพวกเด็กในช่วงเวลาพักหรือช่วงเล่นเกมส์ บางครั้งก็มีจะคุณยายมานวดหน้าด้วยการใช้สมุนไพรที่หาได้ทั่วไป ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ของชีวิต





อะไรเป็นปัญหา อุปสรรค และความสำเร็จบ้าง

ปัญหาในแรกๆ พบคือการสอน เพราะเป็นครั้งแรกที่มาสอนเด็กนักเรียนเลยยังมีอาการติดๆ ขัดๆ และการเข้าหาเด็กนักเรียนก็ยังทำกันไม่ได้ดีนัก เพราะยังไม่คุ้นเคยกัน แต่หลังจากที่ประชุมกันก็รู้ว่าเด็กแต่ละห้องนั้นเป็นยังไง เพราะเด็กแต่ละห้องไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีวิธีการสอนและการพูดที่แตกต่างกัน ซึ่งก็เริ่มได้รับความสนใจจากเด็กๆมากขึ้น

ความประทับจากกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

สิ่งที่หนูประทับใจที่สุดคงเป็นการไปตามนักเรียนมาเรียนหนังสือ วันนั้นเหมือนได้ประสบการณ์ที่มีค่ามากๆ เพราะในวันนั้นห้องเรียนที่หนูรับผิดชอบเด็กไม่มาเรียน เพราะเด็กติดกิจกรรมของทางโรงเรียน เลยทำให้เด็กส่วนหนึ่งไม่มาเรียน ความรู้สึกในตอนนั้นเรียกได้ว่าสับสนมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่อาจารย์กนกกุลก็ได้ช่วยติดต่อและพูดกับครูทางโรงเรียนบ้านบ่อแกบ่อทองของพวกเด็กให้ หนูเลยถามเด็กๆที่มาทำกิจกรรมว่า “จะเรียนไหม?” เด็กๆตอบว่า “เรียน” ซึ่งหนูรู้สึกดีใจมากที่ได้ยินคำตอบของเด็กๆ อาจารย์กนกกุลให้พวกเราไปตามเด็กมาเรียน พวกเราได้นั่งรถของครูโรงเรียนบ้านบ่อแกบ่อทองออกไป พอไปถึงหมู่บ้านบ่อแกที่เด็กๆ อยู่ หนูถึงได้รู้ว่ามันห่างจากบ้านเลิงแฝกตั้งหลายกิโลเมตร พวกเราได้รู้ว่าเด็กๆ ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเรียน พวกเราเดินไปตามบ้านของเด็กๆที่ละหลัง เด็กๆรู้สึกดีใจที่เห็นหนูและเพื่อนๆ มาหาถึงบ้าน พอเด็กครบแล้วพวกเราก็เดินทางกลับไปที่บ้านเลิงแฝกเพื่อเรียนภาษาเกาหลี และระหว่างทางเด็กๆถามหนูว่า “ครูจะมาสอนที่โรงเรียนพวกผมไหม?” หนูยิ้มให้กับเด็กๆ มันทำให้หนูนึกถึงหนังที่ฉันเคยดูว่าครูพยายามทุกวิธีทางเพื่อที่จะให้เด็กได้มาเรียนหนังสือ หนูรู้สึกเลยว่านี่อาจเป็นหนังชีวิตที่ดีที่สุด หากถามว่ามันเหนื่อยไหม ก็ตอบว่าเหนื่อย แต่ถ้าถามว่ามันคุ้มกับสิ่งที่ทำลงไปไหม หนูก็ตอบได้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก มันกลายเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลย เพราะนอกจากจะทำให้เรารู้ทุกวินาทีของครูมันมีค่ามาก และนักเรียนก็ยังมีค่าสำหรับครูเช่นกัน



เรื่องโดย : นางสาวศุภกานต์ ยศพล นิสิตชั้นปีที่ 2 สาขาภาษาเกาหลี
ภาพโดย : นิสิตสาขาเกาหลี



หมายเลขบันทึก: 578796เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2014 12:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2014 12:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

-สวัสดีครับ<p>-กิจกรรมแบบนี้เป็นการฝึกและได้ประสบการณ์ตรงนะครับ</p><p>-ภาษาเกาหลี…มีบทบาทมากขึ้น…และเป็นภาษาที่น่าสนใจอีกภาษาหนึ่งในยุคนี้</p><p>-ขอบคุณภาพและเรื่องราวดี ๆ นี้ครับ</p><p>-ชอบภาพนี้ครับครู</p><p></p>

กิจกรรมที่มีประโยชน์ สร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็กๆ จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมในอนาคตนะคะ

ชอบการเล่าเรื่องราวของนิสิตแบบนี้

น่าสนใจมาก

เป็นเรื่องเล่าสดๆ

ดีใจที่พบนิสิตบริการสังคมแบบนี้

ขอบคุณมากๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท